xs
xsm
sm
md
lg

ซัมเมอร์นี้! คุณหนูไฮโซทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

>>ช่วงซัมเมอร์นอกจากผู้ใหญ่จะมีความสุขกับการได้ใส่ชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ไปนอนอาบแดดริมทะเลแล้ว ฤดูกาลนี้ก็ยังเป็นสวรรค์ของเด็กๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน นอกจากจะได้หยุดเรียนแล้ว ยังได้ทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ วันนี้ Celeb Online จะพาไปติดตามกิจกรรมของบรรดาลูกหลานเซเลบวัยใส ว่าแต่ละคนใช้ช่วงนี้ทำอะไรที่ไหนกันบ้าง?
น้องอินกับคุณพ่อกำธร ศิลาอ่อน คุณแม่เอ็ม-มณีสุดา ศิลาอ่อน
หลายครอบครัวคงพาลูกน้อยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ หากแต่คุณแม่ลูกสาม “เอ็ม-มณีสุดา ศิลาอ่อน” สะใภ้คนเก่งแห่งอาณาจักรเอสแอนด์พี (ภริยาของ กำธร ศิลาอ่อน) ที่ตอนนี้ลูกๆ กำลังอยู่ในวัยเรียนกลับคิดว่า ช่วงซัมเมอร์เป็นเวลาที่แสนมีค่าของครอบครัวนั้น นอกจากจะพาลูกไปเที่ยวชมความงดงามในเมืองไทยแล้ว ยังพาลูกๆ ไปสัมผัสและเรียนรู้การทำงานของตัวเองเอสแอนด์พี อีกด้วย เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ชีวิตหลากหลาย เป็นการสอนลูกให้อยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข

เอ็มเล่าว่า ประมาณต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา น้องแอมพ์เดินทางกลับมาซึ่งเป็นช่วงที่ลูกสาวคนโตกับคนเล็ก (น้องอายและน้องอิน) ปิดเทอมพอดี จึงพากันไปพักผ่อนที่ภูเก็ต และพอกลับมาช่วงสงกรานต์ ก็พาลูกๆ ไปรดน้ำขอพรคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย และพาลูกสาวคนเล็กไปเข้าแคมป์ของเอสแอนด์พี เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ ได้แสดงศักยภาพของตัวเอง

"ซัมเมอร์นี้น้องแอมพ์ลูกชายคนรองที่กำลังเรียนชั้นมัธยมที่อังกฤษ กลับมาเมืองไทยแค่สองสัปดาห์ น้องจึงไม่ได้ทำกิจกรรมที่ไหนมาก นอกจากการไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด อีกอย่างตอนนี้น้องอายอายุ17 ปีอยู่มัธยมปลายแล้ว และฝันที่อยากจะเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อังกฤษ ฉะนั้น น้องอายจึงใช้เวลาช่วงซัมเมอร์ไปกับการอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบ ติวภาษาอังกฤษที่จะใช้ในการสอบต้นเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
สามคนพี่น้องบ้านศิลาอ่อน
น้องอายเคยทำข้อสอบของมหาวิทยาลัยอังกฤษ และได้คะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย แต่คะแนนตรงนี้ไม่สามารถมาชี้วัดได้ว่าน้องจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษได้ ดังนั้น น้องจึงต้องอ่านหนังสือและฝึกทำข้อสอบหนักมาก แม่จึงไม่อยากไปกวนเวลา อยากให้น้องอายมีสมาธิกับความฝันของตัวเอง"

ดังนั้น ตอนนี้น้องอินซึ่งกำลังศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 2 ของโรงเรียนอินเตอร์แห่งหนึ่งในเมืองไทย จึงใช้เวลาช่วงซัมเมอร์เป็นคู่หูบัดดี้กับคุณแม่แทนพี่ๆ ก่อนที่จะหนีไปเรียนต่อที่อังกฤษตามพี่ชายอีกคน

"ตอนนี้น้องอินเป็นลูกสาวคนเดียวที่ตัวติดกับคุณแม่ มาช่วยแม่ทำงานตลอด โดยกิจกรรมแคมป์ของเอสแอนด์พี น้องอินก็ได้ไปร่วมช่วยแม่ทำงานดูแลเด็กๆ ด้วยกัน หรือในช่วงที่บริษัทได้เปิดบ้านไรวาให้พนักงานไปปฏิบัติธรรม น้องอินก็ไปร่วมด้วย หรือล่าสุดที่บริษัทมีกิจกรรมรดน้ำขอพรผู้บริหาร น้องอินก็ใส่ชุดไทยมาร่วมงานด้วยความสนุกสนาน"

