>>ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยบทเพลงสุนทราภรณ์ ยังคงตราตรึงใจคนฟังมาอย่างยาวนาน กว่า 78 ปีแล้ว ที่กรรมการ-เลขานุการ มูลนิธิสุนทราภรณ์ อติพร สุนทรสนาน เสนะวงศ์ ทายาทของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน พยายามดำรงรักษาบทเพลงอมตะไว้ให้คงอยู่คู่ลูกหลานไทยให้ยาวนาน ซึ่งตรงตามความตั้งใจของ พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ที่ชวนย้อนวันวานในความทรงจำ กับงาน “บางกอก ๒๕๐๐...คิดถึงสุนทราภรณ์” ภายใต้บรรยากาศกรุงเทพฯ ปี 2500 พร้อมการกลับมาของบทเพลงจากสุนทราภรณ์และศิลปินรับเชิญสุดพิเศษ รวงทอง ทองลั่นธม พร้อมด้วย ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม ร่วมกล่อมบทเพลงลูกกรุงในตำนาน พร้อมเปิดฟลอร์เริงลีลาศ โดยมี ปวีณลักษณ์ ลิมปิชาติและ อรอนงค์ เสนะวงศ์ ร่วมสัมผัสความบันเทิงย้อนยุคในบรรยากาศเสมือนจริง ณ รอยัลพาร์ค พลาซา ชั้น 1 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค
สมพล ตรีภพนารถ กล่าวว่า “ถ้าจำได้ในยุคปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นยุครุ่งเรืองของศิลปะวัฒนธรรม โดดเด่นสุดคือด้านดนตรีและเสียงเพลง ที่ทำให้สังคมในยุคนั้นเบ่งบานและน่าอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชนิดว่าไม่มีอะไรสามารถกั้นเราจากโลกแห่งเสียงเพลงได้ จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จำลองความสวยงามในยุคนั้นมาเนรมิตใจกลางพาราไดซ์ เราจึงตั้งใจที่จะทำออกมาให้เสมือนจริงทุกอย่าง เหมือนได้หลุดเข้ามาในยุคนั้นจริงๆ
เริ่มจากทางเข้างาน สะดุดตากับป้ายจำลองหน้าโรงภาพยนตร์ในยุคนั้นที่เป็นจุดถ่ายรูปแชร์โซเชียลได้ดี หลังก้าวผ่านทางเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวจิ๊กโก๋ วัยเก๋า ที่พร้อมใจกันแต่ง“เปิ๊ดสะก๊าด” ย้อนยุคไปในสมัยก่อน บ้างก็กระโปรงสุ่ม บ้างก็ชุดวิบวับสไตล์ดิสโก้ ที่ผสมวัฒนธรรมไทยและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน
และที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้ซึมซับมากขึ้น ก็คือ เหล่าสินค้าวินเทจที่ควรค่าแก่การสะสมจากร้านค้าชื่อดังกว่า 20 ร้าน อาทิ ร้านบ้านโบราณ, ร้าน Vintage Feminine, ร้านของใช้ในอดีต, ร้านของเล่นโบราณ, ร้านของตกแต่งบ้านแนววินเทจ, ร้านขนมวัยเด็ก, บูธมอเตอร์ไซด์ Stallions และ อีกมากมาย พร้อมกันนี้ได้จัดมุมชิคๆ คูลๆ สไตล์โก๋หลังวัง ไว้ต้อนรับนักเซลฟี่อีกด้วย”
สำหรับไฮไลต์พิเศษของงาน คือ ช่วงเวลาเปิดม่านรำลึกบทเพลงอมตะอย่างเพลง ฟลอร์เฟื่องฟ้าของวงสุนทราภรณ์ นำโดย เจือนศักดิ์ น้อยสุวรรณ, พรศุลี วิชเวช และศิลปินคลื่นลูกใหม่ โดยได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ รวงทอง ทองลั่นธม พร้อมด้วย นักร้องรุ่นใหม่เสียงคลาสสิก ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม ศิลปินต่างรุ่น ต่างวัยแต่ลงตัว มาถ่ายทอดบทเพลงสุนทราภรณ์ในเชิงปรัชญาชีวิตและศาสนา อาทิเพลงเสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น หวานรัก ห่วงอาลัย และ พรหมลิขิต ทั้งเนื้อหาและเสียงของทั้งสองศิลปินทำให้คนที่มาร่วมงานสัมผัสได้ถึงความสุขแห่งเสียงเพลงที่ยังคงเสน่ห์และเอกลักษณ์แบบดั้งเดิม
อีกหนึ่งความสุขสำหรับคนมีสเต็ป กับฟลอร์เต้นรำที่ปูด้วยพื้นไม้อย่างดี เพื่อให้นักลีลาศมืออาชีพและนักเต้นมือสมัครเล่น ได้วาดลีลาเท้าไฟเปิดฟลอร์อย่างสนุกสนาน ประกอบจังหวะเพลงฮิตจังหวะ บีกิน ชะชะช่า รุมบ้า และวอลซ์ จากวงสุนทราภรณ์ ทำให้บรรยากาศภายในงานสนุกครบทุกรสชาติอย่างแท้จริง
สำหรับสาวผู้หลงใหลในบรรยากาศย้อนยุค อ้อมแอ้ม-ปวีนลักษณ์ ลิมปิชาติ เผยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “เป็นคนชอบอะไรที่วินเทจมากๆ ทั้งแฟชั่น ขนมหวาน เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ชอบเช่นกัน อย่างเฟอร์นิเจอร์ในบ้านทั้งโซฟา ตู้เตียง จะเป็นไม้แท้รูปแบบวินเทจเลย พื้นบ้านก็เป็นพื้นไม้หมด
แล้วถ้าให้นึกถึงยุค 2500 แอ้มจะนึกถึงเรื่องการเต้นรำเพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเต้น ตอนเด็กๆ จะเต้นฮิปฮอป แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนมาเต้นแนว ชะชะช่า ซัลช่า ลาติน แทงโก้ จะออกแนวเซ็กซี่เบาๆ และเพลงสุนทราภรณ์ก็มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ เต้นได้ทุกเพลง เรียกว่าแต่ละเพลงเป็นเพลงประจำชาติได้เลย คนไทยควรภาคภูมิใจ”
ด้าน ไข่หวาน-อรอนงค์ เสนะวงศ์ ผู้สืบทอดวงดนตรีสุนทราภรณ์ อยากให้คนไทยหวงแหนและอนุรักษ์เพลงสุนทราภรณ์ว่า “ถ้านึกถึงสุนทราภรณ์ ต้องนึกถึงเพลงเทศกาลต่างๆ เลย เช่นเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ 10 ปี ก็เปิดฟังกันทั้งประเทศ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์แล้ว ยังไงทุกศูนย์การค้าก็เปิดเพลงสุนทราภรณ์
อยากชวนเด็กรุ่นใหม่มารู้จักเพลงสุนทราภรณ์ เพราะ ครูเอื้อคุณตาของไข่หวานได้แต่งเพลงไว้ทุกรูปแบบเลย เพลงช้าก็มี เพลงจังหวะเร็วๆ สนุกๆ ก็มี แม้กระทั่งจังหวะเต้นรำ ทั้งจังหวะดิสโก้ที่เป็นรากฐานเพลงเต้นรำก็มี เพลงแจ๊ส บลูส์ สไตล์ตะวันตกก็มีให้ฟังมากมาย ส่วนเนื้อหาก็ถูกปรับให้เข้ากับคนไทย ฟังง่าย เข้าใจง่าย เพราะฉะนั้นอยากให้ลองฟังกันดู”