เพราะความรวยไม่เข้าใครออกใคร ในแต่ละปีจึงมีสื่อหลายสำนักมาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว และจัดอันดับไล่เรียงความมั่งคั่งออกมาให้เราเห็นกันอยู่ตลอด โดยเดือนนี้ก็มีการอัปเดตที่น่าสนใจของอันดับมหาเศรษฐีทั่วโลก
ทางฝั่งเอเชีย จากการประกาศล่าสุดของดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซของเมืองจีนอย่าง “แจ็ก หม่า” เจ้าของ”อาลีบาบา” ที่ครองตำแหน่งผู้ร่ำรวยที่สุดในเอเชียมาหลายปี ก็เพิ่งจะโดนโค่นตำแหน่ง โดยมหาเศรษฐีจากอินเดีย “มูเกช แอมบานี” เจ้าของรีไลแอนซ์อินดัสทรีส์ ที่ทำธุรกิจหลากหลายประเภททั้งด้านปิโตรเคมี พลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โทรคมนาคม และกำลังบุกสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 44,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 1 ล้าน 5 แสนล้านบาท เฉือนแจ็ก หม่า ไป 3,000 ล้านเหรียญ หรือ ราว 1 แสนล้านบาท
ด้านฝั่งตะวันตก นิตยสารฟอร์บฉบับล่าสุดที่เลือก “ไคลี เจนเนอร์” ขึ้นปกพร้อมยกให้เธอเป็น มหาเศรษฐีที่สร้างตัวด้วยเองที่อายุน้อยที่สุด ทำให้เกิดดรามาตามมามากมาย และหลายคนออกมาแย้งกับการจัดอันดับนี้
เพราะถึงแม้มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาคิดคำนวณมูลค่า 900 ล้านเหรียญ จะมาจากบริษัทเครื่องสำอางที่ไคลีก่อตั้งขึ้นเองเท่านั้น ไม่รวมความร่ำรวยเดิมของครอบครัวเธอ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ความสำเร็จของเธอมาจากชื่อเสียงของครอบครัวคาร์ดาเชียน และการเป็นเรียลลิตีสตาร์มาตั้งแต่อายุยังน้อย ที่ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางของเธอเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมมาได้ขนาดนี้
ตรงกันข้ามกับบรรดาแฟนคลับของเธอที่ออกมาแสดงความยินดีกับตำแหน่งนี้และยิ่งไปกว่านั้นยังออกแนวประชดประชันด้วยการพยายามเปิดระดมทุนในเว็บ GoFundMe เพื่อหาเงินอีก 100 ล้านเหรียญ เพื่อให้ไคลีได้ขึ้นทำเนียบเศรษฐินีพันล้านที่อายุน้อยที่สุดในเร็ววัน