xs
xsm
sm
md
lg

วิ่งหน้าตั้ง รับเทรนด์มนุษย์สายวิ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

>>ถ้าเป็นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว หากใครตอบว่าชอบวิ่งเป็นงานอดิเรก เราๆ ก็คงรู้สึกเฉยๆ เบ้ปากมองบนผ่านไป แต่นาทีนี้กลายเป็นเรื่องตรงข้าม นับตั้งแต่เทรนด์ปั่นน่องเหล็กจนถึงนาทีนี้คงไม่มีการออกกำลังใดจะร้อนแรงไปกว่า ‘วิ่ง’ อีกแล้ว จุดนี้ยกเครดิตให้กับ “อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ที่เริ่มเอาการวิ่งมาเป็นแรงผลักดันหารายได้ช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเมื่อปีก่อน

จนมาพีคสุดปีนี้ในการทำโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” วิ่งจากใต้สุดของประเทศไทย อ.เบตง จ.ยะลา ไปเหนือสุด อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะทางรวม 2,191 กิโลเมตร เพื่อเชิญชวนบริจาคเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ ถึงตอนนี้มียอดบริจาคทะลุเป้ามากกว่า 400 ล้านบาท

จากกระแส “ก้าวคนละก้าว” ไม่เพียงทำให้เห็นถึงแรงใจที่เข้มแข็งเท่านั้น เทรนด์การวิ่งก็กลายเป็นการออกกำลังยอดนิยม ที่แม้แต่เหล่าเซเลบคนดังก็ให้ความสนใจ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม หลายคนหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่ง นอกจากกิจกรรมปกติที่ทำ

ยกตัวอย่าง “แข-งามแข อมาตยกุล” ที่ควงคู่สาวสังคม “แพร-ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น” ชวนกันไปไปวิ่งเทรล (Trail running : กีฬาแนว Endurance เช่นเดียวกับการวิ่ง แต่มีการผสมการปีนไต่เขาบนเส้นทางธรรมชาติ) ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศและต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ

“ก่อนหน้านี้เราเคยอ้วนมากหนักถึง 75 กิโล ลดมาได้ 20 กิโล ก็ไม่อยากกลับไปอ้วนอีก เมื่อไม่นานมานี้ไปลองวิ่งเทรลที่เชียงรายมา เป็นอะไรที่ไม่เคยลอง พอลองแล้วรู้สึกสนุกดี ไม่เหมือนวิ่งในสวนนะ มันมีทุกอย่างทั้งขึ้นเขา ลงห้วย บุกป่า ลุยน้ำ ฝ่าฝน นี่ไม่ได้พูดให้คล้องจอง แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ กลับมาแล้วรู้สึกมีพลัง ทำให้รู้สึกว่าถ้าผ่านสิ่งนี้ไปได้ อุปสรรคใดๆ ในชีวิตประจำวันเราก็ฝ่าไปได้” สาวแขเล่า

ส่วนตัวแขออกกำลังกายแบบคาดิโออยู่แล้ว ทั้งเล่นเวทเทรนนิง จ็อกกิ้ง และชอบกีฬาเอาต์ดอร์ แต่ถามว่าจะไต่ระดับตัวเองไปถึงการวิ่งมาราธอนแบบตูน บอดี้สแลมไหม? สาวแขตอบว่าคงไปไม่ถึงขั้นนั้น ขอแค่ทำลายสถิติตัวเองก็พอใจแล้ว

“ถึงตอนนี้การออกกำลังสำหรับแขไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก แต่คืออยากมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนมากกว่า ตอนนี้แค่วิ่งเทรล 4 กิโลเมตร ใช้เวลาตั้ง 4 ชั่วโมง เราแค่อยากทำเวลาให้ดีขึ้น อย่างเรื่องที่พี่ตูนวิ่งมาราธอนขนาดนี้ เราไม่ได้มองแค่ว่าสิ่งที่พี่ตูนทำคือวิ่ง แต่นี่คือการสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เขามีเป้าหมายที่ใหญ่มาก และไม่กลัวที่จะวิ่งไปหามัน เขากำลังทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น สิ่งนี่คือปรัชญาชีวิตเลยนะ สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับทุกอย่างในชีวิตได้เลย”

