>>เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ถ้าใครมีดวงตาที่สวยใสเปล่งประกายก็ยิ่งได้เปรียบ แต่บางครั้งปัญหาของสายตา ก็อาจเป็นอุปสรรคให้การโชว์ดวงตาแสนสวยต้องชะงักลง ไม่เว้นแม้แต่บรรดาเซเลบคนดังที่ถึงแม้จะรวยล้นฟ้า ก็ไม่สามารถหนีปัญหาสายตาได้ จึงทำให้หลายคนเลือกใช้แว่นสายตามาเป็นตัวช่วยถนอมดวงตาให้สวยโดดเด้ง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ถึงแม้ว่าจะมีวิวัฒนาการเรื่องการทำเลสิก หรือใส่คอนแทคเลนส์ มาเป็นตัวช่วย แต่เซเลบบางคนกลับเซย์กู๊ดบายบอกลาความทันสมัยเหล่านั้น เพราะหลายคนเชื่อว่าการใส่แว่นสายตา ก็ทำให้พวกเขาดูดีมีความทันสมัยได้ไม่แพ้ใคร
วันนี้ Celeb Online จะพาไปตามติดชีวิตเซเลบที่ติดแว่นสายตา จนไม่อาจถอดได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว

เริ่มที่รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช เจ้าแม่ออกาไนซ์มือทอง ที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าตลอดชีวิตนี้ขาดแว่นสายตาไม่ได้เลย เพราะใส่มาตั้งแต่อายุ 15 หยกๆ จนถึงป่านนี้ 50 ปลายๆ ก็ยังไม่มีวันไหนเลยที่ลืมใส่แว่นก่อนออกจากบ้าน
"พี่ใส่แว่นตามาตั้งแต่เด็ก เพราะชอบเอาของพ่อมาใส่เล่น แต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มมีปัญหาสายตา คือสายตาเริ่มเอียงและสักพักก็สายตาสั้น จึงต้องใส่แว่นตาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นและก็ใส่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้" ป้าตือเล่าต่อว่าทุกวันนี้ต้องใส่แว่นตาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เนื่องจากสายตาแพ้แสงขั้นรุนแรง ถ้าไม่ใส่อาจทำให้ตาแห้งจนถึงขั้นเป็นต้อได้ และหนักสุดคืออาจทำให้มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
"ทุกวันนี้จะใส่แว่นตาอยู่สามประเภทคือ เวลาทำงานก็จะเป็นแว่นสายตาทรงเรย์แบนด์ แว่นดูทีวี และแว่นสำหรับเล่นอินสตาแกรม ไม่เคยมีวันไหนที่พี่จะลืมใส่แว่น เพราะไม่เช่นนั้นจะมองไม่เห็นอะไรเลย จะถอดแว่นเวลาเดียวคือตอนเข้านอนเท่านั้น และจะมีแว่นสำรองหนึ่งอันติดกระเป๋าไปด้วยทุกครั้ง เผื่อเวลาเราทำแว่นที่ใส่อยู่พัง และเวลาไปต่างประเทศเคยพกแว่นสำรองไปมากสุดถึง 4 อันเลยทีเดียว" เจ้าแม่ออกาไนซ์มือทองเปิดใจ

ถัดมาที่เสี่ยใหญ่แห่งบิวตี้เจมส์ หนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใส่แว่นสายตามาตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นคนติดแว่นสายตา และการใส่แว่นตาที่นอกจากจะทำให้เขามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ยังทำให้เขาดูมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ และดูลุคเป็นเด็กเนิร์ดไฮโซอีกต่างหาก
"ผมใส่แว่นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ขณะนั้น รู้สึกว่าทำไมเวลาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์เราถึงมองไม่ค่อยเห็น จึงไปวัดสายตาปรากฏว่าสั้นถึง 200 จึงต้องตัดแว่นสายตาใส่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ก็สั้นขึ้นเรื่อยๆ จึงยังคงใส่แว่นอยู่เพื่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงานที่ต้องคอยส่องเพชรอยู่ตลอดเวลา"
