>>เมื่อหน้าร้อนมาเยือน ทุกคนมักโหยหาหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้า แล้วสลัดผ้าใส่ชุดว่ายน้ำท้าลมร้อนกลางทะเล หากแต่ก็มีเซเลบเมืองไทยอีกหลายคน ที่ชอบดำดิ่งลงใต้ผิวน้ำ เพื่อสัมผัสความงดงามของปะการังและฝูงปลาน้อยใหญ่ใต้ท้องทะเลลึก
วันนี้จะพาไปเปลือยหัวใจ 3 เซเลบสาวที่ตกหลุมรักมนต์เสน่ห์แห่งโลกใต้น้ำ ที่ทำให้พวกเขามีความสุขมาก และความสุขของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร ฟังแล้วน่าอิจฉาแค่ไหน ตามกันมาเลยคร่า
แม้จะเป็นสาวใต้คลุกคลีกับทะเลมาตั้งแต่เด็ก แต่ โบว์-มนต์ริสสา ลีนุตพงษ์ ก็ยังคงตกหลุมรักท้องทะเลเสมอมา เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมความงดงามของปะการังและฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอยังได้อยู่กับความเงียบใต้ท้องทะเล หลีกหนีความวุ่นวายได้ชั่วขณะหนึ่ง
“โบว์ตกหลุมรักโลกใต้น้ำมานานแล้ว และเมื่อปลายปีที่แล้วจนถึงปีนี้ โบว์ยิ่งตกหลุมรักหนักมากจนถึงขั้นไปเรียนดำน้ำ และไปสอบการดำน้ำขั้นสูงกับโรงเรียนสอนดำน้ำอันมีชื่อของอังกฤษ ที่มาเปิดสอนที่เมืองไทย เสน่ห์ของโลกใต้ท้องทะเลไม่ใช่แค่ฝูงปลา สีสันของปะการัง หรือการดำน้ำเพื่อเก็บแต้มไว้สำหรับไปดำน้ำเพื่อดูปลาที่หายากเท่านั้น แต่มันทำให้รู้สึกถึงความเงียบสงบ ที่อาจไม่ค่อยได้พบในชีวิตประจำวัน ทำให้มีสมาธิมากขึ้น และตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงวันนี้ โบว์ไปทริปดำน้ำมาแล้ว 7 ครั้ง และวางแผนจะไปอีก 3 ทริปช่วงหลังสงกรานต์”
โบว์บอกว่าประสบการณ์ดำน้ำที่แรกของเธอนั้น คือการไปดำน้ำที่เกาะโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย อันเป็นทริปที่เธอประทับใจมาก เพราะได้เจอทั้งเต่าทะเล ฉลามวาฬ ปลาแมนดาริน ซึ่งเป็นปลาทะเลขนาดเล็ก ที่ได้รับฉายาว่า “เจ้ามังกรแห่งพื้นทะเล” รวมทั้งปลาวาฬ อันเป็นการดำน้ำอย่างจริงจังเพียงครั้งแรก และทำให้เธอประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
การดำน้ำนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องระลึกไว้เสมอคือ การเชื่อฟังครูหรือคู่บัดดี้ที่ไปด้วยกัน เพราะวินาทีที่อยู่ใต้น้ำถึงแม้จะมีความสุขมากเพียงใด แต่ชั่วโมงแห่งความเป็นความตายหรืออันตรายที่อยู่ภายใต้ท้องทะเล ก็มักเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเสมอ ถ้าผู้ดำน้ำประมาท
“จำได้ว่าตอนนั้นไปเรียนดำน้ำที่เกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งโบว์ยอมรับว่าร้อนวิชามาก และเมื่อได้ดำลงไปใต้ท้องทะเลที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน ก็ตื่นตาตื่นใจมากทำให้หยุดมองอยู่เป็นนาน โดยไม่สนใจสิ่งที่ครูบอก ตอนนั้นเลยหลงกลุ่มของตัวเอง ไปเจอผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่งเต็มไปหมด รู้สึกกลัวมาก โกรธตัวเองว่าทำไมไม่ฟังสิ่งที่ครูบอกและวินาทีนั้นเราตกใจมาก แต่โชคดีที่ครูมาเคาะที่ถังอากาศที่สะพายอยู่ด้านหลัง โบว์จึงกลับมาที่กลุ่มถูก ไม่เช่นนั้นอาจพลัดหลงไปที่ไหนก็ไม่รู้ ยิ่งเป็นทะเลต่างถิ่นด้วย นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยลืม และหลังจากนั้นก็จะเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าประมาท และต้องฟังสิ่งที่ครูหรือบัดดี้บอกเสมอ”
ทุกครั้งที่ลงไปใต้น้ำ อุปกรณ์และพร็อบของเธอนั้นต้องครบ รวมทั้งใบหน้าที่ต้องแน่นเสมอเพื่อพร้อมสำหรับถ่ายรูป
