>>ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลอภิมหาเศรษฐี จะมีคฤหาสน์สุดหรูพักอาศัยเพียงแค่หลังเดียวในกรุงเทพฯ เห็นทีว่าคงจะไม่ใช่ เพราะตลอดทั้งปีต้องทำงานหนักสารพัด ดังนั้น จึงมักมีบ้านหลังที่สอง ที่สาม ที่อยู่ตามเมืองตากอากาศต่างๆ ไว้พักผ่อนหย่อนใจยามว่างจากความยุ่งเหยิงในเมืองกรุง ดังนั้น ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังมาเยือนในอีกไม่กี่วัน Celeb Online จะพาทุกท่านไปสัมผัสบ้านพักตากอากาศของเหล่าเศรษฐีเมืองไทย ที่แต่ละหลังนั้นล้วนสุดยอดทั้งทัศนียภาพและความหรูหรา ไม่แพ้เจ้าของบ้านกันเลยทีเดียว

เริ่มที่คฤหาสน์ตากอากาศมูลค่ามหาศาลของ เฉลิม อยู่วิทยา เจ้าพ่อเรดบูดที่โด่งดังไปทั่วโลก และ มาดามปุ๋ง-ดารณี บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ ตั้งเด่นเป็นสง่าบนชายหาดหัวหิน จ.ประจวบฯ เดิมทีเป็นพระตำหนักของ เจ้าฟ้าบริพัตร สุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ พระราชโอรสในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 โดยสมัยนั้นได้ตั้งชื่อว่า “บ้านบ่จืด” อันหมายถึงความรักที่ไม่มีวันจืดจาง และด้วยความหมายอันลึกซึ้งนี้เองทำให้เจ้าสัวเฉลิมตัดสินใจควักเงินมูลค่ามหาศาล ซื้อบ้านหลังนี้เป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน 25 ปี และคงชื่อไว้เหมือนเดิมคือ “บ้านบ่จืด” ที่มีความหมายกินใจว่าคนในครอบครัวอยู่วิทยาจะรักกันตลอดไปไม่เสื่อมคลาย บรรยากาศของบ้านเต็มไปด้วยความร่มรื่นสไตล์โคโลเนียล มองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม ซึ่งทุกคนในครอบครัวหากจะมาพักผ่อนก็จะอยู่กันเป็นสัปดาห์ ก่อนที่จะกลับไปทำงาน
บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ บนชายหาดหัวหินอันเป็นที่ตั้งของ “บ้านมะขามโทน” บ้านพักตากอากาศของ นิดหน่อย-จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กับ คุณหญิงต้น-ม.ล.ปิยาภัสร์ และลูกๆ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจาก เจ้าสัวจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ผู้ล่วงลับไปแล้ว บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในสไตล์บาหลี เพิ่มความโดดเด่นด้วยการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เป็นแบบกะลาสี ในโทนสีฟ้าขาวสะอาดตา ตัดกับท้องทะเล สร้างความอบอุ่นให้กับผู้มาพัก ซึ่งแต่ก่อนทุกวันขึ้นปีใหม่ หรือวันสงกรานต์ สมาชิกในครอบครัวจะมารวมตัวพักกันที่นี่เป็นประจำ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการงานและสังคม

ถัดมาที่ คุณชายเมี่ยง-ม.ร.ว. เดชาเฉลิม ยุคล ลูกไม้หล่นไกลต้นของ ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ไม่ชอบสร้างหนังเหมือนท่านพ่อ หากแต่รักในบรรยากาศสบายๆ ของท้องทะเล จึงมุ่งมั่นที่จะทำสถานที่พักตากอากาศไว้สำหรับครอบครัว และเปิดให้คนอื่นมาเช่าพักพร้อมๆ กับการได้พักผ่อนหย่อนใจไปในตัว กับบ้านพักตากอากาศที่ชื่อว่า “บ้านชายทะเลนเรศวร” ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ซึ่งเป็นบ้านที่เติมพลังกายพลังใจให้ทำงานด้วยความสุข บนเนื้อที่ 110 ตารางวา สไตล์ไทยโมเดิร์น 2 ชั้น 2ห้องนอน เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าผนังเป็นกระจกล้อมรอบ เปิดผ้าม่านออกจะมองเห็นทะเลที่สวยงาม พร้อมดาดฟ้าสำหรับปาร์ตี้เล็กๆ มีสระว่ายน้ำอยู่ในบริเวณบ้าน ส่วนใหญ่คุณชายเมี่ยงจะมาพักก็ต่อเมื่อเบื่อความวุ่นวายในเมืองกรุง จึงแวะมาเติมพลังที่บ้านชายทะเลหลังนี้เป็นประจำ

