>>ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ บดินทรเทพยางกูร พระราชทานพระราชดำริที่จะให้ประชาชนได้มีความสุข ความรื่นเริง และรำลึกถึงวิถีชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ขึ้น ณ บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า
วันแรกของการจัดงานประชาชนให้ความสนใจมาร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมแต่งกายชุดไทยย้อนยุคอย่างงดงาม เสมือนหลงไปอยู่ในยุคสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ไม่เว้นแม้แต่บรรดาเซเลบริตีเมืองไทย ที่ต่างพากันสลัดชุดหรู พร้อมใจกันสวมใส่ชุดไทย นุ่งโจง ห่มสไบ และขุดสมบัติเก่าเก็บอันเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ มาอวดโฉมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

เริ่มที่ มุก-ม.ล. รดีเทพ เทวกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ บอกว่า ปกติเป็นคนใส่ผ้าไทยเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ค่อยมี พอทราบข่าวว่าจะมีงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ซึ่งต้องแต่งชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 จึงไปศึกษาทางอินเตอร์เน็ตว่าสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้หญิงสมัยนั้นเขาจะใส่ผ้าลูกไม้แขนพองและนุ่งโจงกระเบน จึงไปซื้อที่ดิโอลด์ สยาม ที่เขามีสำเร็จรูปขายอยู่แล้วในราคาชุดละ 2,500 บาท
ถึงแม้ชุดจะซื้อสำเร็จรูป แต่เครื่องประดับทั้งสร้อยมุก ต่างหู นั้นเป็นของเก่าเก็บทั้งสิ้น โดยเฉพาะเข็มขัดทองรัดเอวที่เป็นมรดกตกทอดมาของคุณทวดตั้งแต่สมัย ร.5 ซึ่งประเมินมูลค่าไม่ได้ และในชีวิตนี้สาวมุกใส่เข็มขัดทองชิ้นนี้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น คือตอนแต่งงานและใส่มางานนี้เป็นครั้งที่ 2

ถัดมาที่ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ที่วันนี้มาในชุดไทยประยุกต์ เสื้อลูกไม้สีขาวแขนพอง พร้อมผ้าถุงไหมยกสีฟ้า อันเป็นสีประจำของ บมจ.เมืองไทยประกันภัย มาดามแป้งบอกว่า ชุดนี้ใช้เวลาเตรียมการนานพอสมควร เพราะต้องสั่งตัดใหม่ทั้งชุด และได้นำผ้าลูกไม้แขนพองอันเป็นชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 มาประยุกต์ใส่กับผ้าไหมยกสีฟ้า ซึ่งเป็นการตัดเย็บสมัยใหม่ โดยปกติเป็นคนชอบใส่ผ้าไทยเป็นประจำอยู่แล้ว พอมีงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว ยิ่งทำให้มีความสุขในการแต่งตัว เพราะงานนี้เป็นงานที่สาวๆ เฝ้ารอที่จะได้แต่งกายย้อนยุคอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นการอนุรักษ์วิถีและวัฒนธรรมไทยไว้ให้ลูกหลานได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป

ส่วนสองแม่ลูกแห่งตระกูลศรีวัฒนประภา นายหญิงใหญ่แห่ง บจก.คิง เพาเวอร์ เอมอร-อรุณรุ่ง บอกว่า ได้ใช้บริการห้องเสื้อธีรพันธ์ ซึ่งเป็นห้องเสื้อที่มีชื่อเสียงด้านการตัดชุดไทยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ให้ตัดชุดไทยย้อนยุคขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ฝ่าย “คุณแม่เอมอร” สวยสง่าในชุดผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาวแขนหมูแฮม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเสื้อผ้าสตรีชาวตะวันตก และโจงกระเบนสีฟ้าเหลือบน้ำเงิน บอกว่า ปกติเป็นคนชอบใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว แต่ผ้าไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่มี จึงต้องตัดใหม่ทั้งหมด และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกด้วยที่นุ่งโจงกระเบน งานนี้ทำให้คนไทยตื่นตัวในการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าไทยมากขึ้น อันเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทยให้สืบต่อไป
ขณะที่ลูกสาว “อรุณรุ่ง” ซึ่งตัดใหม่เฉพาะเสื้อผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาวแขนหมูแฮมเท่านั้น เพราะผ้าถุงที่ทำจากไหมแท้นั้นเพิ่งซื้อที่ร้านผ้าทอบ้านคำปุน จ.อุบลราชธานี เมื่อ4 เดือนที่ผ่านมา บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นและเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้หญิงไทยทุกคนจะได้แต่งกายย้อนยุคสวยงามในยุคแม่พลอยอีกครั้ง โดยส่วนตัวชอบใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว และยิ่งมีงานนี้จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น

