ถึงเศรษฐกิจบ้านเราจะยังอยู่ในภาวะซึมๆ แต่ธุรกิจซูเปอร์คาร์บ้านเรายังมีอนาคตสดใส ด้วยรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวโดดเด่น ที่มาพร้อมสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เร็วและแรงถึงใจ แถมยังสะท้อนตัวตนของผู้ที่ครอบครองได้เป็นอย่างดี ทำให้ซูเปอร์คาร์ยังคงเป็นท็อปลิสต์ในฝันของใครๆ หลายคน โดยเฉพาะ บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนัก
เพื่อทำความรู้จักกับเบื้องหลังธุรกิจรถหรูแบบเจาะลึก ที่หลายคนอาจมองว่าเกินเอื้อม ลองไปฟัง 3 มุมมองจากผู้บริหารคนเก่งจาก 3 ค่ายรถหรู ซึ่งจะมาร่วมเผยถึงความยาก-ง่ายในการนำเข้าแบรนด์ดังระดับโลก พร้อมแนวทางการบริหารที่เจาะกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างออกรส สูตรลับคว้าแบรนด์ในฝัน “เข้าใจตลาดไม่พอ แพสชันก็ต้องมี”
ประเดิมด้วยค่ายรถหรูที่เพิ่งสร้างความคึกคักไปหมาดๆ สำหรับบริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ ที่ล่าสุด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขาย รถยนต์ลัมโบร์กินี (Lamborghini) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือดูคาติไทยแลนด์ เผยถึงความรักในซูเปอร์คาร์ก่อนจะมาสู่ธุรกิจว่า ชอบรถมาตั้งแต่เด็ก เพราะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจนำเข้ารถบีเอ็มดับบลิว (BMW) ได้คลุกคลีกับรถมาตลอด พอวันหนึ่งคิดจะสร้างธุรกิจของตัวเอง จึงนำประสบการณ์ 10 ปีจากการช่วยธุรกิจของครอบครัวและความรักในรถ มาต่อยอดสู่การนำเข้าแบรนด์ดูคาติ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลียนอยู่สิบกว่าปี ก่อนจะมานำเข้าลัมโบร์กินี แบรนด์ที่ผู้บริหารหนุ่มยกให้ว่าเป็นแบรนด์ที่น่าหลงใหล ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและดีไซน์ของตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์
“จริงๆ แล้วทั้งดูคาติและลัมโบร์กินี อยู่ภายใต้การบริหารของโฟล์กสวาเกนเหมือนกัน เราทำดูคาติมา 15 ปี พอรู้ว่าลัมโบร์กินีกำลังมองหาผู้นำเข้า ผมเองอย่างที่บอกว่ามีแพสชันกับธุรกิจนี้ เลยใช้ประสบการณ์ 15 ปีที่เราบริหารแบรนด์ดูคาติ จากวันแรกที่นำเข้ามา 80% ของลูกค้าไม่รู้จักเราเลย ค่อยๆ สร้างแบรนด์มาตลอด จนวันนี้ผมเชื่อว่าคน 80% รู้จักดูคาติ มีแค่อีก 20% ที่อาจจะยังไม่รู้จัก มาเสริมความมั่นใจในการทำแผนธุรกิจเพื่อเสนอไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เชื่อมั้ยว่าพรีเซนเตชันที่เอาไปเสนอเมืองนอกผมทำเองทุกหน้า ฉะนั้น เราพูดได้หมด ทุกอย่างมาจากไอเดียเราจริงๆ”
ผู้บริหารหนุ่มยังสะท้อนถึงพลังแห่งความมุ่งมั่น ที่ทำให้ในที่สุดหลังจากรอคำตอบอยู่นานเกือบ 8 เดือน ก็ได้รับข่าวดีว่า “ผมเชื่อว่าลัมโบร์กินีเป็นแบรนด์ที่มีหลายคนให้ความสนใจ ตอนนั้นเราน่าจะมีแคนดิเดตอยู่ 3-4 ราย ถามว่ามั่นใจ 100% มั้ยว่าเราจะเป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง ผมไม่รู้นะ แต่ผมมั่นใจว่าเราทำได้ดี เราอาจไม่ใช่บริษัทที่มีเงินมากที่สุด แต่เราเข้าใจตลาด และเคยร่วมงานกับแบรนด์เยอรมันมาก่อน ฉะนั้น เราจึงเข้าใจสไตล์การทำงานของเขาเป็นอย่างดี ที่สำคัญ เรามีการบริหารงานที่โปร่งใส ดูแลพนักงานเป็นอย่างดี พอบวกกับแผนธุรกิจที่ชัดเจน เลยทำให้เราเป็น Perfect Match และทำให้ลัมโบร์กินีเลือกเรา”