ความติดแว่นสายตาของเสี่ยใหญ่แห่งบิวตี้เจมส์นั้น ถึงขั้นที่ว่าวันไหนที่ลืมหยิบแว่นออกมาจากบ้าน ต้องทิ้งรถหรูแล้วแวนซ์มอเตอร์ไซค์แบบเร่งด่วน กลับไปเอาแว่นตากันเลยทีเดียว
"ทุกวันนี้มีแว่นสายตามากกว่า 20 อัน เพราะจะเปลี่ยนกรอบไปเรื่อยๆ ตามแฟชั่น แต่ที่ชอบสุดคือ ที่ผมใส่เป็นประจำนี้ละครับ เพราะเป็นกรอบที่เข้ากับใบหน้าตัวเองที่สุด มีอยู่วันหนึ่งรีบออกจากบ้านเลยลืมแว่น จนถึงที่ทำงานแล้วนึกได้จึงรีบโบกรถมอเตอร์ไซค์กลับไปบ้าน จากนั้นผมจึงต้องเอาแว่นตาสำรองไว้ที่ออฟฟิศอีกหนึ่งอันเสมอ เพราะถ้าไม่มีแว่นสายตาแล้วจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้เลยครับ"

ใครว่าใส่แว่นแล้วจะทำให้ดูเป็นลุงเชยๆ นั้น คงใช้ไม่ได้กับไฮโซหนุ่มสุดแนว ป๊อบ-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ เพราะยิ่งใส่แว่นยิ่งทำให้หน้าเด็กลงทุกวัน ไฮโซหนุ่มบอกว่าใส่แว่นตาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนถึงทุกวันนี้ก็ยังใส่อยู่เพราะสายตาสั้นถึง 700 และตลอดชีวิตนี้คงไม่สามารถวางแว่นตาลงได้
"ชีวิตนี้พี่ต้องใส่แว่นตาตลอด เพราะถ้าไม่ใส่จะมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะสายตาสั้นมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งออกไปทำธุระนอกบ้านลืมแว่นไว้ที่ทำธุระ ไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้เลย ต้องให้คนอื่นขับมาส่งที่บ้าน ตั้งแต่วันนั้นพี่จึงต้องใส่แว่นสายตาตลอด และต้องมีพกสำรองไปด้วยเสมอ"
ด้วยความที่เป็นคนติดแว่นสายตาขนาดนี้ และอาชีพเสริมในหน้าที่พิธีกรอยู่หน้าจอทีวี หนุ่มป๊อบจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้แว่นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ การดัดแปลงแว่นสายตาให้ดูเก๋ทันสมัยเหมาะกับยุคที่ต้องรัดเข็มขัดแบบนี้
"การใส่แว่นของพี่จะเลือกใส่ตามสีเสื้อ พี่จะประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยการเอาเลนส์แว่นสายตาที่มีอยู่แล้วไปทำให้เป็นสีต่างๆ เพื่อป้องกันแสงแดดด้วย ไม่ว่าจะเป็นสีชา สีเขียว หรือสีอะไรก็ตาม เพื่อให้แมตซ์กับสีเสื้อผ้าที่เราจะใส่ในแต่ละวัน เพราะเลนส์แว่นสายตาคู่หนึ่งราคาเกือบแสนเลยทีเดียว ฉะนั้น การเอาเลนส์ไปลงสีตามแฟชั่น จึงเป็นอีกทางเลือกที่เก๋ไก๋มากในยุคเศรษฐกิจแบบนี้" ไฮโซป๊อบอธิบาย

แม้จะมีวิวัฒนาการทางการแพทย์อันทันสมัยมากเพียงไรก็ตาม ทั้งการทำเลสิก หรือจะใส่คอนแทคเลนส์เพื่อจะได้โชว์ดวงตาคู่สวย แต่เซเลบสาวรุ่นใหญ่ แหน-นันทวรรณ แสงธรรมกิจกุล กลับไม่เลือกรับความทันสมัยเหล่านั้น เธอเลือกที่จะใส่แว่นสายตาทรงเก๋จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ที่ทำให้ทุกคนจดจำเธอได้ในลุคเซเลบสาวใหญ่ที่มาพร้อมกับแว่นตา เครื่องประดับประจำกายสุดแสนเปรี้ยวแซ่บ
