>>กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ 4 กับงานวันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัลระดับโลกจัดโดยคนไทย ที่เฉลิมฉลองศิลปะ ดนตรี และไอเดียสร้างสรรค์ ผสานความยั่งยืนและความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีเหล่าวันเดอเรอร์จากทั่วโลกกว่า 13,000 คน ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่จุดประกายความยั่งยืน และเฉลิมฉลองความสร้างสรรค์ ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ
พีท - ประณิธาน พรประภา ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ วันเดอร์ฟรุ๊ต กล่าวว่า “วันเดอร์ฟรุ๊ตไม่ใช่แค่งานเฟสติวัลเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์หลากหลาย ซึ่งผ่านการสร้างสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนและตระหนักถึงการทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้มากขึ้นทุกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่การจัดงานในปีแรก วันเดอร์ฟรุ๊ตต้องการแสดงให้เห็นว่า การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายและสนุก ในครั้งนี้เราไปไกลยิ่งกว่าเดิมด้วยการนำกลุ่มคนที่มีแนวคิดสอดคล้องกันจำนวนหลายพันคนจากทุกมุมโลก มาร่วมคิด ร่วมสนุก และร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงในแง่บวกไปด้วยกัน”
วันเดอร์ฟรุ๊ต ยึดมั่นในแนวคิดหลัก (Ethos) ด้านความยั่งยืน อันเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์งาน ตั้งแต่การไม่ใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง การแนะนำ TREE tokens (สกุลเงินดิจิตอลที่เชื่อมกับระบบ natural capital) ซึ่งวันเดอเรอร์ได้ร่วมทำสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมจากการซื้อเครื่องดื่มภายในงานที่เชื่อมโยงกับ TREE Tokens ไปจนถึงการสร้างเวทีและโครงสร้างทุกอย่างในงานจากวัสดุที่มีความยั่งยืนผสานกับเทคนิคการออกแบบสุดล้ำ
ลิฟวิ่ง สเตจ (Living Stage) สร้างจากไม้ไผ่คงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เวทีที่ได้ต้อนรับศิลปินเฮดไลน์อย่าง Wild Beasts, Yeasayer และ Chronixx ในขณะที่ The Quarry กลมกลืนกับธรรมชาติอันรายล้อมด้วยต้นมันสำปะหลัง โดยโครงสร้างทั้งหมดมีความสวยงามแฝงความลึกลับลงตัวกับจังหวะดนตรีมันส์ๆ ของเหล่าดีเจ Craig Richards, Matt Sassari, Gui Boratto และ Richie Hawtin นอกจากนี้ ยังมีเวิร์คช็อปสุดสร้างสรรค์ตรงโซนของ The Hive และ FARMacy รวมถึงการพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจ Scratch Talks โดย เอสซี แอสเสท ที่ฟาร์ม สเตจ (Farm Stage) โดย จิม ทอมป์สัน และ Rainforest Pavilion ที่มีการทำเวิร์คช็อปและแชร์เรื่องราวด้านสิ่งแวดล้อมโดยทีม Joy Collective และ Greenpeace
ตั้งแต่แรกเริ่ม วันเดอร์ฟรุ๊ตมุ่งมั่นในการแสดงจุดยืนที่แตกต่างจากเฟสติวัลอื่นๆ มาโดยตลอด ทั้งนี้ตลอดงานทั้ง 4 วันที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า วันเดอร์ฟรุ๊ตเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนอย่างแท้จริง ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังได้รังสรรค์ประสบการณ์เปี่ยมล้นทุกความรู้สึก เติมเต็มทุกพื้นที่ด้วยการแสดงจำนวนนับไม่ถ้วน ที่เชื่อมโยงทุกจุดในเดอะฟิลด์เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อนำวันเดอเรอร์สู่การเดินทางแห่งการแสดงออกและปลดปล่อยความรู้สึกที่แท้จริง
ภายในงาน เหล่าวันเดอเรอร์มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการปีนขึ้นรสบัสหมอลำ โดยหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน และโยกย้ายไปกับเพลงหมอลำ พร้อมทักทายกับแสงอาทิตย์ พร้อมกับชิลและดื่มด่ำไปกับค็อกเทลสไตล์ไทยแท้ที่แคมป์ เนรมิต ภายใต้การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มผสมเหล้ารัมของไทยที่ Moonlight Lounge โดยแสงโสม เต้นสุดเหวี่ยงทั้งคืนที่แคมป์ ALTN8 รื้อฟื้นเทคนิคฟุตบอลฟรีสไตล์กับ โอห์ม แชมป์ฟุตบอลฟรีสไตล์จาก Red Bull สัมผัสกับอาหารและเรื่องราวที่ Theatre of Feasts และร่วมสนุกสนานกันที่ The Ziggurat โดยสิงห์ ไปพลางๆ ระหว่างหลบฝนที่ตกลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวในวันศุกร์ เพื่อเฉลิมฉลองวิถีชีวิต ความสร้างสรรค์ และอนาคตที่ยั่งยืน
วันเดอร์ฟรุ๊ตปิดฉากงานครั้งที่ 4 ด้วยการมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ รวมถึงไอเดียใหม่ๆ จุดประกายความคิด สร้างความทรงจำตราตรึงให้กับเหล่าวันเดอเรอร์ที่เข้าร่วมงาน อย่าพลาดการผจญภัยครั้งหน้า ติดตามการอัพเดทข่าวสารและกิจกรรมของวันเดอร์ฟรุ๊ต หรือลงทะเบียนอีเมล์เพื่อขอรับข่าวสารสุดเอ็กคลูซีฟก่อนใครทางหน้า เว็บไซต์วันเดอร์ฟรุ๊ต