อีกหนึ่งสาวสายฟิตแอนด์เฟิร์ม “แพร-ดวงกมล” แห่ง Prae’s Kitchen และ P Square PR บริษัทประชาสัมพันธ์ด้านร้านอาหาร แม้จะไปวิ่งเทรลมาด้วยกัน แต่ความประทับใจในการวิ่งนั้นต่างกัน เพราะโดยนิสัยเธอไม่ชอบการแข่งขัน แต่รักความสงบ สบายๆ เป็นกันเองมากกว่า โดยแพรย้อนความว่า เธอเป็นคนชอบออกำลังกายมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ทั้งตีเทนนิส ฟิตเนส แต่มาระยะหลังเธอชอบวิ่งที่สวนลุมฯ มากกว่า เพราะอยากสัมผัสกับธรรมชาติ ยิ่งพอได้ไปวิ่งเทรลที่เชียงราย ทำให้เธอประทับใจเป็นพิเศษ เพราะได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น รู้สึกว่าได้ผ่อนคลายทั้งกายและใจ อีกทั้งเป็นการออกกำลังที่ได้พบปะกับเพื่อนฝูง เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบ

ดูเหมือนว่าการวิ่งเทรลกำลังกลายเป็นทางเลือกหนึ่งของการวิ่ง เพราะนอกจากสองสาวนี้แล้ว ยังมี “ผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล” ก็สนใจการวิ่งแนวนี้เหมือนกัน แถมเธอยังเป็นนักวิ่งตัวยง เพราะไม่ว่าจะมีรายการวิ่งที่ไหนก็มักจะเห็นสาวเล็กพริกขี้หนูคนนี้ไปเช็คอินอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอวิ่งได้หมดทั้งระยะใกล้-ไกล เรียกว่า 10 กิโลนี่คือสบายๆ

ส่วนอีกสาวที่ข้ามมาสนใจการวิ่งเหมือนกัน คือ อดีตนักกีฬาลีลาศทีมชาติอย่าง “เต็ม-ม.ล. วราภา ชุมพล” ที่ตอนนี้วางมือจากการเป็นนักกีฬาไปทำธุรกิจส่วนตัวแล้ว แต่เธอไม่ทิ้งการออกกำลังกาย ซึ่งตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมานอกจากการเล่นคาดิโอทั่วไปแล้ว การวิ่งในสวนลุมฯ คือสิ่งที่เธอชอบมากที่สุด เพราะนอกจากได้เหงื่อแล้ว ยังได้คลายเครียดอีกด้วย โดยออกรอบแต่ละครั้งคือไม่ต่ำกว่า 3-4 รอบสวมลุมฯ (ประมาณ 7 กม.)

“การวิ่งเป็นการคาดิโอที่ดี ทุกคนสามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายหรือต้องใช้อุปกรณ์อะไร ซึ่งเต็มสังเกตว่าตั้งแต่มีกระแสพี่ตูนวิ่ง รู้สึกจำนวนคนวิ่งในสวนลุมฯ มีมากขึ้น และสิ่งที่พี่ตูนทำเป็นเรื่องน่านับถือมาก เขาทำจริง! เขาไม่มีความกลัว เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปเขาอาจจะรู้สึกกลัวเจ็บ เหนื่อย แต่เขาคือบุคคลที่ก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้”

ไม่เพียงแต่กลุ่มสาวๆ เท่านั้น แม้แต่กลุ่มนักธุรกิจทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็เบนเข็มมาเอาดีเรื่องวิ่งเหมือนกัน อย่าง “ปลาทู-ดิฐวัฒน์ อิสสระ” คลื่นลูกใหม่แห่งครอบครัวอิสสระ รับผิดชอบดูแลโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายแห่งมูลค่านับพันล้านบาท ซึ่งถอดแบบคุณพ่อ (สงกรานต์ อิสสระ) ผู้แอคทีฟไม่แพ้กัน เพราะแม้ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะเคยออกปากว่าไม่ชอบวิ่งออกกำลัง จนเมื่อได้ชิมลางลงสนาม Trial Run 25 กิโลเมตร (กิจกรรมเอ็กซ์ตรีมที่มีการวิ่ง ลุยโคลน และปีนเขา) นับแต่นั้นก็กลายเป็นคนรักการวิ่งมาราธอนไปโดยปริยาย