เธอบอกว่าทุกวันนี้แว่นสายตากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอไปแล้ว เพราะถ้าวันไหนไม่ได้ใส่แว่นคนจะจำเธอไม่ได้ ไม่เพียงช่วยถนอมสายตาแต่ยังเป็นเครื่องประดับสุดเก๋ที่ทำให้เธอดูสวยเฉี่ยวไม้แพ้ใครอีกด้วย
"ใส่แว่นตามาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเพราะเป็นคนสายตาสั้นมาก และทุกวันนี้ก็ยังสั้นอยู่ ถึงแม้สมัยก่อนหรือสมัยนี้มีการทำเลสิกหรือใส่คอนแทคเลนส์ เป็นตัวช่วยความสวย แต่พี่เลือกที่จะใส่แว่นสายตามากกว่า เพราะมันเป็นบุคลิกของเรา บางทีถ้าไม่ได้ใส่แว่นคนจะจำเราไม่ได้ ถ้าใส่ปุ๊บคนก็จะจำเราได้มาแต่ไกล แว่นตาเปรียบเสมือนเครื่องประดับชนิดหนึ่ง เราต้องเลือกทรงที่เข้ากับบุคลิกของเรา ไม่ควรตามแฟชั่น ตอนนี้พี่มีแว่นสายตาไม่ต่ำกว่า 30 อัน แต่ที่ใช้บ่อยสุดคือทรงที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เพราะเข้ากับบุคลิกมากที่สุด" เซเลบสาวเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส

ส่วนหนุ่มติดแว่นอย่าง “ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี" ที่เป็นคนสายตาปกติแต่ติดใส่แว่นมากๆ เพราะตอนนอนจะปิดตาไม่สนิททำให้ตาแห้ง วิธีแก้ก็คือใส่แว่นตลอดเวลา มีเลนส์ทุกแบบไม่ว่าจะเป็นเลนส์ใสและเลนส์สี ซึ่งจะชอบใช้เวลาปั่นจักรยาน เพราะตลอดทางจะไม่ได้มีแสงแบบเดียว ต้องผ่านทั้งร่มเงาไม้และกลางแดดจัด แว่นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยถนอมสายตา พร้อมป้องกันทั้งฝุ่น ควัน แสงแดด และตัวเองเป็นคนติดแว่น การที่เราใส่แว่นที่ใช้เลนส์เปลี่ยนสีได้ก็จะสะดวกไม่ต้องพกแว่นหลายอัน
ส่วนการเลือกกรอบแว่นนั้น หนุ่มท็อปจะเลือกที่ดีไซน์ก่อนแล้วค่อยดูว่าใส่แล้วเป็นอย่างไร ถ้าชอบก็ซื้อเก็บไว้ แว่นที่ดีก็ต้องการการดูแลที่ดีเช่นกัน ควรหมั่นดูแลทำความสะอาดเสมอแม้ไม่ได้ใส่ สำหรับแว่นอันไหนที่มีโอกาสเสียทรงง่ายก็จะใส่กล่องป้องกันเอาไว้ จะเลือกแว่นที่ดีไซน์และความคงทนแข็งแรง ที่สำคัญน้ำหนักต้องเบามากๆ ใส่แล้วจะไม่ทำให้ปวดศีรษะ นอกจากนี้ หนุ่มท็อปยังบอกอีกว่า “แว่น” สามารถเปลี่ยนบุคลิกคนได้เพราะเวลาใส่แว่นจะมั่นใจมากขึ้น

ปิดท้ายที่ดีไซเนอร์ใหญ่แห่งแบรนด์ ASAVA หมู-พลพัฒน์ อัศวประภา บอกว่า ปกติก็เป็นคนติดแว่นสีดำอยู่แล้ว ถือเป็นแอคเซสซอรีอีกชิ้นหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ เพราะค่อนข้างเจอคนเยอะ การใส่แว่นจะทำให้รู้สึกว่ามีสเปซส่วนตัว รู้สึกปลอดภัย ทำให้คนอ่านสายตาเราไม่ออก
“อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เมนเทอร์หมูติดแว่นเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเห็นคุณแม่ชอบใส่แว่นโอเวอร์ไซส์มาตลอด จึงเป็นความคุ้นชินมาตั้งแต่เด็กที่ทำให้ชอบใส่แว่น ซึ่งตอนนี้มีแว่นประมาณ 100 อัน แต่อันที่ใช้บ่อยๆ จะมีประมาณ 20 อัน” ดีไซเนอร์มือหนึ่งเผยความในใจ
เห็นไหมคะถึงแม้จะใส่แว่นตาก็สวยเผ็ดหล่อสปอร์ตได้ไม่ซ้ำใครเลย เพราะทุกอย่างอยู่ที่ความมั่นใจอะไรก็ปังได้!