ฝั่งหนุ่มใหญ่ พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา บอกเลยคนนี้ไม่ธรรมดา นอกจากจะมาในชุดเสื้อราชปะแตน โจงกระเบน หมวก ถูกระเบียบเป๊ะในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเจ้าตัวยังขุดกรุสมบัติเก่าเก็บ อย่างกระดุมเสื้อที่ตรงกลางสลักพระปรมาภิไธย จ.ป.ร. อันเป็นมรดกตกทอดที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อีก ด้วยราคามหาศาลประเมินมูลค่าไม่ได้
พิพัฒพงศ์ บอกว่า ด้วยหน้าที่การงานต้องใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว และชุดที่ใส่วันนี้ก็เป็นชุดที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว แต่วันนี้ที่เลือกใส่เสื้อราชปะแตนที่ตัดเย็บจากผ้าลินิน เพราะจากการที่ไปดูรูปสมัยเก่าๆของเจ้าคุณปู่ ก็ทำให้ทราบว่าข้าราชการสมัยก่อนจะใส่เสื้อราชปะแตนที่ตัดเย็บจากผ้าลินิน เพราะเนื้อผ้าเบาสบายเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทย

ปิดท้ายที่เจ้าสัวแห่งค่าย บจก.เครือเจริญโภคภัณฑ์ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ที่ถึงแม้จะไม่ได้นุ่งโจงกระเบนมา แต่ก็มาในชุดเสื้อผ้าไหมสีนวล สะอาดตา ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นคนชอบใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว ในตู้เสื้อผ้าจะมีผ้าเสื้อผ้าไหมอยู่ 5ตัว และมีเสื้อทางเหนืออีกหลายตัว โดยวันนี้ได้เลือกเสื้อโทนสีครีมมาใส่เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว ซึ่งจัดในช่วงฤดูหนาว
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนที่มาร่วมงานแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 หรือสวมใส่ผ้าไทย หรือชุดสุภาพ พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนมาที่จุดคัดกรองเพื่อเข้างานทั้ง 4 จุดได้แก่ 1.ริมถนนศรีอยุธยาฝั่งสวนอัมพร ตรงข้าม บช.น. 2.บนทางเท้าข้างสนามเสือป่า ตรงข้ามกองทัพภาคที่ 1 3.บนทางเท้าใกล้โค้ง ปตท.ถนนอู่ทองใน และ 4.บนเกาะกลาง ใกล้กองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งจุดคัดกรองที่ 1-3 เปิดในเวลา08.00 น. ของทุกวัน และจุดที่ 4 จะเปิดในเวลา 18.00 น. งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้-11 มี.ค. 61 เวลา 10.30-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. โดยไม่เสียค่าผ่านประตู
วันแรกของการจัดงานประชาชนให้ความสนใจมาร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมแต่งกายชุดไทยย้อนยุคอย่างงดงาม เสมือนหลงไปอยู่ในยุคสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ไม่เว้นแม้แต่บรรดาเซเลบริตีเมืองไทย ที่ต่างพากันสลัดชุดหรู พร้อมใจกันสวมใส่ชุดไทย นุ่งโจง ห่มสไบ และขุดสมบัติเก่าเก็บอันเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ มาอวดโฉมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เริ่มที่ มุก-ม.ล. รดีเทพ เทวกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ บอกว่า ปกติเป็นคนใส่ผ้าไทยเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ค่อยมี พอทราบข่าวว่าจะมีงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ซึ่งต้องแต่งชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 จึงไปศึกษาทางอินเตอร์เน็ตว่าสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้หญิงสมัยนั้นเขาจะใส่ผ้าลูกไม้แขนพองและนุ่งโจงกระเบน จึงไปซื้อที่ดิโอลด์ สยาม ที่เขามีสำเร็จรูปขายอยู่แล้วในราคาชุดละ 2,500 บาท
ถึงแม้ชุดจะซื้อสำเร็จรูป แต่เครื่องประดับทั้งสร้อยมุก ต่างหู นั้นเป็นของเก่าเก็บทั้งสิ้น โดยเฉพาะเข็มขัดทองรัดเอวที่เป็นมรดกตกทอดมาของคุณทวดตั้งแต่สมัย ร.5 ซึ่งประเมินมูลค่าไม่ได้ และในชีวิตนี้สาวมุกใส่เข็มขัดทองชิ้นนี้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น คือตอนแต่งงานและใส่มางานนี้เป็นครั้งที่ 2
ถัดมาที่ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ที่วันนี้มาในชุดไทยประยุกต์ เสื้อลูกไม้สีขาวแขนพอง พร้อมผ้าถุงไหมยกสีฟ้า อันเป็นสีประจำของ บมจ.เมืองไทยประกันภัย มาดามแป้งบอกว่า ชุดนี้ใช้เวลาเตรียมการนานพอสมควร เพราะต้องสั่งตัดใหม่ทั้งชุด และได้นำผ้าลูกไม้แขนพองอันเป็นชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 มาประยุกต์ใส่กับผ้าไหมยกสีฟ้า ซึ่งเป็นการตัดเย็บสมัยใหม่ โดยปกติเป็นคนชอบใส่ผ้าไทยเป็นประจำอยู่แล้ว พอมีงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว ยิ่งทำให้มีความสุขในการแต่งตัว เพราะงานนี้เป็นงานที่สาวๆ เฝ้ารอที่จะได้แต่งกายย้อนยุคอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นการอนุรักษ์วิถีและวัฒนธรรมไทยไว้ให้ลูกหลานได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป
