“ซินเจียยู่อี่ ... ซินนี้ฮวดใช้” ตรุษจีนปีนี้ Celeb online พาคุณไปรู้จักกับสารพัดเรื่องน่ารู้แบบจีนๆ ของเหล่าเซเลบริตีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาตี๋ อาหมวย ทายาทตระกูลแซ่ต่างๆ หรือกระทั่งบางคนที่อาจจะเห็นหน้าไทยๆ หรือบุคลิกภาพดูฝรั่งจ๋า แต่กลับมีชีวิตและความผูกพันกับแผ่นดินมังกรอย่างไม่น่าเชื่อ

เริ่มจาก “มิ้งค์-ณัฏฐิ์ประภา ชุณหะวัณ” เซเลบสาวร่างเล็กแห่งบ้านชุณหะวัณ ที่นอกจากจะไหว้ตรุษจีนตามธรรมเนียมของตระกูลเป็นประจำทุกปีแล้ว ครอบครัวของเธอยังมีธรรมเนียมพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

“ทุกตรุษจีน ที่บ้านจะทำขนมเทียนมอบให้กับญาติมิตร คนสนิทค่ะ โดยเป็นขนมเทียนสุดพิเศษของทางบ้านคุณแม่ (สกุลเดิม สาลีรัฐวิภาค) ทางตระกูลคุณแม่จะมีชื่อเรื่องทำอาหาร ทำขนม มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งสูตรขนมเทียนนี่ก็มีแม่ครัวคนเก่าแก่ที่ยังคงสืบทอดมา เราก็อยากรักษาไว้ไม่ให้หายไปไหน ทำมาน่าจะเป็นร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ คุณหญิงขนิษฐา สาลีรัฐวิภาค คุณย่าของคุณแม่ ซึ่งที่บ้านก็พยายามคงต้นตำรับไว้ให้มากที่สุด อย่างส่วนประกอบ เช่น ใบย่านาง ที่เอามาผสมในแป้ง ก็ต้องเอามาจากพิษณุโลกบ้านเกิดคุณย่าทวดเลยนะคะ”

ส่วน “ริน-ศรินญา มหาดำรงค์กุล” ผู้บริหารโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด สาวหมวยขนานแท้ ที่ตรุษจีนนับเป็นเทศกาลสำคัญของทายาทสายเลือดมังกร ทั้งการจัดข้าวของเซ่นไหว้กันแบบจัดเต็ม แถมยังเป็นเทศกาลที่เหล่าเครือญาติ จะมาพร้อมหน้าพร้อมตาพบปะสังสรรค์กันทั้งตระกูล

“ที่บ้านรินให้ความสำคัญกับตรุษจีนมากนะคะ โดยในวันไหว้ก็จะจัดข้าวของ อาหาร ผลไม้ เซ่นไหว้บรรพบุรุษ ในทุกปีก็จะทำตามธรรมเนียมแบบครบถ้วน แต่ในปีนี้คุยกันแล้วว่าเราจะไม่เผากระดาษ แค่นี้อากาศก็แย่มากพอแล้วค่ะ ส่วนวันตรุษจีนก็จะไปกินข้าวกันที่โรงแรมกับญาติ โดยทุกคนจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบขาดไม่ได้ เพราะนับเป็นครั้งเดียวในรอบปีที่จะได้เจอกันครบๆ แบบนี้ และทุกปีรินต้องนั่งช่วยคุณปู่เอาเงินใส่ซองอั่งเปา แต๊ะเอีย เตรียมไว้ให้ลูกๆ หลานๆ และตัวรินเองก็ยังได้จากคุณปู่อยู่นะ แม้จะโตแล้ว ทำงานแล้ว เพราะที่บ้านเราถ้าใครยังไม่แต่งงานก็ยังถือว่ามีสิทธิได้รับเช่นเดียวกับเด็กๆ และรินเองก็ใส่ซองให้กับคุณพ่อ คุณแม่ และเหล่าผู้ใหญ่ด้วยเช่นกันค่ะ