วันนี้ Celeb Online จะพาไปตามติดชีวิตเซเลบที่ติดแว่นสายตา จนไม่อาจถอดได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
เริ่มที่รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช เจ้าแม่ออกาไนซ์มือทอง ที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าตลอดชีวิตนี้ขาดแว่นสายตาไม่ได้เลย เพราะใส่มาตั้งแต่อายุ 15 หยกๆ จนถึงป่านนี้ 50 ปลายๆ ก็ยังไม่มีวันไหนเลยที่ลืมใส่แว่นก่อนออกจากบ้าน
"พี่ใส่แว่นตามาตั้งแต่เด็ก เพราะชอบเอาของพ่อมาใส่เล่น แต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มมีปัญหาสายตา คือสายตาเริ่มเอียงและสักพักก็สายตาสั้น จึงต้องใส่แว่นตาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นและก็ใส่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้" ป้าตือเล่าต่อว่าทุกวันนี้ต้องใส่แว่นตาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เนื่องจากสายตาแพ้แสงขั้นรุนแรง ถ้าไม่ใส่อาจทำให้ตาแห้งจนถึงขั้นเป็นต้อได้ และหนักสุดคืออาจทำให้มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
"ทุกวันนี้จะใส่แว่นตาอยู่สามประเภทคือ เวลาทำงานก็จะเป็นแว่นสายตาทรงเรย์แบนด์ แว่นดูทีวี และแว่นสำหรับเล่นอินสตาแกรม ไม่เคยมีวันไหนที่พี่จะลืมใส่แว่น เพราะไม่เช่นนั้นจะมองไม่เห็นอะไรเลย จะถอดแว่นเวลาเดียวคือตอนเข้านอนเท่านั้น และจะมีแว่นสำรองหนึ่งอันติดกระเป๋าไปด้วยทุกครั้ง เผื่อเวลาเราทำแว่นที่ใส่อยู่พัง และเวลาไปต่างประเทศเคยพกแว่นสำรองไปมากสุดถึง 4 อันเลยทีเดียว" เจ้าแม่ออกาไนซ์มือทองเปิดใจ
ถัดมาที่เสี่ยใหญ่แห่งบิวตี้เจมส์ หนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใส่แว่นสายตามาตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นคนติดแว่นสายตา และการใส่แว่นตาที่นอกจากจะทำให้เขามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ยังทำให้เขาดูมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ และดูลุคเป็นเด็กเนิร์ดไฮโซอีกต่างหาก
"ผมใส่แว่นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ขณะนั้น รู้สึกว่าทำไมเวลาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์เราถึงมองไม่ค่อยเห็น จึงไปวัดสายตาปรากฏว่าสั้นถึง 200 จึงต้องตัดแว่นสายตาใส่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ก็สั้นขึ้นเรื่อยๆ จึงยังคงใส่แว่นอยู่เพื่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงานที่ต้องคอยส่องเพชรอยู่ตลอดเวลา"
ความติดแว่นสายตาของเสี่ยใหญ่แห่งบิวตี้เจมส์นั้น ถึงขั้นที่ว่าวันไหนที่ลืมหยิบแว่นออกมาจากบ้าน ต้องทิ้งรถหรูแล้วแวนซ์มอเตอร์ไซค์แบบเร่งด่วน กลับไปเอาแว่นตากันเลยทีเดียว