ส่วนสองแม่ลูกแห่งตระกูลศรีวัฒนประภา นายหญิงใหญ่แห่ง บจก.คิง เพาเวอร์ เอมอร-อรุณรุ่ง บอกว่า ได้ใช้บริการห้องเสื้อธีรพันธ์ ซึ่งเป็นห้องเสื้อที่มีชื่อเสียงด้านการตัดชุดไทยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ให้ตัดชุดไทยย้อนยุคขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ฝ่าย “คุณแม่เอมอร” สวยสง่าในชุดผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาวแขนหมูแฮม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเสื้อผ้าสตรีชาวตะวันตก และโจงกระเบนสีฟ้าเหลือบน้ำเงิน บอกว่า ปกติเป็นคนชอบใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว แต่ผ้าไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่มี จึงต้องตัดใหม่ทั้งหมด และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกด้วยที่นุ่งโจงกระเบน งานนี้ทำให้คนไทยตื่นตัวในการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าไทยมากขึ้น อันเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทยให้สืบต่อไป
ขณะที่ลูกสาว “อรุณรุ่ง” ซึ่งตัดใหม่เฉพาะเสื้อผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาวแขนหมูแฮมเท่านั้น เพราะผ้าถุงที่ทำจากไหมแท้นั้นเพิ่งซื้อที่ร้านผ้าทอบ้านคำปุน จ.อุบลราชธานี เมื่อ4 เดือนที่ผ่านมา บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นและเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้หญิงไทยทุกคนจะได้แต่งกายย้อนยุคสวยงามในยุคแม่พลอยอีกครั้ง โดยส่วนตัวชอบใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว และยิ่งมีงานนี้จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น
ฝั่งหนุ่มใหญ่ พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา บอกเลยคนนี้ไม่ธรรมดา นอกจากจะมาในชุดเสื้อราชปะแตน โจงกระเบน หมวก ถูกระเบียบเป๊ะในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเจ้าตัวยังขุดกรุสมบัติเก่าเก็บ อย่างกระดุมเสื้อที่ตรงกลางสลักพระปรมาภิไธย จ.ป.ร. อันเป็นมรดกตกทอดที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อีก ด้วยราคามหาศาลประเมินมูลค่าไม่ได้
พิพัฒพงศ์ บอกว่า ด้วยหน้าที่การงานต้องใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว และชุดที่ใส่วันนี้ก็เป็นชุดที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว แต่วันนี้ที่เลือกใส่เสื้อราชปะแตนที่ตัดเย็บจากผ้าลินิน เพราะจากการที่ไปดูรูปสมัยเก่าๆของเจ้าคุณปู่ ก็ทำให้ทราบว่าข้าราชการสมัยก่อนจะใส่เสื้อราชปะแตนที่ตัดเย็บจากผ้าลินิน เพราะเนื้อผ้าเบาสบายเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทย
ปิดท้ายที่เจ้าสัวแห่งค่าย บจก.เครือเจริญโภคภัณฑ์ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ที่ถึงแม้จะไม่ได้นุ่งโจงกระเบนมา แต่ก็มาในชุดเสื้อผ้าไหมสีนวล สะอาดตา ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นคนชอบใส่ผ้าไทยอยู่แล้ว ในตู้เสื้อผ้าจะมีผ้าเสื้อผ้าไหมอยู่ 5ตัว และมีเสื้อทางเหนืออีกหลายตัว โดยวันนี้ได้เลือกเสื้อโทนสีครีมมาใส่เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว ซึ่งจัดในช่วงฤดูหนาว
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนที่มาร่วมงานแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 หรือสวมใส่ผ้าไทย หรือชุดสุภาพ พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนมาที่จุดคัดกรองเพื่อเข้างานทั้ง 4 จุดได้แก่ 1.ริมถนนศรีอยุธยาฝั่งสวนอัมพร ตรงข้าม บช.น. 2.บนทางเท้าข้างสนามเสือป่า ตรงข้ามกองทัพภาคที่ 1 3.บนทางเท้าใกล้โค้ง ปตท.ถนนอู่ทองใน และ 4.บนเกาะกลาง ใกล้กองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งจุดคัดกรองที่ 1-3 เปิดในเวลา08.00 น. ของทุกวัน และจุดที่ 4 จะเปิดในเวลา 18.00 น. งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้-11 มี.ค. 61 เวลา 10.30-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. โดยไม่เสียค่าผ่านประตู