แต่สาวคนนี้มาแปลกกว่าเพื่อนหน่อย เพราะ พั้นช์-ภัคญดา ชุติดนัยกุล เป็นสาวไทยแท้ๆ ที่ไม่ได้มีเชื้อสายจีน แต่กลับไหว้พระและยึดหลักธรรมเนียมตรุษจีนแข็งขันยิ่งกว่าใครๆ
“มาเริ่มทำตอนโตแล้วค่ะ เริ่มจากตอนที่เริ่มทำแบรนด์เสื้อผ้า ก็เลยทำเพื่อเป็นสิริมงคล ที่ร้านจะไหว้แบบจัดเต็มทุกปี โดยจะศึกษาเลยนะว่า ปีนี้ฤกษ์ยามอย่างไร ต้องไหว้ทิศไหน ใช้อะไรบ้าง เรียกว่าจริงจังกว่าบ้านคนจีนแท้ๆ ซะอีก(หัวเราะ) ก็จะมีถามเพื่อนๆ เชื้อสายจีนที่บ้านเขาเคร่งๆ หรือหาข้อมูลที่ซินแส กูรูต่างๆ แนะนำบ้างคือ ทำตามธรรมเนียมเป๊ะเลย นอกจากนี้ ยังมีตระเวนไปไหว้พระ ศาลเจ้าต่างๆ จะปีชงไม่ชง ไหว้เผื่อไว้หมด ที่สำคัญคือ ตามธรรมเนียมแล้วเขาจะไม่ให้ทำงานในวันตรุษจีนใช่ไหมคะ เพราะกลัวว่าจะต้องทำงานหนักทั้งปี พั้นช์เลยถือเคล็ดพยายามรับงานในวันตรุษจีน จะได้มีงานไปตลอดปีค่ะ”


นอกจาก 3 สาวนี่แล้วยังมีเซเลบอีกหลายคน ที่เคยผ่านการไปใช้ชีวิตบนแผ่นดินมังกรมาแล้ว อย่าง “เพิร์ลลี่-ลักษมีกานต์ อิงคะกุล” ที่เคยไปอยู่เมืองจีน ในการพาเครือโรงแรมมิราเคิลไปบุกตลาดที่นั่น เธอได้ตระเวนเดินทางไปหลายๆ เมือง ทั้งดูตลาด ประชุมงาน เจรจาธุรกิจกับเหล่าพันธมิตรหุ้นส่วนต่างๆ อยู่หลายปี ส่วน “ไท จิราธิวัฒน์” หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ ที่เข้ามาช่วยงานกิจการของตระกูล ก็เคยพาเซ็นทรัลไปทำธุรกิจบุกเบิกตลาดอยู่ที่นั่นนานถึง 7 ปี ได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย

หรืออย่าง “โบ-ณชา จึงกานต์กุล” สาวนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ “คันนา” ที่เธอเองก็ได้ไอเดียการทำธุรกิจมาจากช่วงเวลาที่เธอเดินทางไปหาประสบการณ์ และเรียนภาษาที่ประเทศจีนในช่วงสั้นๆ โดยเธอใช้เวลาที่ว่างหลังการเรียน ศึกษาตลาดจีน เรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค เห็นความนิยมที่ชาวจีนมีต่อผลไม้ไทย ทำให้เธอได้ไอเดียมาต่อยอดทำธุรกิจผลไม้แปรรูป จนประสบความสำเร็จในระยะเวลาเพียงไม่นานนัก

