อีกหนึ่งบทบาทของสาวเก่ง “ติ๊ก-อภิภาวดี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ที่นอกจากจะเป็นนักจัดงานอีเวนต์แบบครบวงจร และเป็นซูเปอร์มัมที่ดูแลลูกๆ ทั้ง 2 ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สาวเก่งไม่ยอมทิ้ง คือ การกระเตงลูกรักทั้งสองที่อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้ อย่าง น้องเพลง-เพลงรำไพ และ น้องพิณ-พิณไพเราะ ออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์นอกตำราเรียน ที่เจ้าตัวเชื่อมั่นเสมอว่าการออกเดินทางหนึ่งครั้ง ลูกๆ จะมีโอกาสได้เรียนรู้วิถีชีวิตคนมากกว่าการอ่านหนังสือถึง 10 หน้า
เป็นคนท่องเที่ยวสไตล์ไหน : ปกติจะให้ลูกๆ เลือกทริปเองว่าจะไปที่ไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะไปเที่ยวที่สหรัฐอเมริกากัน เพราะเป็นช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอมนาน 7-8 สัปดาห์ ดังนั้น การเดินทางไปเที่ยวที่นี่จึงเหมาะสมที่สุด โดยเราก็จะถามลูกๆ ว่า ถ้าไปอเมริกาแล้วอยากไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง อย่างน้องเพลงก็จะขอไปเข้าแคมป์กีฬา ส่วนน้องพิณก็อยากไปเข้าแคมป์แดนซ์ เราก็จะพาลูกๆ ไปที่ที่ลูกอยากไป อีกอย่างที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่แต่ละเมืองมีความต่างกันอย่างสุดขั้ว อย่าง นิวยอร์ก ผู้คนก็จะเร่งรีบแข่งกันทำอะไรรวดเร็วตลอดเวลา ส่วนรัฐฟลอริดาผู้คนก็จะตรงกันข้าม ทำอะไรช้าๆ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ซึ่งลูกๆ ก็จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตนิสัยคน รวมทั้งประวัติศาสตร์ของแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เราพาเขาไป
กิจกรรมท่องเที่ยวกับครอบครัว : ช่วงนี้สามี “Mr. Jeremy Casher” และลูกๆ โดยเฉพาะน้องเพลงกำลังเห่อกับกิจกรรมดำน้ำ ติ๊กและครอบครัวจึงพากันไปดำน้ำตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มัลดีฟส์ และล่าสุดที่เพิ่งไปมาคือ ภูเก็ต ซึ่งน้องเพลงและสามีติ๊กก็จะดำน้ำลึกเพื่อลงไปชื่นชมความงามของปะการัง ส่วนติ๊กและน้องพิณยังดำน้ำไม่เก่ง ก็จะดำน้ำแบบสน็อกเกิลแทน แต่บางครั้งน้องพิณกับติ๊กก็จะช่วยกันสำรวจขวดพลาสติกใต้น้ำว่ามีตรงไหนบ้าง ก็จะบอกครูพี่เลี้ยงให้ดำน้ำลงไปเก็บขึ้นมาบนเรือเพื่อนำไปทิ้ง โดยกิจกรรมดำน้ำได้สอนให้ลูกเราได้เรียนรู้ไปในตัว อย่างน้องพิณก็เรียนรู้ที่จะทำให้โลกสะอาดลดปริมาณขยะใต้ท้องทะเล ส่วนน้องเพลง ทุกครั้งก่อนลงไปดำน้ำเขาก็จะได้เรียนรู้ว่าใต้ท้องทะเลมีปลาอะไรให้เขาได้ชมบ้าง ซึ่งแต่ละทะเลก็จะมีปลาไม่เหมือนกันให้เขาได้ศึกษา
โรดทริปกิจกรรมสุดโปรดของครอบครัว : ทุกครั้งที่ไปสหรัฐอเมริกาสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวเราประทับใจสุดๆ ก็คือ กิจกรรมโรดทริป ซึ่งเราจะขับรถจากรัฐฟลอริดาไปเรื่อยๆ ลูกๆ อยากแวะจุดไหนเราก็จะจอดแวะให้เด็กๆ ทำกิจกรรมที่เขาชื่นชอบ โดยเฉพาะ น้องเพลง ด้วยความที่เป็นเด็กนักเรียนนานาชาติ ดังนั้น พอขับรถผ่านเมืองต่างๆ น้องเพลงก็จะโทร.หาครอบครัวเพื่อนที่อยู่ในรัฐนั้นๆ เพื่อไปเยี่ยมเยือนครอบครัวเพื่อนก็สนุกดี และอีกอย่างมันเป็นความอบอุ่นที่พวกเราทั้ง 4 คนได้มีเวลาอยู่ร่วมกันอย่างนานที่สุดเมื่ออยู่ในรถ
ทริปส่วนตัว : ในปีหนึ่งเราจะขอลูกไปทริปส่วนตัวเพียงปีละ 4-5 วันเท่านั้น บางปีแทบไม่ได้ใช้เลย เพราะเป็นห่วงลูก แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วพี่กับแฟนเพิ่งไปเที่ยวพักผ่อนกันที่หัวหิน เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเที่ยวกันเพียงลำพังได้ 2 วันก็ต้องรีบกลับเพราะเป็นห่วงเด็กๆ ที่บ้าน
ทริปประทับใจ : ทุกสถานที่ที่พี่และครอบครัวไปเที่ยวกันล้วนเป็นทริปที่ประทับใจหมดทั้งสิ้น เพราะแต่ละที่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราได้พาน้องเพลงไปเข้าแคมป์บาสเกตบอลที่แฟรงก์เฟิร์ต แล้วตอนนั้นมีเหตุการณ์ประทับใจเกิดขึ้น เมื่อน้องเพลงไปเล่นบาสเกตบอลแล้วโดนเพื่อนเอามือมาปัดโดนหน้าแล้วไม่ขอโทษ พอน้องกลับมาบ้านก็ร้องไห้ว่า เพื่อนเอามือมาโดนหน้าแล้วไม่ขอโทษ ถึงแม้ว่าน้องจะเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แต่ด้วยความที่อยู่ในประเทศไทย เมื่อเราเล่นกีฬามือไปโดนกันนิดหน่อยก็จะต้องขอโทษกัน แต่ที่แฟรงก์เฟิร์ตไม่ใช่ ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นการแข่งขัน ถ้ามือไปโดนกันนิดหน่อยเขามองว่าเป็นเกม จึงไม่ได้ขอโทษกันก็ได้ ดังนั้น เราจึงถามลูกว่าจะย้ายคลาสเรียนแล้วไปเรียนกับคนในช่วงอายุเดียวกันไหมลูก จะได้ตัวใหญ่ที่สุดในคลาสไม่มีใครวิ่งมาชนได้อีก เพราะที่น้องเพลงเรียนอาจมีแต่คนตัวใหญ่ เพราะน้องเพลงอายุน้อยสุด แต่สุดท้ายน้องเพลงก็บอกว่า ไม่ย้ายคลาสเรียน หลังจากวันนั้นลูกก็ปรับตัวได้และไม่ร้องไห้อีกเลย มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่ประทับใจที่เห็นพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของลูกในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ผ่านการเดินทาง ซึ่งพี่เชื่อว่าการเดินทางมันคือการเรียนรู้ชั้นเยี่ยมยิ่งกว่าในตำราเรียนเสียอีกค่ะ