มาถึง บ้านลักษสุภา อันโด่งดังบนชายหาดหัวหินของ ม.ล. ลักษสุภา กฤดากร บนพื้นที่ 7 ไร่ ติดถนนนเรศดำริห์ ทำเป็นรีสอร์ตหรูสีขาวสไตล์โคโรเนียล 2 ชั้นสะอาดตา มีระเบียงกว้าง ภายในรั้วเดียวกัน ม.ล.ลักษสุภา ยังได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ สไตล์เดียวกัน เพื่อไว้ให้คุณแม่ อาภา กฤดากร ณ อยุธยา ที่อายุมากแล้ว ได้ใช้เป็นที่ผ่อนคลายอิริยาบถและสูดอากาศบริสุทธิ์ ทั้งยังเป็นที่พักผ่อนสำหรับเธอและลูกๆ ในวันที่แบตหมดอีกด้วย
ต่อกันที่อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมนั่นก็คือ ปากช่อง-เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีไฮโซตระกูลดังไปปักหมุดสร้างอาณาจักรไว้พักผ่อนกันมากมาย หนึ่งในนั้นต้องยกให้ “บ้านอัมพุช” ของ เจ้าสัวศุภชัย อัมพุช แห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ที่ลูกๆ ตั้งใจจะสร้างให้คุณพ่อศุภชัยได้ใช้พักผ่อนและพักฟื้นจากปัญหาสุขภาพ จึงลงขันกันร่วม 100 ล้านบาท สร้างบ้านหลังนี้บนพื้นที่ 48 ไร่ โดยเจ้าสัวศุภชัยเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด ตัวบ้านเป็นอาคารยาวชั้นเดียว ติดกระจกรอบด้าน ภายในประดับด้วยของตกแต่งบ้านเป็นรูปม้า อันเป็นสัตว์แสนโปรดของเจ้าสัวไว้ทุกมุมของบ้าน แม้ว่าเจ้าสัวศุภชัยจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่บ้านหลังนี้ยังเป็นศูนย์รวมความรักของสมาชิกบ้านอัมพุชอย่างเหนียวแน่น เพราะทุกครั้งที่เป็นวันหยุดหรือวันพิเศษของครอบครัว ทุกคนจะมารวมตัวกัน เพื่อทำกิจกรรมและร่วมรำลึกถึงบิดาผู้ล่วงลับไปแล้ว

ส่วนบ้านพักตากอากาศของดีไซเนอร์สาว ดวง-มนตร์ลดา พงษ์พานิช แห่งแบรนด์ MONLADA ซึ่งเป็นของคุณพ่อ (มนตรี พงษ์พานิช) ที่เขาใหญ่ และเมื่อคุณพ่อเสียชีวิต บ้านหลังนี้ก็แทบไม่ได้เปิดต้อนรับใครอีก มีแต่เธอและเพื่อนๆ เท่านั้นที่มาพักเป็นประจำ ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนๆ ว่าทำไมไม่ลองทำเป็นบ้านพักให้คนมาท่องเที่ยว พักผ่อน สูดกลิ่นธรรมชาติดูบ้าง ดีไซเนอร์สาวเปรี้ยวจี๊ดจึงลุกขึ้นมาสวมบทบาทเป็นอินทีเรีย ดูแลตกแต่งบ้านอันเป็นมรดกของคุณพ่อบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้เป็นไพรเวตพร็อพเพอร์ตี้ขนาดใหญ่ รองรับทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ในยามที่เธอต้องการแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้า ก็จะแพคกระเป๋าแล้วมาที่นี่ จนมีพลังพร้อมลุยงานต่อ

ก็เพราะเขาใหญ่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่แท้ทรู ท่ามกลางขุนเขาและอากาศบริสุทธิ์ จึงทำให้ ดนัย ดีโรจนวงศ์ ทายาทผู้ก่อตั้งมิสทีน มาปักหมุดสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่ โพรวองซ์ เขาใหญ่ และได้ออกแบบส่วนต่างๆ ของบ้านเชื่อมต่อกันเป็นแนวยาว หลังคากระเบื้องดินเผาโค้งเป็นลอนตื้นๆ ฉาบทาตัวบ้านด้วยสีหมาก ตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศสโบราณ มีโลเกชั่นด้านหลังเป็นภูเขาสูง เบื้องหน้าสดใสด้วยท้องฟ้าและขุนเขา แมกไม้ธรรมชาตินานาพันธุ์ ดังนั้น ทุกเทศกาล วันหยุดหรือวันว่าง เจ้าพ่อมิสทีนจึงหอบหิ้วความเหนื่อยล้ามาพักไว้ที่บ้านหลังนี้ เพื่อสูดโอโซนให้เต็มปอดแล้วจึงกลับไปทำงานต่อ