คุณแม่ยังสาวบอกว่า อยากจะปลูกฝังให้ลูกมีความรักในบริษัทและมีความใกล้ชิดกับพนักงานทุกคน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้คือฟันเฟืองสำคัญในการพาบริษัทให้เจริญเติบโต ดังนั้น การดูแลและเอาใจใส่พนักงานคือสิ่งที่ผู้บริหารพึงมี สิ่งเหล่านี้ทายาทรุ่นต่อๆ ไปก็ต้องเรียนรู้งานตรงนี้ และการที่ให้ลูกสาวได้มาช่วยทำกิจกรรมต่างๆ นั้น ก็เพื่อให้เขาได้เรียนรู้โลกที่ไม่ได้มีในตำราเรียน เขาต้องเรียนรู้ชีวิตจากการทำงาน ที่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และพร้อมส่งต่อความสุขนั้นให้แก่สังคมและประเทศชาติ
คุณแม่เมก้า ศรีอรทัยกุล และน้องพูม-ภานุกร ศรีอรทัยกุล, น้องพรู๊ป-ธนกร ศรีอรทัยกุล
เช่นเดียวกับบ้านศรีอรทัยกุล ทายาทรุ่นต่อไปของอาณาจักรบิวตี้เจมส์อันใหญ่โตอย่าง “น้องพูม-ภานุกร” ที่กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ที่บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และ “น้องพรู๊ป-ธนกร” ที่กำลังศึกษาระดับชั้นไฮสกูลที่สหรัฐอเมริกา 2 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “เสี่ยหนึ่ง-สุรินยน” กับ “เมก้า ศรีอรทัยกุล” ที่ทั้งคู่นอกจากจะใช้เวลาช่วงซัมเมอร์ส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัวแล้ว หากแต่สองหนุ่มยังมีกิจกรรมสุดโปรดของตัวเองที่ต่างกันอีกด้วย
เสี่ยหนึ่ง-สุรินยน ศรีอรทัยกุล และน้องพูม-ภานุกร ศรีอรทัยกุล
โดยเฉพาะ น้องพูม ในวัย 21 ที่ปีนี้เป็นหนุ่มเต็มตัวบอกว่า ช่วงซัมเมอร์เวลากลับมาที่เมืองไทยนอกจากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวแล้ว คุณพ่อยังพาเข้าไปเรียนรู้การทำงานที่โรงงานเพชรและบริษัทประกันภัย ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว เพราะในอนาคตอันใกล้นี้น้องพูมต้องเข้ามาช่วยที่บ้านบริหารกิจการของครอบครัว ส่วนเวลาว่างก็จะนัดเพื่อนๆ ที่อยู่เมืองไทยไปตีกอล์ฟด้วยกัน ที่สนามกอล์ฟเดอะรอยัลเจมส์ ศาลายา นอกจากนี้ ยังเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสัปดาห์ละ 3 วัน ก่อนกลับไปเรียนต่ออีกด้วย

ส่วน น้องพรู๊ป ก็ใช้เวลาช่วงปิดเทอมไม่ได้ต่างจากพี่ชายมากนัก แต่เพราะกำลังศึกษาอยู่ระดับไฮสกูล จึงต้องเตรียมความพร้อมในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำที่สหรัฐอเมริกาให้ได้ ดังนั้น เมื่อกลับมาที่เมืองไทยนอกจากจะไปพักผ่อนกับครอบครัวแล้ว คุณแม่เมก้ายังจัดเต็มให้ลูกชายคนเล็กเรียนพิเศษทั้งภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สัปดาห์ละ3 วันรวด วันละวิชา
น้องทัชกับคุณแม่หนึ่ง-วาชินี ไกรฤกษ์
ขณะเดียวกัน หนุ่มน้อยหน้ามนวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่มอย่าง น้องทัช-กิตติทัช ไกรฤกษ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของสาวสังคมสุดมั่น หนึ่ง-วาชินี ไกรฤกษ์ ซึ่งในปีการศึกษาหน้าที่จะถึงนี้ก็จะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน ด้วยความที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงปิดเทอมซัมเมอร์นี้จึงเลือกที่จะอ่านหนังสือและทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านมากกว่า
ทัช-กิตติทัช ไกรฤกษ์
"ผมอยากเรียนต่อปริญญาตรีทางด้านรัฐศาสตร์การปกครอง เพราะผมชอบศึกษาเรียนรู้เรื่องการเมืองการปกครอง ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ แต่ผมก็ยังไม่ได้มีอาชีพในฝันที่อยากทำนะครับ ช่วงปิดเทอมจึงไม่ได้ออกไปไหน ส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า"

