xs
xsm
sm
md
lg

ม.ล.กมลพฤทธิ์ ชุมพล ผู้ปั้นแอปฯ Skootar พลิกโฉมเมสเซนเจอร์ไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ในฐานะคนหนุ่มไฟแรงที่ชีวิตก้าวไปตามสเต็ป หลังจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากสหรัฐฯ ก็เข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการที่ปรึกษาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พร้อมตามหาความฝันที่อยากจะสร้างธุรกิจ ในตอนแรก “โก้-ม.ล.กมลพฤทธิ์ ชุมพล” ยอมรับว่ายังไม่มีภาพในหัวว่าธุรกิจนั้นคืออะไร จนกระทั่งได้มีโอกาสเข้าคอร์สที่ Disrupt University จึงได้มีโอกาสพบกับอีก 2 พาร์ตเนอร์ที่ลงขันลงแรงช่วยกันขับเคี่ยว “สกูตาร์” (Skootar) แอปพลิเคชัน และเว็บไซต์เรียกเมสเซนเจอร์ออนไลน์ จากโนเนมจนเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน

“เราเปิดตัวแอปฯ สกูตาร์ ได้ประมาณ 3 ปีครึ่ง เป็นแอปฯ บริการเรียกเมสเซนเจอร์ออนไลน์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก หลักการคล้ายๆ กับแกร็บ (Grab) และอูเบอร์ (Uber) ที่หลายคนคุ้นเคย แต่เปลี่ยนจากการรับส่งผู้โดยสารเป็นรับส่งเอกสาร พร้อมมีฟังก์ชันเสริมที่ช่วยตอบโจทย์ภาคธุรกิจ คือ สามารถช่วยเดินเอกสาร วางบิล เข้าเช็คได้” โก้ ในฐานะ Co-CEO & Co-founder ของสกูตาร์ นิยามถึงความพิเศษของแอปฯ ที่ปั้นมากับมือแบบกระชับ ก่อนขยายความเพิ่มเติมว่า

“ไอเดียนี้เริ่มต้นจากผมและหุ้นส่วนอีกสองคน เรามาจากต่างธุรกิจ แต่พอคุยกันแล้วกลับเห็นพ้องกันว่าปัจจุบันมีเอสเอ็มอีจำนวนมากที่ต้องประสบปัญหากับงานรับ-ส่งเอกสาร อย่างการวางบิล เข้าเช็ค สิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับคนทำเอสเอ็มอีกลับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าวางบิลไม่ทันก็มีผลให้ได้รับเงินล่าช้า บางรายอาจต้องรอกำหนดรอบวางบิลเดือนถัดไป ทางออกของเอสเอ็มอีส่วนใหญ่จึงเลือกมองหาเมสเซนเจอร์อิสระ หรือวินมอเตอร์ไซค์ จะใช้งานแต่ละครั้งก็ต้องต่อรองราคากันใหม่ ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจเพราะไม่สามารถติดตามได้ว่าคนขับไปถึงไหนแล้ว นอกเส้นทางหรือเปล่า พูดง่ายๆ ว่าห่วงไปหมด”

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งสามหนุ่มไฟแรงจึงระดมความคิดร่วมกัน พร้อมศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ก่อนจะประกาศตัวเป็นสตาร์ทอัพ พัฒนาบริการที่จะพลิกโฉมเมสเซนเจอร์ไทย นั่นคือ สกูตาร์ ขึ้น

“พอเราได้ Pain Point ของลูกค้า ช่วงแรกๆ ก่อนเริ่มพัฒนาเป็นแอปฯ เราสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้เมสเซนเจอร์จริงๆ ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ใช้ทั่วไป รวมไปถึงเมสเซนเจอร์ที่รับงานจริงๆ ว่าปัญหาที่เขาเจอคืออะไร จากนั้นจึงค่อยๆ พัฒนาปรับปรุงระบบขึ้นมา ช่วงนั้นเรายังไม่ได้ลาออกจากงานประจำ อาศัยวันหยุดก็มาประชุมกัน จนทำให้กว่าจะได้เริ่มเปิดตัวแอปฯ จริงๆ ก็ผ่านไป 6 เดือน”

