xs
xsm
sm
md
lg

สำรวจความมั่งคั่งแถมความบ้าคลั่ง ของ 3 ตระกูลร่ำรวยที่สุดของเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นกระแสสุดฮอตทันที เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians ฝ่ากระแสหนังฟอร์มยักษ์ฝั่งฮอลลีวูด ขึ้นอันดับ 1 ด้วยรายได้กว่า 30 ล้านเหรียญ

ผู้กำกับ จอน เอ็ม ชู ดัดแปลงนวนิยายชื่อเดียวกันมาทำเป็นภาพยนตร์ พร้อมกับใช้นักแสดงในเรื่องเป็นเชื้อสายเอเชียแท้ๆ ทั้งหมด ทำให้ Crazy Rich Asians ได้รับการพูดถึงแบบปากต่อปากไปพร้อมๆ กับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม ด้วยพล็อตเรื่องแนวโรแมนติกคอมเมดี สไตล์ละครน้ำเน่าบ้านเราด้วยซ้ำ ชนิดเรื่องของนางเอกคู่กับทายาทมหาเศรษฐี แล้วถูกกลุ่มแม่ผัวกับตัวร้ายคอยกีดกัน

แต่ความร่ำรวย มั่งคั่ง ไฮโซ สไตล์เอเชีย ไม่ได้มีแค่ในนิยายหรือภาพยนตร์ที่เราเกริ่นไปเท่านั้น เพราะเราจะพาไปรู้จัก 3 ตระกูลผู้ร่ำรวยที่สุดของเอเชีย ไปดูกันว่าตัวเลขความมั่งคั่งของพวกเขา มันทำให้เราเครซีได้ขนาดไหนกัน!

Mukesh Ambani
ตระกูล อัมบานิส
จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่รายชื่อมหาเศรษฐีระดับโลกของ ตระกูลอัมบานิส เริ่มขึ้นเมื่อ ธิรูบาย อัมบานี บุตรชายของข้าราชการครู เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในอุตสาหกรรมสิ่งทอในช่วงปี 1960 แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น ยังขยายการลงทุนไปในกลุ่มปิโตรเคมีและลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน จนไม่ว่าจะธุรกิจอะไรในอินเดีย สุดท้ายก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับอัมบานิส

ธิรูบาย เสียชีวิตในปี 2002 ช่วงนั้นอาณาจักรของเขาถูกแบ่งครึ่งออกเป็นสองฝ่ายด้วย มูเคช และ อานิล ลูกชายของเขา สองพี่น้องขับเคี่ยวทำธุรกิจคล้ายๆ กัน แข่งขันกันเองแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เพื่อให้ก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่ง ชายผู้ร่ำรวยที่สุดของเอเชียให้ได้ แต่สุดท้าย มูเคช ก็เป็นฝ่ายชนะ เมื่อ ธุรกิจโทรคมนาคมของเขาครองตลาดมากที่สุด และสามารถซื้อกิจการของอานิลมาเป็นของตนเองได้สำเร็จ

แอนทีเลีย บ้านหรู 27 ชั้นที่แพงที่สุดในโลก
แน่นอนเมื่อก้าวขึ้นมาในตำแหน่งโคตรมหาเศรษฐีแห่งเอเชีย มูเคชก็ต้องการให้ทั้งโลกจดจำเขา ด้วยการสร้างแมนชั่นส่วนตัวสูง 27 ชั้น ที่มีทั้งสระว่ายน้ำสุดหรู หรือแม้แต่ห้องบอลรูมไว้จัดปาร์ตี้ส่วนตัว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้งก็คือ เขาใช้พื้นที่ถึง 3 ชั้นเต็มสำหรับทำสวนหย่อมและปลูกต้นไม้แบบเต็มพื้นที่ เพื่อใช้พักผ่อนหย่อนใจ

ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินของตระกูลอัมบานิส อยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท

เรย์มอนด์ กว๊อก
ตระกูล กว๊อก
เป็นที่รู้กันดีว่าราคาที่ดินในฮ่องกงนั้น ราคาต่อตารางเมตรสูงลิบเพียงใด และในบรรดาตึกสูงระฟ้าไม่น้อยกว่า70% ในฮ่องกง ล้วนแล้วอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ กลุ่มตระกูลกว๊อก ทำธุรกิจผ่านกลุ่มบริษัท ซัน ฮุง ไค่ ที่ขับเคลื่อนด้วยสามพี่น้องสกุลกว๊อก โทมัส, เรย์โนลด์ และวอลเตอร์ ที่ไม่ได้หยุดแค่ธุรกิจอสังหาฯ และเงินทุนในฮ่องกง แต่พวกเขายังขยายธุรกิจอสังหาฯ ไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ และแน่นอนพวกเขายังเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว

ความเครซี่ของตระกูล กว๊อก ไม่ใช่เรื่องตัวเลขในบัญชีหรือการอวดรวย แต่มันเป็นเรื่องเหมือนภาพยนตร์มาเฟียฮ่องกง ในการหักเหลี่ยมโหดของพี่น้องด้วยกันเอง ในปี 1997 วอลเตอร์ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ร่วมสัปดาห์ และได้รับการปล่อยตัวหลังจากครอบครัวตัดสินใจจ่ายเงินตามคำเรียกร้องของผู้ร้าย ด้วยตัวเลขประมาณ 2,500 ล้านบาท

หลังจากนั้นร่วมสิบปี พี่น้องของวอลเตอร์ร่วมมือกันขับไล่เขาออกจากตำแหน่งการบริหารของบริษัท หลังจากนั้นในปี 2014 โทมัส ถูกจับในข้อหาว่าทุจริตในการบริหารบริษัท จากนั้น เรย์มอนด์ จึงขึ้นดูแลกิจการทั้งหมดของ ซัน ฮุง ไค่

ปัจจุบันนี้มูลค่าทรัพย์สินของตระกูลกว๊อก อยู่ที่ 1.09 ล้านล้านบาท

ลี แจ ยอง
ตระกูล ลี
เจ้าของธุรกิจเครือ "ซัมซุง" ของเกาหลีใต้ แม้เราจะคุ้นเคยว่าซัมซุงคือธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ แต่แท้ที่จริงแล้ว เครือซัมซุงทำธุรกิจตั้งแต่ส่งออก, แปรรูปอาหาร, สิ่งทอ และอีกมากมาย

อาณาจักรซัมซุงเริ่มต้นขึ้นในปี 1938 นาย ลี บยุง ชุล ก่อตั้งธุรกิจแรกในการจัดจำหน่ายผัก ผลไม้ และปลาสด และใช้เวลานับสิบปีขยายกิจการไปมากมาย จากนั้นลูกชาย ลี ฮี คุน ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจทั้งหมด หลังจาก บยุง ชุล ถึงแก่กรรมในปี 1987 ฮี คุน คือผู้ที่ปฏิวัติโฉมหน้าการทำธุรกิจของซัมซุง จากเดิมมุ่งเน้นสินค้าเกี่ยวกับตลาดพื้นฐาน มาสู่การทำสินค้าระดับไฮเอนด์มากขึ้น แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ฮี คุน ที่มีปัญหาเรื่องหัวใจวายแทรกซ้อน ต้องส่งต่ออาณาจักรซัมซุง ให้กับ ลี แจ ยอง ลูกชาย

ความเครซีของตระกูลลี ก็อยู่ในยุคของ ลี แจ ยอง นี่เอง เมื่อเขาถูกศาลชั้นต้นตัดสินว่ามีความผิดในฐานทุจริตคอร์รัปชัน ด้วยการติดสินบนกว่า 255 ล้านบาท ให้แก่อดีตประธานาธิบดี ปาร์ค กึน ฮเย และ นางซเว ซุน ซิล เพื่อแลกกับการที่รัฐบาลจะเอื้อประโยชน์ในการควบรวม 2 กิจการของซัมซุง

คดีนี้ทำให้ประชาชนชาวเกาหลีใต้ เกิดความโกรธแค้นต่อบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนี้ และอิทธิพลที่พวกเขามีในสังคมอย่างกว้างขวาง แต่แล้วก็ต้องเกิดความงงกันทั้งประเทศ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ตัดสินลดโทษพร้อมปล่อยตัว แจ ยอง ออกจากเรือนจำ โดยคงเพียงแค่ว่าให้อยู่ในฑัณฑ์บนเป็นเวลา 2 ปีเท่านั้น

ปัจจุบันนี้มูลค่าทรัพย์สินของตระกูล ลี อยู่ที่ 1ล้านล้านบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น