แต่คนที่ไม่คิดว่าจะมาหลงรักการออกกำลังกายแนวนี้ คือ “สาระ ล่ำซำ” บิ๊กบอสสุดหล่อแห่งเมืองไทยประกันชีวิต บิสิเนสแมนตารางแน่น ท้ายสุดก็เอาเรื่องงานกับการออกกำลังมารวมกันได้ เพราะปิ๊งไอเดียเอาการวิ่งมาจัดเป็นแคมเปญให้บริษัท ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้วิ่งคนเดียว ควงศรีภรรยา “น้ำ-สลิล” มาลงรายการกับเขาด้วย และลีลาก็ไม่ใช่ว่าวิ่งผ่านๆ แต่เป็นการวิ่งมาราธอนระยะไกลเสียด้วย ชนิดที่ว่าฟิตซ้อมร่างกายมาพร้อมตลอด แถมโชว์ดีกรีความหวานไปตลอดทาง

เช่นเดียวกับผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ “ประณัย พรประภา” ทายาทเจ้าของโรงแรมสยาม แอท สยาม และธุรกิจต่างๆ ทั้งการตกแต่งรถยนต์ ฟิตเนส ที่นำความชอบส่วนตัวซึ่งเป็นคนรักการเล่นกีฬาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมาตั้งแต่ 10 ขวบ ทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล เวคบอร์ด และหนึ่งในนั้นก็คือการวิ่ง นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้เขาตัดสินใจนำเข้าการแข่งขันวิ่งวิบากระดับโลกอย่าง “สปาร์ตัน เรซ” เข้ามาเปิดตัวในเมืองไทย อีกทั้งเป็นผู้จัดและผู้โปรโมทตอีเวนต์ “เดอะ มิวสิค รัน” (The Music Run) ทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งระยะทาง 5 กม. ไปพร้อมกับเสียงดนตรี โดยรายการนี้จัดต่อมาถึง 3 ครั้งแล้วในเมืองไทย

แต่สำหรับผู้ที่เป็นตัวจริงสายฮาร์ดคอร์สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิ่งและการออกกำลัง ต้องมอบโล่ให้ “ฟาน ศรีไตรรัตน์” ทายาทเรือด่วนเจ้าพระยา ที่แม้อายุอานามจะล่วงเข้า 40 ปลายๆ แล้ว แต่เรื่องความฟิต ขอบอกประหนึ่งนักกีฬาโอลิมปิก ซึ่งหากใครได้ติดตามข่าวคราวตามสื่อจะทราบดีว่า ฟานคือตัวอย่างที่ดีของคนที่ออกกำลังกายตั้งแต่วัยเด็ก ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวตั้งแต่ 9 ขวบ เล่นมาหมดทั้งคาราเต้ ยูโด นินจา เส้าหลิน วูซู หวิงชุน จนเมื่อ 5-6 ปี ก่อนหันมาสนใจกีฬาวิ่ง ประเดิมสนามแรกคือ Adventure Racer จากตรงนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เริ่มฝึกวิ่งอย่างจริงจัง ทั้งมาราธอน วิ่งเทรล ไตรกีฬา และ Ironman ระยะเต็ม

จากความหลงใหลเข้าขั้นเครซี ทำให้เขาเปลี่ยนงานมารับตำแหน่งเป็น Master Coach ที่ Twist Fitness & Conditioning Bangkok ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้ง ร่วมกับการเป็นโค้ชสอน

ทั้งหมดนี้แค่ออเดิร์ฟเบาๆ ยังมีอีกหลายคนหลายท่านที่หันมามุ่งมั่นกับกีฬาประเภทวิ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะวิ่งเพราะกระแส วิ่งเพราะการแข่งขัน วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก วิ่งเพราะรัก สุดท้ายแล้วประโยชน์ที่ทุกคนได้จากสิ่งนี้ คือ ‘สุขภาพที่ดี’ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายหรือใจ ถ้าคุณทำมันอย่างจริงจัง
กำลังโหลดความคิดเห็น