อุ่นใจทุกการขับขี่ด้วยซูเปอร์คาร์ที่ถูกสเปก
ด้าน วินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการบริษัทเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย รถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) และ เบนท์ลีย์ (Bentley) อย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย เผยถึงจุดเริ่มต้นของการนำเข้าซูเปอร์คาร์ว่า ตั้งต้นจากการเป็นศูนย์บริการสำหรับรถยนต์หรู หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 3 ปี จึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ของปอร์เช่ให้เป็นตัวแทนจำหน่าย ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และเปิดตัวโชว์รูมรถปอร์เช่แห่งแรกในปี 2001 ที่ ถ.วิภาวดี ซึ่งถือเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการที่ใหญ่ที่สุดและได้มาตรฐานที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ เบนท์ลีย์ หลังจากบริษัทได้สิทธิ์ในการนำเข้าปอร์เช่ไม่นาน ก็ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทยเช่นกัน
สำหรับมุมมองที่มีต่อตลาดซูเปอร์คาร์ในบ้านเรา วินทรมองว่า ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงบางช่วงตลาดบ้านเราจะติดลบอยู่บ้าง แต่สำหรับกลุ่มลัวชัวรียังไปได้ และยังเชื่อว่าในอนาคต ตลาดรถหรูจะยังโตต่อเนื่อง มีสิ่งเดียวที่น่ากังวลคือ ผู้นำเข้าอิสระที่นำเข้าซูเปอร์คาร์ ที่สเปกรถอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานในประเทศไทย และไม่ถูกต้องตามข้อบัญญัติของกฎหมาย
“ผมค่อนข้างเป็นห่วงในจุดนี้ เพราะในแต่ละประเทศมีข้อกำหนดทางกฎหมาย กับการนำเข้ารถซูเปอร์คาร์ที่แตกต่างกัน บางครั้งการนำเข้ารถมาด้วยเงื่อนไขอื่นๆ อาจทำให้ได้รถที่นำเข้ามามีสเปกไม่ต้องกับการใช้งานจริง ยกตัวอย่าง ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน แต่ถ้านำซูเปอร์คาร์ที่ผลิตเพื่อใช้ในเมืองหนาวมาวิ่ง เรื่องระบบน้ำมัน การระบายความร้อน ชุดสายไฟ คลื่นวิทยุสำหรับใช้บังคับรีโมทคอนโทรล อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งผมคิดว่าเป็นจุดที่ลูกค้าต้องระวัง แต่ช่วงหลังๆ มานี้ ผมเริ่มสังเกตเห็นลูกค้าที่เคยซื้อรถจากผู้นำเข้าอิสระ มาซื้อรถที่นำเข้าอย่างถูกต้องมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี อย่างถ้ามาซื้อกับเรา นอกจากจะได้รถตรงสเปก ยังมีบริการหลังการขายและมีการรับประกันจากโรงงาน”