จากความเบื่อเรื่องวุ่นวายในเมืองกรุง อาร์ต-ม.ล. อภิชิต วุฒิชัย จึงชวนภรรยาสาวสวย กบ-อาภาศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เอาโฉนดที่ดินมากาง เพื่อสำรวจที่ดินอันเป็นมรดกจากคุณพ่อคุณแม่มาเลือกสรร จนสุดท้ายก็มาถูกใจที่ดินริมแม่น้ำบางปะกง จึงตัดสินใจลงเสาเอกสร้างบ้านหลังเล็กๆ ดีไซน์เรียบง่าย ในชื่อ “บ้านอาทิตย์ธารา” เพื่อไว้พักผ่อน สูดกลิ่นอายบริสุทธิ์ ล่องเรือยอชต์ ชมพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อก่อนบ้านหลังนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศมีเพียงอากาศบริสุทธิ์ จนวันนี้มีถึง 13 ห้อง แต่เจ้าของก็ยังเรียกว่าบ้านอยู่ดี ด้วยเหตุผลที่ว่าทุกคนที่มาพักไม่ใช่แขกหากแต่เป็นเพื่อน และทุกครั้งที่ทั้งคู่เบื่อความวุ่นวายในเมืองหลวง บ้านอาทิตย์ธารา ก็จะเป็นที่พักใจพักกายได้ครั้งละเป็นเดือนเลยทีเดียว

สำหรับเชียงใหม่ถือว่าฮอตไม่แพ้จังหวัดอื่น ที่มีเศรษฐีเมืองไทยไปสร้างบ้านหลังที่สองไว้สูดอากาศบริสุทธิ์ และหนึ่งในนั้นก็คือ “บ้านบุณยะจินดา” อันเป็นบ้านพักตากอากาศของ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา และคุณหญิงกอแก้ว คฤหาสน์หลังนี้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เพราะตั้งอยู่บนดอยสะเก็ด มองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่อย่างกว้างขวาง ตัวบ้านเป็นสไตล์ล้านนาประยุกต์ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ มีลำธารไหลผ่าน ซึ่งครอบครัวบุณยะจินดาถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี โดยในเทศกาลปีใหม่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะ ดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช และน้องชายหัวแก้วหัวแหวน ดัง-พันกร บุณยะจินดา ต้องเดินทางมาฉลองด้วยกันที่บ้านหลังนี้
ขึ้นชื่อว่าบ้าน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ แต่ขอให้เป็นบ้านที่อบอุ่นทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้า เท่านี้ก็สุขที่สุดแล้ว
เริ่มที่คฤหาสน์ตากอากาศมูลค่ามหาศาลของ เฉลิม อยู่วิทยา เจ้าพ่อเรดบูดที่โด่งดังไปทั่วโลก และ มาดามปุ๋ง-ดารณี บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ ตั้งเด่นเป็นสง่าบนชายหาดหัวหิน จ.ประจวบฯ เดิมทีเป็นพระตำหนักของ เจ้าฟ้าบริพัตร สุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ พระราชโอรสในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 โดยสมัยนั้นได้ตั้งชื่อว่า “บ้านบ่จืด” อันหมายถึงความรักที่ไม่มีวันจืดจาง และด้วยความหมายอันลึกซึ้งนี้เองทำให้เจ้าสัวเฉลิมตัดสินใจควักเงินมูลค่ามหาศาล ซื้อบ้านหลังนี้เป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน 25 ปี และคงชื่อไว้เหมือนเดิมคือ “บ้านบ่จืด” ที่มีความหมายกินใจว่าคนในครอบครัวอยู่วิทยาจะรักกันตลอดไปไม่เสื่อมคลาย บรรยากาศของบ้านเต็มไปด้วยความร่มรื่นสไตล์โคโลเนียล มองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม ซึ่งทุกคนในครอบครัวหากจะมาพักผ่อนก็จะอยู่กันเป็นสัปดาห์ ก่อนที่จะกลับไปทำงาน
บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ บนชายหาดหัวหินอันเป็นที่ตั้งของ “บ้านมะขามโทน” บ้านพักตากอากาศของ นิดหน่อย-จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กับ คุณหญิงต้น-ม.ล.ปิยาภัสร์ และลูกๆ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจาก เจ้าสัวจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ผู้ล่วงลับไปแล้ว บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในสไตล์บาหลี เพิ่มความโดดเด่นด้วยการตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เป็นแบบกะลาสี ในโทนสีฟ้าขาวสะอาดตา ตัดกับท้องทะเล สร้างความอบอุ่นให้กับผู้มาพัก ซึ่งแต่ก่อนทุกวันขึ้นปีใหม่ หรือวันสงกรานต์ สมาชิกในครอบครัวจะมารวมตัวพักกันที่นี่เป็นประจำ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการงานและสังคม
ถัดมาที่ คุณชายเมี่ยง-ม.ร.ว. เดชาเฉลิม ยุคล ลูกไม้หล่นไกลต้นของ ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ไม่ชอบสร้างหนังเหมือนท่านพ่อ หากแต่รักในบรรยากาศสบายๆ ของท้องทะเล จึงมุ่งมั่นที่จะทำสถานที่พักตากอากาศไว้สำหรับครอบครัว และเปิดให้คนอื่นมาเช่าพักพร้อมๆ กับการได้พักผ่อนหย่อนใจไปในตัว กับบ้านพักตากอากาศที่ชื่อว่า “บ้านชายทะเลนเรศวร” ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ซึ่งเป็นบ้านที่เติมพลังกายพลังใจให้ทำงานด้วยความสุข บนเนื้อที่ 110 ตารางวา สไตล์ไทยโมเดิร์น 2 ชั้น 2ห้องนอน เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าผนังเป็นกระจกล้อมรอบ เปิดผ้าม่านออกจะมองเห็นทะเลที่สวยงาม พร้อมดาดฟ้าสำหรับปาร์ตี้เล็กๆ มีสระว่ายน้ำอยู่ในบริเวณบ้าน ส่วนใหญ่คุณชายเมี่ยงจะมาพักก็ต่อเมื่อเบื่อความวุ่นวายในเมืองกรุง จึงแวะมาเติมพลังที่บ้านชายทะเลหลังนี้เป็นประจำ
มาถึง บ้านลักษสุภา อันโด่งดังบนชายหาดหัวหินของ ม.ล. ลักษสุภา กฤดากร บนพื้นที่ 7 ไร่ ติดถนนนเรศดำริห์ ทำเป็นรีสอร์ตหรูสีขาวสไตล์โคโรเนียล 2 ชั้นสะอาดตา มีระเบียงกว้าง ภายในรั้วเดียวกัน ม.ล.ลักษสุภา ยังได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ สไตล์เดียวกัน เพื่อไว้ให้คุณแม่ อาภา กฤดากร ณ อยุธยา ที่อายุมากแล้ว ได้ใช้เป็นที่ผ่อนคลายอิริยาบถและสูดอากาศบริสุทธิ์ ทั้งยังเป็นที่พักผ่อนสำหรับเธอและลูกๆ ในวันที่แบตหมดอีกด้วย
ต่อกันที่อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมนั่นก็คือ ปากช่อง-เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีไฮโซตระกูลดังไปปักหมุดสร้างอาณาจักรไว้พักผ่อนกันมากมาย หนึ่งในนั้นต้องยกให้ “บ้านอัมพุช” ของ เจ้าสัวศุภชัย อัมพุช แห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ที่ลูกๆ ตั้งใจจะสร้างให้คุณพ่อศุภชัยได้ใช้พักผ่อนและพักฟื้นจากปัญหาสุขภาพ จึงลงขันกันร่วม 100 ล้านบาท สร้างบ้านหลังนี้บนพื้นที่ 48 ไร่ โดยเจ้าสัวศุภชัยเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด ตัวบ้านเป็นอาคารยาวชั้นเดียว ติดกระจกรอบด้าน ภายในประดับด้วยของตกแต่งบ้านเป็นรูปม้า อันเป็นสัตว์แสนโปรดของเจ้าสัวไว้ทุกมุมของบ้าน แม้ว่าเจ้าสัวศุภชัยจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่บ้านหลังนี้ยังเป็นศูนย์รวมความรักของสมาชิกบ้านอัมพุชอย่างเหนียวแน่น เพราะทุกครั้งที่เป็นวันหยุดหรือวันพิเศษของครอบครัว ทุกคนจะมารวมตัวกัน เพื่อทำกิจกรรมและร่วมรำลึกถึงบิดาผู้ล่วงลับไปแล้ว
