xs
xsm
sm
md
lg

สมสง่าเหนือกาลเวลา ย้อนยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ความงดงามผ่านชุดไทยแสนประณีต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระราชานุญาตให้กองกิจการในพระองค์ จัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ในระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2561 ถึง 19 มกราคม 2562 ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า นั้น บรรยากาศของงานได้ถูกเนรมิตให้เป็นไปในรูปแบบย้อนยุค บอกเล่าความงดงามของประวัติศาสตร์ไทย ผ่านการจัดนิทรรศการและศิลปะแบบจำลองต่างๆ ตลอดจนร้านค้าพระบรมวงศานุวงศ์ และร้านค้ารับเชิญ ต่างจัดรูปแบบร้านในสไตล์ย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 และอีกหนึ่งไฮไลต์ของงานที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้มาร่วมงาน ได้เพลิดเพลินจำเริญใจไม่แพ้ความงดงามของงานก็คือ การแต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคในสมัยรัชกาลที่ 5

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ
ในวันพิธีเปิดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ คนไทยทั้งประเทศนอกจากจะได้ชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในฉลองพระองค์ชุดราชปะแตนสีงาช้าง อันเป็นชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในฉลองพระองค์ชุดไทยแขนหมูแฮมผ้าไหมแพรวา พระภูษาโจงกระเบนสีแดง ที่เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดงานแล้ว บรรดาคนดังหลายคนก็ยังจัดเต็มในชุดไทยอย่างงดงาม
นวลพรรณ ล่ำซำ
เริ่มที่ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ นายหญิงใหญ่แห่งเมืองไทยประกันภัย ที่มาในชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 เสื้อลูกไม้สีขาวแขนหมูแฮม ตัดกับโจงกระเบนสีน้ำตาลพาสเทล แต่ที่เก๋และสะดุดตาที่สุด ก็คงเป็นเพชรซีกที่ประดับอยู่ที่คอ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ากว่าจะได้เพชรซีกชิ้นนี้มาก็ไม่ธรรมดา เพราะต้องไปซื้อที่ร้านขายของโบราณโดยเฉพาะ ส่วนเรื่องราคาเพชรซีกนั้นระดับมาดามแป้งไม่ต้องพูดถึง เท่าไหร่ก็ยอมถ้าถูกใจ

“พอทราบว่าจะมีงานอุ่นไอรัก ครั้งที่ 2 แป้งก็ให้ดีไซเนอร์ออกแบบชุดและตัดชุดขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ส่วนเครื่องประดับเราก็ต้องไปศึกษาดูว่า ผู้หญิงในสมัยนั้นเขาแต่งกายกันอย่างไร และพอรู้ว่ามุกเป็นเครื่องประดับของคนในยุคนั้น เราก็เลยเอามุกที่มีมาประดับที่คอ ส่วนเพชรซีกที่คอแป้งเห็นว่า เป็นของโบราณที่ซื้อจากร้านขายของเก่ามานานแล้ว ก็เลยเอาขึ้นมาใส่อีกครั้ง”

มาดามแป้งบอกว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ทำให้ได้รู้ว่าคนไทยมีขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงามมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ การได้มาเที่ยวงานอุ่นไอรักฯ ทำให้ยิ่งรับรู้ว่าประเทศไทยกับสายน้ำคูคลองต่างๆ มีความเกี่ยวพันกันมาทุกยุคทุกสมัย

“งานนี้นอกจากจะทำให้คนไทยมีความภูมิใจ ที่จะแต่งกายด้วยชุดไทยเดินออกจากบ้านด้วยความภูมิใจแล้ว ยังทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของบ้านเรา ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับแม่น้ำลำคลอง เราใช้แม่น้ำลำคลองสายต่างๆ ในการค้าขาย เดินทางสัญจร และอุปโภคบริโภค ตลอดมาจวบจนปัจจุบันนี้”
จุฑามาศ เบญจรงคกุล (ซ้าย)
ขณะที่ จุฑามาศ เบญจรงคกุล ภรรยาของเจ้าสัววิชัย เบญจรงคกุล ถึงแม้ปกติจะสวมใส่ผ้าไทยไปไหนมาไหนเป็นประจำอยู่แล้ว หากแต่ครั้งนี้ขอจัดเต็มย้อนยุคไปสมัยรัชกาลที่ 5กับเสื้อลูกไม้แขนหมูแฮม กับโจงกระเบนผ้าไหมจาก มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ แถมครั้งนี้ยังได้เปิดตู้เซฟนำกระเป๋าย่านลิเภาของเก่าเก็บ ที่ซื้อจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เมื่อ 10 ปีก่อนออกมาใช้อีกด้วย