“ถ้าเป็นอุปกรณ์ดำน้ำที่มีขนาดใหญ่และหนักอย่างชุด Regulator อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับหายใจใต้น้ำ ส่วนใหญ่โบว์จะเช่า แต่ถ้าเป็นชุดดำน้ำ หน้ากาก และนาฬิกาสำหรับไว้ใช้ดูเวลาสะสมของไนโตรเจน บูท และฟิน เราจะซื้อเอง ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ชอบมาก แต่มีอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาลงไปดำน้ำก็คือ การแต่งหน้า โบว์จะแต่งหน้าทุกครั้งที่ลงไปดำน้ำ เพราะจะได้ถ่ายรูปออกมาสวยๆ อีกทั้งอุปกรณ์สำคัญที่โบว์คิดว่านักดำน้ำควรมีติดตัวก็คือ กล้องโกโปร เวลาเจอปลาหายากก็จะได้ถ่ายเก็บไว้เพื่อยืนยันว่า ฉันเห็นจริงๆ นะ”
ในฐานะที่เป็นนักดำน้ำน้องใหม่ หญิงสาวได้แนะวิธีการเตรียมพร้อมไว้ว่า ก่อนดำน้ำทุกครั้งต้องเช็กอุปกรณ์ให้พร้อม เพราะถ้าอุปกรณ์ชำรุดหรือเสียหายอาจเกิดอันตรายได้ทุกวินาที ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานวิตามินทุกครั้งก่อนนอน และเมื่อขึ้นมากจากใต้ท้องทะเลแล้ว ต้องรีบเช็ดตัวให้แห้งและทาครีมกันแดดอีกครั้ง เพื่อป้องกันผิวอักเสบจากการโดนทั้งน้ำเย็นและแสงแดดในเวลาเดียวกัน
มาถึงทายาทนักธุรกิจดำน้ำและรีสอร์ตหรูที่อินโดนีเซีย แพร-พัณณิตา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บุตรสาวคนเดียวของคุณพ่อกษิดิศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และคุณแม่ฐิติพร ณ.ส.สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ตกหลุมรักการดำน้ำมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และมีใบเซอร์ติฟิเคทการดำน้ำขั้นสูงสุดตั้งแต่อายุ 12 ขวบ
“แพรชอบดำน้ำมาตั้งแต่เด็ก พออายุ 9 ขวบ คุณพ่อซึ่งเป็นนักดำน้ำก็จะสอนให้เรียนดำน้ำในสระไปก่อน และพออายุ 11 ขวบก็พาลงไปเรียนดำน้ำใต้ท้องทะเลอย่างจริงจัง จนสอบได้ใบเซอร์ติฟิเคทการดำน้ำขั้นสูงสุดตั้งแต่อายุ 12 ขวบ การดำน้ำทำให้เรามีความสุข สบายใจ มีความสงบ โดยเฉพาะ เวลาได้เห็นปะการังและฝูงปลาชนิดต่างๆ ว่ายอยู่ตรงหน้า มันเป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้ และที่สำคัญตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้ แพรดำน้ำเป็นคู่บัดดี้กับคุณพ่อมาโดยตลอด มันทำให้เรารู้ว่าคุณพ่อรักและห่วงเรามากแค่ไหน ท่านจะคอยสอนและบอกอยู่ตลอดเวลา เพราะโลกใต้ทะเลถึงแม้ว่าจะมีความสวยงามมากแค่ไหน หากแต่วินาทีความเป็นความตายก็อยู่ตรงหน้าเช่นกัน เรามีโอกาสที่จะไม่ได้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกเลย ถ้าประมาทและไม่มีบัดดี้ที่ดีพอ”
หญิงสาวบอกว่าตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวันนี้ผ่านการดำน้ำมาหลายทริป ทั้งดำแบบ scuba diving และแบบ Freediving หากแต่ทริปที่ประทับใจมากที่สุดคือ การไปดำน้ำที่เกาะอันดามันไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ส่วนหน้าของมหาสมุทรอินเดีย ความประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่เธอต้องนั่งเรือจากฝั่งถึง 32 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดดำน้ำ แม้จะใช้เวลาการเดินทางข้ามวันข้ามคืน เมื่อถึงยังจุดหมายและสวมอุปกรณ์ดำน้ำเพื่อลงสู่ท้องทะเลแล้ว สิ่งที่พบนั้นไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังเลย
“ทริปนั้นเป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานที่สุดเท่าที่แพรเคยไปดำน้ำมา และเมื่อลงไปเรารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาก เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมความงดงามของปะการังแล้ว เรายังได้เจอฉลามตัวใหญ่มาก และที่สำคัญ พอดำน้ำเสร็จเรายังได้เห็นช้างว่ายน้ำข้ามเกาะอีกด้วย เป็นทริปที่ประทับใจไม่เคยลืมเลยค่ะ”