"ทุกวันนี้มีแว่นสายตามากกว่า 20 อัน เพราะจะเปลี่ยนกรอบไปเรื่อยๆ ตามแฟชั่น แต่ที่ชอบสุดคือ ที่ผมใส่เป็นประจำนี้ละครับ เพราะเป็นกรอบที่เข้ากับใบหน้าตัวเองที่สุด มีอยู่วันหนึ่งรีบออกจากบ้านเลยลืมแว่น จนถึงที่ทำงานแล้วนึกได้จึงรีบโบกรถมอเตอร์ไซค์กลับไปบ้าน จากนั้นผมจึงต้องเอาแว่นตาสำรองไว้ที่ออฟฟิศอีกหนึ่งอันเสมอ เพราะถ้าไม่มีแว่นสายตาแล้วจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้เลยครับ"
ใครว่าใส่แว่นแล้วจะทำให้ดูเป็นลุงเชยๆ นั้น คงใช้ไม่ได้กับไฮโซหนุ่มสุดแนว ป๊อบ-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ เพราะยิ่งใส่แว่นยิ่งทำให้หน้าเด็กลงทุกวัน ไฮโซหนุ่มบอกว่าใส่แว่นตาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนถึงทุกวันนี้ก็ยังใส่อยู่เพราะสายตาสั้นถึง 700 และตลอดชีวิตนี้คงไม่สามารถวางแว่นตาลงได้
"ชีวิตนี้พี่ต้องใส่แว่นตาตลอด เพราะถ้าไม่ใส่จะมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะสายตาสั้นมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งออกไปทำธุระนอกบ้านลืมแว่นไว้ที่ทำธุระ ไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้เลย ต้องให้คนอื่นขับมาส่งที่บ้าน ตั้งแต่วันนั้นพี่จึงต้องใส่แว่นสายตาตลอด และต้องมีพกสำรองไปด้วยเสมอ"
ด้วยความที่เป็นคนติดแว่นสายตาขนาดนี้ และอาชีพเสริมในหน้าที่พิธีกรอยู่หน้าจอทีวี หนุ่มป๊อบจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้แว่นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ การดัดแปลงแว่นสายตาให้ดูเก๋ทันสมัยเหมาะกับยุคที่ต้องรัดเข็มขัดแบบนี้
"การใส่แว่นของพี่จะเลือกใส่ตามสีเสื้อ พี่จะประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยการเอาเลนส์แว่นสายตาที่มีอยู่แล้วไปทำให้เป็นสีต่างๆ เพื่อป้องกันแสงแดดด้วย ไม่ว่าจะเป็นสีชา สีเขียว หรือสีอะไรก็ตาม เพื่อให้แมตซ์กับสีเสื้อผ้าที่เราจะใส่ในแต่ละวัน เพราะเลนส์แว่นสายตาคู่หนึ่งราคาเกือบแสนเลยทีเดียว ฉะนั้น การเอาเลนส์ไปลงสีตามแฟชั่น จึงเป็นอีกทางเลือกที่เก๋ไก๋มากในยุคเศรษฐกิจแบบนี้" ไฮโซป๊อบอธิบาย
แม้จะมีวิวัฒนาการทางการแพทย์อันทันสมัยมากเพียงไรก็ตาม ทั้งการทำเลสิก หรือจะใส่คอนแทคเลนส์เพื่อจะได้โชว์ดวงตาคู่สวย แต่เซเลบสาวรุ่นใหญ่ แหน-นันทวรรณ แสงธรรมกิจกุล กลับไม่เลือกรับความทันสมัยเหล่านั้น เธอเลือกที่จะใส่แว่นสายตาทรงเก๋จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ที่ทำให้ทุกคนจดจำเธอได้ในลุคเซเลบสาวใหญ่ที่มาพร้อมกับแว่นตา เครื่องประดับประจำกายสุดแสนเปรี้ยวแซ่บ
เธอบอกว่าทุกวันนี้แว่นสายตากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอไปแล้ว เพราะถ้าวันไหนไม่ได้ใส่แว่นคนจะจำเธอไม่ได้ ไม่เพียงช่วยถนอมสายตาแต่ยังเป็นเครื่องประดับสุดเก๋ที่ทำให้เธอดูสวยเฉี่ยวไม้แพ้ใครอีกด้วย