ปิดท้ายกันด้วยสายเลือดจีนแท้อย่าง ตระกูลเวชพงศา แห่งเวชพงษ์โอสถ ที่นอกจากจะทำธุรกิจขายยาสมุนไพรจีนแล้ว เหล่าทายาทครอบครัวนี้ยังคงผูกพันกับประเทศจีน มีการเดินทางกลับไปเยี่ยมเยือนบ่อยๆ รวมถึงยังไปสร้าง ถู่โหลว หรือ บ้านดิน ที่คล้ายกับป้อมปราการขนาดใหญ่ ไว้ที่ตำบลฝูเจี้ยน ให้กับญาติพี่น้องที่นั่นได้อยู่รวมกันหลายสิบครอบครัว โดยบ้านดินอายุกว่า 80 ปีนี้ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของจีนอีกด้วย
เริ่มจาก “มิ้งค์-ณัฏฐิ์ประภา ชุณหะวัณ” เซเลบสาวร่างเล็กแห่งบ้านชุณหะวัณ ที่นอกจากจะไหว้ตรุษจีนตามธรรมเนียมของตระกูลเป็นประจำทุกปีแล้ว ครอบครัวของเธอยังมีธรรมเนียมพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
“ทุกตรุษจีน ที่บ้านจะทำขนมเทียนมอบให้กับญาติมิตร คนสนิทค่ะ โดยเป็นขนมเทียนสุดพิเศษของทางบ้านคุณแม่ (สกุลเดิม สาลีรัฐวิภาค) ทางตระกูลคุณแม่จะมีชื่อเรื่องทำอาหาร ทำขนม มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งสูตรขนมเทียนนี่ก็มีแม่ครัวคนเก่าแก่ที่ยังคงสืบทอดมา เราก็อยากรักษาไว้ไม่ให้หายไปไหน ทำมาน่าจะเป็นร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ คุณหญิงขนิษฐา สาลีรัฐวิภาค คุณย่าของคุณแม่ ซึ่งที่บ้านก็พยายามคงต้นตำรับไว้ให้มากที่สุด อย่างส่วนประกอบ เช่น ใบย่านาง ที่เอามาผสมในแป้ง ก็ต้องเอามาจากพิษณุโลกบ้านเกิดคุณย่าทวดเลยนะคะ”
ส่วน “ริน-ศรินญา มหาดำรงค์กุล” ผู้บริหารโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด สาวหมวยขนานแท้ ที่ตรุษจีนนับเป็นเทศกาลสำคัญของทายาทสายเลือดมังกร ทั้งการจัดข้าวของเซ่นไหว้กันแบบจัดเต็ม แถมยังเป็นเทศกาลที่เหล่าเครือญาติ จะมาพร้อมหน้าพร้อมตาพบปะสังสรรค์กันทั้งตระกูล
“ที่บ้านรินให้ความสำคัญกับตรุษจีนมากนะคะ โดยในวันไหว้ก็จะจัดข้าวของ อาหาร ผลไม้ เซ่นไหว้บรรพบุรุษ ในทุกปีก็จะทำตามธรรมเนียมแบบครบถ้วน แต่ในปีนี้คุยกันแล้วว่าเราจะไม่เผากระดาษ แค่นี้อากาศก็แย่มากพอแล้วค่ะ ส่วนวันตรุษจีนก็จะไปกินข้าวกันที่โรงแรมกับญาติ โดยทุกคนจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบขาดไม่ได้ เพราะนับเป็นครั้งเดียวในรอบปีที่จะได้เจอกันครบๆ แบบนี้ และทุกปีรินต้องนั่งช่วยคุณปู่เอาเงินใส่ซองอั่งเปา แต๊ะเอีย เตรียมไว้ให้ลูกๆ หลานๆ และตัวรินเองก็ยังได้จากคุณปู่อยู่นะ แม้จะโตแล้ว ทำงานแล้ว เพราะที่บ้านเราถ้าใครยังไม่แต่งงานก็ยังถือว่ามีสิทธิได้รับเช่นเดียวกับเด็กๆ และรินเองก็ใส่ซองให้กับคุณพ่อ คุณแม่ และเหล่าผู้ใหญ่ด้วยเช่นกันค่ะ