ถามว่าอะไรคือจุดเด่นของปอร์เช่ วินธรตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดว่า “นิยามของปอร์เช่คือรถสปอร์ตที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากจะมีความเฮอริเทจแล้ว ยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน ขณะที่ เบนท์ลีย์ สะท้อนถึงความลักชัวรีตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ไปจนถึงทุกรายละเอียดในตัวรถ ที่ทำอย่างพิถีพิถัน ยกตัวอย่าง ถ้าเห็นวัสดุลายไม้ก็ทำจากไม้จริงๆ ไม่ใช่เอาลายไม้มาเคลือบบนพลาสติก ส่วนที่เป็นหนังหรือตัวเบาะก็ยังเย็บด้วยมือทั้งหมด”
ซูเปอร์คาร์ไม่ใช่แค่รถแต่เป็นไลฟ์สไตล์
ปิดท้ายด้วย บิ๋ง-นันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์ เฟอร์รารี (Ferrari) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย สะท้อนถึงความภาคภูมิใจในการบริหารแบรนด์จนคว้ารางวัลจากทั่วโลกมาแล้วมากมาย พร้อมเผยถึงจุดแข็งที่ทำให้เฟอร์รารียืนหยัดได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า เรามี KPI ถึง 40 ข้อ ในการควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่การดูแลโชว์รูม การดูแลลูกค้า บริหารยอดขายและบริการ และการตลาด ทำให้ลูกค้าของเรามั่นใจในคุณภาพ การให้บริการ และอิ่มเอมกับประสบการณ์ที่เรามอบให้
“เราไมได้มองว่าเราขายซูเปอร์คาร์อย่างเดียว แต่เรามองว่าเรากำลังขายประสบการณ์ วิถีชีวิต และแพสชัน ที่ผ่านมาเรามีการจัดกิจกรรมกับลูกค้าตลอด โดยร่วมมือกับ Ferrari Owners' Club Thailand เพื่อส่งมอบประสบการณ์และก่อให้เกิดแบรนด์รอยัลตี และที่สำคัญสำหรับลูกค้าที่สนใจเรายังมีรถให้ทดลองขับจริงทุกรุ่น”
สำหรับความท้าทายของตลาดรถหรูเวลานี้ ผู้บริหารหญิงแกร่งมองว่า ตลาดซูเปอร์คาร์ยังเติบโต โดยเฉพาะ เฟอร์รารี นับตั้งแต่เปิดตัวมายอดขายและยอดจองก็เพิ่ม แม้ในตลาดจะมีผู้นำเข้าแบรนด์อื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า
“สิ่งที่ทำให้เฟอร์รารียังแข็งแกร่ง มาจากหลายปัจจัยตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยเรซซิงดีเอ็นเอมายาวนานถึง 71 ปี ยังคงเสน่ห์ของความเป็นแบรนด์อิตาเลียน ยังผลิตในอิตาลี และมีเจ้าของแบรนด์เป็นชาวอิตาเลียน และยังครองตำแหน่งรถที่ทรงพลังในลำดับท็อปทรีแทบทุกรายการแข่งขัน และไม่เคยหยุดนิ่งที่จะนำเทคโนโลยีมาสู่การออกแบบยนตรกรรม ที่มาพร้อมความปลอดภัย ดีไซน์มาพร้อมฟังก์ชันที่เหนือชั้น”
ถามว่า ในฐานะแม่ทัพหญิงที่ต้องมาดูแลแบรนด์ซูเปอร์คาร์ ที่ผู้ชายทั้งโลกต่างหมายปองเป็นความท้าทายอย่างไร บิ๋งตอบอย่างอารมณ์ดีว่า รู้สึกเป็นเกียรติมากกว่า และที่สำคัญเธอใช้ความละเอียดและใส่ใจในแบบผู้หญิง สร้างแต้มต่อให้กับแบรนด์เฟอร์รารีในประเทศไทย
“เราเป็นลักชัวรีรีเทล ฉะนั้น ด้วยความเป็นผู้หญิงทำให้เราใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่การตกแต่งโชว์รูม การดูแลลูกค้า พยายามเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกครั้งที่มีการส่งมอบรถ ถ้าเป็นไปได้ บิ๋งจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยตัวเอง เพราะถือว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับลูกค้า และ ติดตามฟีดแบคจากลูกค้าเพื่อนำมาต่อยอดและพัฒนาบริการของเราต่อไป” ผู้บริหารหญิงเก่งกล่าวทิ้งท้าย