ถึงแม้จะไปดำน้ำมาหลายที่ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ แต่ยังมีอีกหนึ่งความฝันที่เงือกสาวพราวเสน่ห์อยากไปลองสัมผัสก็คือ การไปดำน้ำในกรงกับฉลามขาวที่เม็กซิโก
“เป็นอีกความฝันที่แพรคิดว่าต้องไปให้ได้ เพราะการดำน้ำในกรงเพื่อดูฉลามขาวเป็นสิ่งสุดยอดที่นักดำน้ำทุกคนต้องไปสัมผัสให้ได้ เนื่องจากฉลามขาวดุร้ายที่สุด ไม่ค่อยมาปรากฏให้เราเห็น เป็นความฝันที่แพรต้องขอคุณพ่อให้พาไปทำให้สำเร็จให้ได้”
สุดท้ายที่อีกหนึ่งสาวที่ชอบดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เบอร์ดี้-ปาวา นาคาศัย ลูกสาวคนสวยของอดีตรัฐมนตรี พรทิวา นาคาศัย และเจ้าของเว็บไซต์ burdyparva.com ที่นอกจากสาวสวยแสนเซ็กซี่จะรักการท่องเที่ยวทางทะเลแล้ว เธอยังมีกิจกรรมสุดโปรดอย่างการดำน้ำที่ไปมาแล้วหลายทริป และแต่ละทริปนั้นล้วนสร้างความตื่นเต้นให้กับเธอมาตลอด
“เบอร์ดี้ชอบเล่นกีฬาทางน้ำอยู่แล้ว โดยเฉพาะ การดำน้ำ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราจิตใจสงบและมีชีวิตที่อิสระแล้ว ยังได้ชื่นชมกับความงดงามใต้ท้องทะเล ทั้งปะการังและปลาสวยงามหายากมากมาย ดังนั้น จึงไปเรียนดำน้ำจริงจัง เริ่มจากFreediving ซึ่งเป็นการดำน้ำที่ไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจก่อน และก็มาเรียนดำน้ำลึกแบบ scuba diving”
การดำน้ำแต่ละที่นั้นเบอร์ดี้บอกว่า ล้วนเจอความประทับใจแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ Coron Island Palawan ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการดำน้ำกร่อยทั้งแบบ scuba diving และ Freediving เป็นครั้งแรก ซึ่งปกติการดำน้ำจะต้องใส่ชุดเว็ทสูท สำหรับการดำน้ำเพราะใต้ผิวน้ำมีสภาพอากาศค่อนข้างเย็น หากแต่ที่นี่เธอต้องใส่ชุดว่ายน้ำดำลงไป เพราะน้ำแต่ละชั้นอุณหภูมิไม่เท่ากัน 12 เมตรแรกเย็น จากนั้นน้ำจะร้อนถึง 39 องศา แต่เธอก็สู้ไม่ถอย
“ตอนนั้นรู้สึกว่ามันร้อนมากเหมือนอบเซาน่า เกือบถอดใจแล้ว แต่ทั้งทีมยังสู้กันอยู่จึงทำให้เราดำต่อกันไป แต่พอดำลึกลงไปถึง 21 เมตรไปแล้ว น้ำก็จะอุ่นๆ ไม่ร้อน ซึ่งเวลาดำเราก็จะเห็นชั้นความร้อนของน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากเราไม่เคยเห็นเลยต้องถ่ายวิดีโอเก็บไว้”
สถานที่ดำน้ำที่เธอประทับใจมากคงจะเป็นมัลดีฟ เพราะได้ดำน้ำลึกแบบ scuba diving แล้ว เธอยังได้ดำน้ำแบบ Freediving ซึ่งไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องใช้ความอดทนและสมาธิเป็นอย่างมา นอกจากจะได้ชื่นชมฝูงปลาน้อยใหญ่ที่หาชมกันได้ยากแล้ว ทริปนี้เธอยังได้แหวกว่ายเคียงข้างฉลามวาฬตัวใหญ่ อย่างมีความสุขอีกด้วย
เบอร์ดี้บอกว่า ทุกครั้งที่ลงไปใต้น้ำนอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องของอุปกรณ์การดำน้ำที่ต้องอยู่ในสภาพดีแล้ว ชุดดำน้ำและกล้องถ่ายภาพทั้งนิ่งและเคลื่อนไหวก็มีความสำคัญ
“ปกติถ้าดำน้ำในประเทศที่อากาศไม่เย็นมาก ก็จะเลือกใส่ชุดว่ายน้ำเพื่อความสวยสดใสเวลาถ่ายรูป แต่ถ้าต้องไปดำน้ำในสภาพอากาศค่อนข้างเย็น ก็จะเลือกใส่เว็ทสูทเพื่อเพิ่มความกระชับและอบอุ่น แต่ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ กล้องถ่ายรูป ซึ่งเบอร์ดี้จะเลือกกล้องโกโปรที่ถ่ายใต้น้ำได้อย่างคมชัด เพราะจะได้มีภาพของปะการังและฝูงปลาน้อยใหญ่ มาให้ทุกคนได้ชมประหนึ่งได้ไปด้วยกัน” เงือกสาวเผยความในใจ