แต่สาวคนนี้มาแปลกกว่าเพื่อนหน่อย เพราะ พั้นช์-ภัคญดา ชุติดนัยกุล เป็นสาวไทยแท้ๆ ที่ไม่ได้มีเชื้อสายจีน แต่กลับไหว้พระและยึดหลักธรรมเนียมตรุษจีนแข็งขันยิ่งกว่าใครๆ
“มาเริ่มทำตอนโตแล้วค่ะ เริ่มจากตอนที่เริ่มทำแบรนด์เสื้อผ้า ก็เลยทำเพื่อเป็นสิริมงคล ที่ร้านจะไหว้แบบจัดเต็มทุกปี โดยจะศึกษาเลยนะว่า ปีนี้ฤกษ์ยามอย่างไร ต้องไหว้ทิศไหน ใช้อะไรบ้าง เรียกว่าจริงจังกว่าบ้านคนจีนแท้ๆ ซะอีก(หัวเราะ) ก็จะมีถามเพื่อนๆ เชื้อสายจีนที่บ้านเขาเคร่งๆ หรือหาข้อมูลที่ซินแส กูรูต่างๆ แนะนำบ้างคือ ทำตามธรรมเนียมเป๊ะเลย นอกจากนี้ ยังมีตระเวนไปไหว้พระ ศาลเจ้าต่างๆ จะปีชงไม่ชง ไหว้เผื่อไว้หมด ที่สำคัญคือ ตามธรรมเนียมแล้วเขาจะไม่ให้ทำงานในวันตรุษจีนใช่ไหมคะ เพราะกลัวว่าจะต้องทำงานหนักทั้งปี พั้นช์เลยถือเคล็ดพยายามรับงานในวันตรุษจีน จะได้มีงานไปตลอดปีค่ะ”
นอกจาก 3 สาวนี่แล้วยังมีเซเลบอีกหลายคน ที่เคยผ่านการไปใช้ชีวิตบนแผ่นดินมังกรมาแล้ว อย่าง “เพิร์ลลี่-ลักษมีกานต์ อิงคะกุล” ที่เคยไปอยู่เมืองจีน ในการพาเครือโรงแรมมิราเคิลไปบุกตลาดที่นั่น เธอได้ตระเวนเดินทางไปหลายๆ เมือง ทั้งดูตลาด ประชุมงาน เจรจาธุรกิจกับเหล่าพันธมิตรหุ้นส่วนต่างๆ อยู่หลายปี ส่วน “ไท จิราธิวัฒน์” หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ ที่เข้ามาช่วยงานกิจการของตระกูล ก็เคยพาเซ็นทรัลไปทำธุรกิจบุกเบิกตลาดอยู่ที่นั่นนานถึง 7 ปี ได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย
หรืออย่าง “โบ-ณชา จึงกานต์กุล” สาวนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ “คันนา” ที่เธอเองก็ได้ไอเดียการทำธุรกิจมาจากช่วงเวลาที่เธอเดินทางไปหาประสบการณ์ และเรียนภาษาที่ประเทศจีนในช่วงสั้นๆ โดยเธอใช้เวลาที่ว่างหลังการเรียน ศึกษาตลาดจีน เรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค เห็นความนิยมที่ชาวจีนมีต่อผลไม้ไทย ทำให้เธอได้ไอเดียมาต่อยอดทำธุรกิจผลไม้แปรรูป จนประสบความสำเร็จในระยะเวลาเพียงไม่นานนัก
ปิดท้ายกันด้วยสายเลือดจีนแท้อย่าง ตระกูลเวชพงศา แห่งเวชพงษ์โอสถ ที่นอกจากจะทำธุรกิจขายยาสมุนไพรจีนแล้ว เหล่าทายาทครอบครัวนี้ยังคงผูกพันกับประเทศจีน มีการเดินทางกลับไปเยี่ยมเยือนบ่อยๆ รวมถึงยังไปสร้าง ถู่โหลว หรือ บ้านดิน ที่คล้ายกับป้อมปราการขนาดใหญ่ ไว้ที่ตำบลฝูเจี้ยน ให้กับญาติพี่น้องที่นั่นได้อยู่รวมกันหลายสิบครอบครัว โดยบ้านดินอายุกว่า 80 ปีนี้ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของจีนอีกด้วย