หนุ่มโลกส่วนตัวสูงยังบอกอีกว่า ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนติดบ้านไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวนอกบ้านสักเท่าไหร่ เพราะการออกไปเที่ยวนอกบ้านเป็นเพียงการบรรเทาความรู้สึกเท่านั้น หากแต่เขากลับชอบใช้ชีวิตในบ้าน ทั้งดูหนังเรื่องโปรดแนวประวัติศาสตร์ เพื่อจะได้ศึกษาเรื่องราวและชีวิตผู้คนผ่านหนัง และทำความสะอาดบ้านอย่างล้างจาน ซักผ้า เป็นต้น
น้องต้นน้ำและคุณแม่นิกกี้-ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
ส่วน “น้องต้นน้ำ” ลูกชายวัย 11 ขวบ ของคุณแม่ยังสาว “นิกกี้-ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ซึ่งได้ใช้เวลาช่วงซัมเมอร์ที่โรงเรียนหยุดให้ 2 สัปดาห์ ไปกับความสุขในโลกใต้น้ำกับกิจกรรมดำน้ำกับคุณพ่อและคุณแม่ที่อินโดนีเซีย

นิกกี้เล่าว่าช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เธอพาน้องต้นน้ำไปดำน้ำที่ Rajaampat ประเทศอินโดนีเซีย เพราะอยากให้ลูกได้เรียนรู้และสัมผัสธรรมชาติที่อยู่ใต้น้ำ เพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
น้องต้นน้ำ
"น้องต้นน้ำชอบดำน้ำมาก เวลาที่น้องอยู่ใต้น้ำแล้วสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ น้องมีความสุขที่ได้เห็นปะการัง หมู่ปลาน้อยใหญ่ และเขามีความรู้สึกว่าอยากอนุรักษ์ธรรมชาติใต้ท้องทะเลนี้ไว้ น้องฝึกเรียนดำน้ำตั้งแต่อายุ10 ขวบ มีใบรับรองการดำน้ำขั้นแอดวานซ์ด้วย และระยะเวลาเพียง 1 ปีเศษน้องสามารถสะสมเก็บไดร์ดำน้ำได้ถึง 82 ไดร์ และสามารถดำน้ำลึกได้ถึง36.8 เมตร ด้วยวัยเพียง11ขวบ" คุณแม่นิกกี้เล่าอย่างปลื้มใจ
คุณพ่อธาวิน - คุณแม่ตุ๊ย-ทิพนันท์ ศรีเฟื่องฟุ้ง และน้องวิน
ปิดท้ายที่ บ้านศรีเฟื่องฟุ้ง “คุณแม่ตุ๊ย-ทิพนันท์” ซึ่งใช้เวลาช่วงที่ “น้องวิน” ปิดภาคเรียน พาครอบครัวไปท่องเที่ยวที่อังกฤษ

"ตอนนี้น้องวินเรียนอยู่ชั้นอนุบาล โรงเรียนอินเตอร์ในประเทศไทย และช่วงนี้โรงเรียนน้องปิด ดังนั้น จึงพาน้องและคุณพ่อคุณแม่ไปพักผ่อนที่อังกฤษ 10 กว่าวัน เพราะเรามีบ้านพักอยู่ที่ลอนดอนด้วย และกลัวว่าน้องเที่ยวแค่ในกรุงลอนดอนเพียงอย่างเดียวแล้วจะเบื่อ เลยพาไปเที่ยวตามต่างจังหวัดของอังกฤษด้วย โดยเฉพาะ สวนสัตว์ เพราะน้องชอบดูสัตว์มาก ซึ่งอาจจะเป็นช่วงวัยของเขาที่เห็นสิ่งใหม่ๆ แล้วมีความตื่นเต้น และพอกลับมาที่เมืองไทยระหว่างที่รอโรงเรียนเปิดเทอม ก็จะมีคุณครูมาสอนศิลปะที่บ้านในช่วงเช้าเป็นประจำทุกวัน"

คุณแม่ตุ๊ย บอกว่า ด้วยความที่ลูกยังเล็กอยู่คงไม่เน้นวิชาการกับลูกมาก แค่อยากให้ลูกมีความสุขกับกิจกรรมที่ชอบ เพียงเท่านี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขแล้ว

เรียกว่าเป็นซัมเมอร์ที่เต็มไปด้วยความสุข และรอยยิ้มของทั้งเด็กๆ และคุณแม่คุณพ่ออย่างแท้ทรู


กำลังโหลดความคิดเห็น