ส่วนบ้านพักตากอากาศของดีไซเนอร์สาว ดวง-มนตร์ลดา พงษ์พานิช แห่งแบรนด์ MONLADA ซึ่งเป็นของคุณพ่อ (มนตรี พงษ์พานิช) ที่เขาใหญ่ และเมื่อคุณพ่อเสียชีวิต บ้านหลังนี้ก็แทบไม่ได้เปิดต้อนรับใครอีก มีแต่เธอและเพื่อนๆ เท่านั้นที่มาพักเป็นประจำ ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนๆ ว่าทำไมไม่ลองทำเป็นบ้านพักให้คนมาท่องเที่ยว พักผ่อน สูดกลิ่นธรรมชาติดูบ้าง ดีไซเนอร์สาวเปรี้ยวจี๊ดจึงลุกขึ้นมาสวมบทบาทเป็นอินทีเรีย ดูแลตกแต่งบ้านอันเป็นมรดกของคุณพ่อบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้เป็นไพรเวตพร็อพเพอร์ตี้ขนาดใหญ่ รองรับทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ในยามที่เธอต้องการแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้า ก็จะแพคกระเป๋าแล้วมาที่นี่ จนมีพลังพร้อมลุยงานต่อ
ก็เพราะเขาใหญ่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่แท้ทรู ท่ามกลางขุนเขาและอากาศบริสุทธิ์ จึงทำให้ ดนัย ดีโรจนวงศ์ ทายาทผู้ก่อตั้งมิสทีน มาปักหมุดสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่ โพรวองซ์ เขาใหญ่ และได้ออกแบบส่วนต่างๆ ของบ้านเชื่อมต่อกันเป็นแนวยาว หลังคากระเบื้องดินเผาโค้งเป็นลอนตื้นๆ ฉาบทาตัวบ้านด้วยสีหมาก ตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศสโบราณ มีโลเกชั่นด้านหลังเป็นภูเขาสูง เบื้องหน้าสดใสด้วยท้องฟ้าและขุนเขา แมกไม้ธรรมชาตินานาพันธุ์ ดังนั้น ทุกเทศกาล วันหยุดหรือวันว่าง เจ้าพ่อมิสทีนจึงหอบหิ้วความเหนื่อยล้ามาพักไว้ที่บ้านหลังนี้ เพื่อสูดโอโซนให้เต็มปอดแล้วจึงกลับไปทำงานต่อ
จากความเบื่อเรื่องวุ่นวายในเมืองกรุง อาร์ต-ม.ล. อภิชิต วุฒิชัย จึงชวนภรรยาสาวสวย กบ-อาภาศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เอาโฉนดที่ดินมากาง เพื่อสำรวจที่ดินอันเป็นมรดกจากคุณพ่อคุณแม่มาเลือกสรร จนสุดท้ายก็มาถูกใจที่ดินริมแม่น้ำบางปะกง จึงตัดสินใจลงเสาเอกสร้างบ้านหลังเล็กๆ ดีไซน์เรียบง่าย ในชื่อ “บ้านอาทิตย์ธารา” เพื่อไว้พักผ่อน สูดกลิ่นอายบริสุทธิ์ ล่องเรือยอชต์ ชมพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อก่อนบ้านหลังนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศมีเพียงอากาศบริสุทธิ์ จนวันนี้มีถึง 13 ห้อง แต่เจ้าของก็ยังเรียกว่าบ้านอยู่ดี ด้วยเหตุผลที่ว่าทุกคนที่มาพักไม่ใช่แขกหากแต่เป็นเพื่อน และทุกครั้งที่ทั้งคู่เบื่อความวุ่นวายในเมืองหลวง บ้านอาทิตย์ธารา ก็จะเป็นที่พักใจพักกายได้ครั้งละเป็นเดือนเลยทีเดียว
สำหรับเชียงใหม่ถือว่าฮอตไม่แพ้จังหวัดอื่น ที่มีเศรษฐีเมืองไทยไปสร้างบ้านหลังที่สองไว้สูดอากาศบริสุทธิ์ และหนึ่งในนั้นก็คือ “บ้านบุณยะจินดา” อันเป็นบ้านพักตากอากาศของ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา และคุณหญิงกอแก้ว คฤหาสน์หลังนี้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เพราะตั้งอยู่บนดอยสะเก็ด มองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่อย่างกว้างขวาง ตัวบ้านเป็นสไตล์ล้านนาประยุกต์ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ มีลำธารไหลผ่าน ซึ่งครอบครัวบุณยะจินดาถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี โดยในเทศกาลปีใหม่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะ ดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช และน้องชายหัวแก้วหัวแหวน ดัง-พันกร บุณยะจินดา ต้องเดินทางมาฉลองด้วยกันที่บ้านหลังนี้
ขึ้นชื่อว่าบ้าน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ แต่ขอให้เป็นบ้านที่อบอุ่นทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้า เท่านี้ก็สุขที่สุดแล้ว