"ใส่แว่นตามาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเพราะเป็นคนสายตาสั้นมาก และทุกวันนี้ก็ยังสั้นอยู่ ถึงแม้สมัยก่อนหรือสมัยนี้มีการทำเลสิกหรือใส่คอนแทคเลนส์ เป็นตัวช่วยความสวย แต่พี่เลือกที่จะใส่แว่นสายตามากกว่า เพราะมันเป็นบุคลิกของเรา บางทีถ้าไม่ได้ใส่แว่นคนจะจำเราไม่ได้ ถ้าใส่ปุ๊บคนก็จะจำเราได้มาแต่ไกล แว่นตาเปรียบเสมือนเครื่องประดับชนิดหนึ่ง เราต้องเลือกทรงที่เข้ากับบุคลิกของเรา ไม่ควรตามแฟชั่น ตอนนี้พี่มีแว่นสายตาไม่ต่ำกว่า 30 อัน แต่ที่ใช้บ่อยสุดคือทรงที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เพราะเข้ากับบุคลิกมากที่สุด" เซเลบสาวเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส
ส่วนหนุ่มติดแว่นอย่าง “ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี" ที่เป็นคนสายตาปกติแต่ติดใส่แว่นมากๆ เพราะตอนนอนจะปิดตาไม่สนิททำให้ตาแห้ง วิธีแก้ก็คือใส่แว่นตลอดเวลา มีเลนส์ทุกแบบไม่ว่าจะเป็นเลนส์ใสและเลนส์สี ซึ่งจะชอบใช้เวลาปั่นจักรยาน เพราะตลอดทางจะไม่ได้มีแสงแบบเดียว ต้องผ่านทั้งร่มเงาไม้และกลางแดดจัด แว่นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยถนอมสายตา พร้อมป้องกันทั้งฝุ่น ควัน แสงแดด และตัวเองเป็นคนติดแว่น การที่เราใส่แว่นที่ใช้เลนส์เปลี่ยนสีได้ก็จะสะดวกไม่ต้องพกแว่นหลายอัน
ส่วนการเลือกกรอบแว่นนั้น หนุ่มท็อปจะเลือกที่ดีไซน์ก่อนแล้วค่อยดูว่าใส่แล้วเป็นอย่างไร ถ้าชอบก็ซื้อเก็บไว้ แว่นที่ดีก็ต้องการการดูแลที่ดีเช่นกัน ควรหมั่นดูแลทำความสะอาดเสมอแม้ไม่ได้ใส่ สำหรับแว่นอันไหนที่มีโอกาสเสียทรงง่ายก็จะใส่กล่องป้องกันเอาไว้ จะเลือกแว่นที่ดีไซน์และความคงทนแข็งแรง ที่สำคัญน้ำหนักต้องเบามากๆ ใส่แล้วจะไม่ทำให้ปวดศีรษะ นอกจากนี้ หนุ่มท็อปยังบอกอีกว่า “แว่น” สามารถเปลี่ยนบุคลิกคนได้เพราะเวลาใส่แว่นจะมั่นใจมากขึ้น
ปิดท้ายที่ดีไซเนอร์ใหญ่แห่งแบรนด์ ASAVA หมู-พลพัฒน์ อัศวประภา บอกว่า ปกติก็เป็นคนติดแว่นสีดำอยู่แล้ว ถือเป็นแอคเซสซอรีอีกชิ้นหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ เพราะค่อนข้างเจอคนเยอะ การใส่แว่นจะทำให้รู้สึกว่ามีสเปซส่วนตัว รู้สึกปลอดภัย ทำให้คนอ่านสายตาเราไม่ออก
“อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เมนเทอร์หมูติดแว่นเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเห็นคุณแม่ชอบใส่แว่นโอเวอร์ไซส์มาตลอด จึงเป็นความคุ้นชินมาตั้งแต่เด็กที่ทำให้ชอบใส่แว่น ซึ่งตอนนี้มีแว่นประมาณ 100 อัน แต่อันที่ใช้บ่อยๆ จะมีประมาณ 20 อัน” ดีไซเนอร์มือหนึ่งเผยความในใจ
เห็นไหมคะถึงแม้จะใส่แว่นตาก็สวยเผ็ดหล่อสปอร์ตได้ไม่ซ้ำใครเลย เพราะทุกอย่างอยู่ที่ความมั่นใจอะไรก็ปังได้!