แม้จะเปิดตัวธุรกิจที่ตั้งไข่มากับมือได้สำเร็จ แต่นั่นเป็นเพียงแค่บททดสอบแรก เพราะหลังจากเปิดตัวได้ 4-5 เดือน โก้ยอมรับอย่างไม่ปิดบังว่าหาลูกค้าแทบไม่ได้ จนต้องกลับมาทบทวนว่าจะทำอย่างไรต่อไป

“ตอนนั้นเรา 3 คนตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาทำตรงนี้เต็มตัว คิดง่ายๆ ว่าลองดูสักตั้ง ถ้าไม่เวิร์ก ไปต่อไม่ไหวจริงๆ ค่อยกลับไปทำงานประจำ พอดีประจวบเหมาะกับเราได้เข้าร่วมโครงการดีแทค แอ็กเซอเลอเรต ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเราโตแบบก้าวกระโดด เพราะได้รับการสนับสนุนหลายๆ ด้าน ทั้งเงินทุน เน็ตเวิร์ก พีอาร์ และการตลาด”

หลังจากฟังผู้บริหารหนุ่มบอกเล่าเส้นทางล้มลุกคลุกคลานของสกูตาร์มาพักใหญ่ หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้นในใจใครหลายๆ คนไม่ต่างกันคือ สกูตาร์ ต่างกับบริการรับ-ส่งสินค้าของผู้ให้บริการอื่นๆ อย่างไร คำถามนี้โก้อธิบายได้อย่างเห็นภาพว่า เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่ให้บริการเมสเซนเจอร์ออนไลน์ในไทย และจนถึงวันนี้เรากล้าพูดว่าเรายังเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่โฟกัสไปที่กลุ่มธุรกิจ

“เรามีระบบคัดเลือกเมสเซนเจอร์ที่จะมาร่วมงานกับเราอย่างเข้มข้น มีการตรวจประวัติอาชญากรรม มีการให้ความรู้เบื้องต้นในส่วนของงานเอกสารต่างๆ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ เน้นเรื่องการแต่งกาย มารยาทของพนักงานเพื่อมอบบริการที่น่าประทับใจให้ลูกค้า มีระบบติดตามว่าเมสเซนเจอร์อยู่ที่ไหน และระบบการให้คะแนนจากลูกค้า”

สำหรับความท้าทายในฐานะสตาร์ทอัพ โก้เผยว่าถ้าเป็นช่วงปีแรกๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก แต่หลังจากธุรกิจเริ่มอยู่ตัว สิ่งที่ท้าทายคือ การบริหารทีมงานที่มีจำนวนมากขึ้น

“เราเชื่อว่าธุรกิจเรายังไปได้อีกไกล จากที่ให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เรากำลังเล็งจะขยายการให้บริการยังหัวเมืองต่างๆ ส่วนเป้าหมายในอนาคตเราหวังชิงส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ 10-20% จากตอนนี้อยู่ที่ 1-2% เท่านั้น ในแง่กลยุทธ์รับมือกับคู่แข่ง เรามีทางเลือก 2 ทาง คือ หนึ่ง ระดมทุนมาสู้ กับสอง คือ ดูมุมที่เราทำได้ดีและเดินหน้าไปทางนั้น ซึ่งเราเลือกแบบหลัง”

สำหรับใครที่อยากจะเข้าสู่วงการสตาร์ทอัพ โก้แนะนำทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะเริ่มธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องเริ่มจากโจทย์ที่ว่าเรากำลังต้องการแก้ปัญหาอะไร แล้วหาทางแก้นั้น ถ้าเราไปถูกทาง แก้ถูกวิธี เท่ากับบริการเรามาถูกทาง เหลือแค่ทำอย่างไรให้คนทั่วไปรู้ว่าไอเดียที่เรามีนั้นดี แต่ถ้าเริ่มออกสตาร์ทผิดจุดตั้งแต่ต้น การจะเดินไปต่อให้ถึงจุดหมายก็คงยาก ที่สำคัญเมื่อมีไอเดียแล้ว ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อน ค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น CO** Text by กัญญาณัฐ

Special Thanks : ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ (The Emquatier) เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ



กำลังโหลดความคิดเห็น