“ปกติแล้วก็เป็นคนใส่ชุดไทยอยู่แล้ว แต่โอกาสที่จะใส่ชุดโจงกระเบนแบบนี้มีน้อยมาก ดังนั้น พอรู้ว่าจะมีงานนี้ก็สั่งตัดชุดใหม่ทั้งชุด และเพื่อให้เข้ากับชุดไทยย้อนยุค จึงนำเอากระเป๋าย่านลิเภาที่ซื้อไว้นานมากแล้วออกมาใช้อีกครั้งเพื่อให้เข้ากับชุด งานนี้มันเหมือนกับเราได้ย้อนยุคกลับไปอยู่ในอดีตจริงๆ เป็นงานที่ทำให้คนไทยมีความภูมิใจในความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย โดยเฉพาะ ชุดไทย ผ้าไทย ที่มีความสวยงามคลาสสิกเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังคงสามารถนำมาสวมใส่ได้ทุกเวลา อีกทั้งยังเป็นการประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่า เมืองไทยมีความสวยงามไม่แพ้ใครในโลก”
ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ
ขณะที่ ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บจก.บุญรอดบริวเวอรี่ ก็ได้จัดเต็มในชุดเสื้อลูกไม้และโจงกระเบนที่ออกแบบและตัดโดย ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ ดีไซเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผ้าไทยโดยเฉพาะ โจงกระเบนใช้ผ้าไหมมัดหมี่ จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ส่วนเครื่องประดับทั้งเข็มขัดและหัวเข็มขัดเพชรซีกลงยา และกำไลเพชรซีกนั้นเป็นของคุณแม่ (คุณหญิงอรนุช ภิรมย์ภักดี) ที่เตรียมไว้ให้นานแล้วประมาณ20กว่าปี โดยซื้อจากร้านคุณป้าภา ส่วนโชกเกอร์ก็จากร้านคุณป้าภาเช่นกัน

“ปกติเป็นคนใส่ผ้าไทยทำงานอยู่แล้ว แต่โจงกระเบนไม่ค่อยได้ใส่สักเท่าไหร่ แต่พอมางานนี้เราจึงได้นำผ้าไหมหมัดหมี่ที่ซื้อจาก ร้านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาให้ดีไซเนอร์ออกแบบเพื่อตัดเย็บใหม่ทั้งหมด เพื่อใส่สำหรับงานนี้ งานอุ่นไอรักฯ นอกจากคนไทยจะได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 10ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกคนแล้ว งานนี้ยังทำให้คนไทยได้ศึกษาวิถีการดำรงชีวิตของคนสมัยก่อน ผ่านการแต่งกาย อย่าง ชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นชุดไทยที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตก ดังจะเห็นได้จากเสื้อแขนหมูแฮม อันเป็นเสื้อที่สุภาพสตรีในยุคนั้นนิยม ซึ่งเป็นเสื้อที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก สิ่งเหล่านี้ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ประเทศไทยมีการติดต่อกับชาวต่างชาติมาอย่างช้านาน ผ่านการแต่งกายนั่นเอง” ผู้บริหารคนเก่งเล่าด้วยความภาคภูมิใจ
วัลลิยา ปังศรีวงศ์
นอกจากนี้ ยังมีคนดังคนอื่นๆ ที่บรรจงตั้งใจแต่งชุดไทยย้อนยุค เพื่อประกาศความเป็นไทยให้โลกรับรู้ถึงความงดงามของเมืองไทยอีกหลายคนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น วัลลิยา ปังศรีวงศ์ ที่สวยสมวัยในชุดไทยประยุกต์ กับเสื้อผ้าไทยสีพื้นใส่คู่กับโจงกระเบนสีน้ำตาลเข้ม, ม.ล. สมรดา ชุมพล ก็สวยสง่าในชุดไทยย้อนยุคสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์, พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา ก็จัดเต็มในชุดราชปะแตน สมัยรัชกาลที่ 5 ประหนึ่งคุณเปรมที่หลุดออกมาจากสี่แผ่นดินเลยคร่า
ม.ล. สมรดา ชุมพล (ซ้าย)
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา (ขวา)


กำลังโหลดความคิดเห็น