xs
xsm
sm
md
lg

พ่อ-ลูกสุดเท่ “ชัยลดล-ฐชา โชควัฒนา” ต่างวัยหัวใจเดียวกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>กาลเวลาไม่อาจทำอะไรผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ ต่อให้ผ่านวัยใสจนกลายเป็นคุณพ่อ แต่ “มั้งค์-ชัยลดล โชควัฒนา” หนึ่งในทายาทเจนเนอเรชันที่ 3 ของสหพัฒน์ ยังเฟี้ยวฟ้าวทั้งรูปลักษณ์และมุมมองความคิดที่นอกกรอบ ต้อนรับวันพ่อวันนี้ ด้วยคู่พ่อ-ลูกสุดน่ารัก “มั้งค์-ชัยลดล” และลูกสาววัย 11 ขวบ “น้องเม็ก-ฐชา” โดยมีแขกรับเชิญเป็น “ชิโร่” สุนัขสีขาวขนฟูหน้ายิ้มเข้าฉาก

คุณพ่อสายครีเอทีฟ

เปิดฉากด้วยเรื่องงาน ซีอีโอหนุ่มเล่าว่า “มี มั้งค์ ลิมิเต็ด เป็นบริษัทที่รับจัดอีเวนต์ และรับออแกไนซ์เฉพาะงานของสหพัฒน์ ปีหนึ่งจะมี 3-4 งาน ที่คุ้นกันดีคืองานที่ศูนย์สิริกิติ์และงานกาชาด นอกนั้นก็รับงานบริษัทในเครือบ้าง ส่วน มั้งค์ โปรดักชั่น จะรับผลิตทั้งรายการทีวี คลิป วิดีโอไวรัล และโฆษณา ซึ่งในส่วนของรายการทีวีเราทำมา 4-5 ปีแล้ว แต่ยอมรับว่าตอนนี้รายการทีวีอยู่ในช่วงขาลง แต่จริงๆ ก็สื่อทุกอย่างแหละ โดยเฉพาะ สิ่งพิมพ์ตอนนี้โหดมาก” ถึงจะเป็นช่วงขาลง แต่มั้งค์ไม่ถอดใจ พยายามหากลยุทธ์มาสู้ หนึ่งในไม้เด็ดคือ กระตุ้นให้ทีมงานใช้หัวใจของผู้บริโภคผลิตผลงาน

คุณพ่อผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของญี่ปุ่น

เมื่อถามว่าทำไมถึงหลงใหลประเทศญี่ปุ่น มั้งค์บอกว่า “ผมไม่ได้อยากไปทั่วโลก แต่ผมไปในที่ที่คิดว่าชีวิตนี้ต้องไป ผมชอบญี่ปุ่นเพราะทุกอย่างที่ผมสนใจอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะกล้อง เกม การ์ตูน หรืออาหาร ทุกครั้งที่ผมไปรู้สึกได้รีแลกซ์ ยกเว้นถ้าเลขาฯ ไลน์มา ส่วนใหญ่ผมไปญี่ปุ่นกับลูกสาวตั้งแต่เขาอายุได้ 4-5 ขวบ จนตอนนี้ 11 ขวบ ไปมา 20 กว่าเที่ยว เฉพาะ 2 ปีที่ผ่านมาจะถี่หน่อย ไปปีละ 5-6 ครั้ง ความสุขในการเดินทางของผม คือการตามล่าขุมทรัพย์ที่ผมเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร”

มั้งค์มองว่า การเดินทางยังช่วยให้ลูกสาวตัวน้อยได้เรียนรู้นอกห้องเรียนมหาศาล “ผมมาจากสายกราฟิกดีไซน์ เพราะฉะนั้น ผมจะบอกได้ว่าอะไรสวย ไม่สวย อย่างเวลาเห็นป้ายร้าน ผมจะสังเกตตั้งแต่แบบตัวอักษร การเว้นสเปซ ถ้าไปกับเม็กผมก็จะถ่ายทอดความรู้ตรงนี้ไปกับสิ่งที่พบเห็น สอนแบบให้เขาอยากรับ เวลาไปญี่ปุ่น คือ ช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับลูกแบบ 100% เหมือนตัวติดกัน เพราะบางครั้งอยู่เมืองไทยเราก็นอนแยกห้อง

เลี้ยงลูกสาวตามสไตล์พ่อมั้งค์

เห็นเป็นคุณพ่อสายชิล มีอารมณ์ศิลปินนิดๆ แบบนี้ แต่สำหรับการเลี้ยงลูก มั้งค์ยอมรับว่าคิดเยอะพอสมควร“ผมเลี้ยงลูกแบบคิดเยอะนะ มีแรมในหัวเท่าไหร่ผมใช้เต็มจำนวน คิดทุกอย่างว่าจะพูดจะสอนเขาอย่างไรดี ถ้าสอนแบบนี้ไปแล้วจะเป็นอย่างไร ผมใช้หลายศาสตร์มาประยุกต์ บางครั้งผมก็ต้องใช้หลักธรรมะช่วย ถ้าลูกทำผิด ไม่ใช่ดุอย่างเดียวบางครั้งก็ต้องนิ่งๆ สงบสติอารมณ์ ถามว่ามีลงโทษไหม มีนะ แต่ก่อนผมใช้วิธีให้พอยต์ พอทำผิดก็ตัดพอยต์ แต่หลังๆ ก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะพอเขาได้ของที่อยากได้มานานๆ ก็จะเริ่มงอแง” คุณพ่อถือโอกาสแฉวีรกรรมแสบๆ ของลูกสาว

“บางที ถ้าจะตีเขา ผมจะพยายามข่มใจ ผมอาจจะต่างกับพ่อแม่ยุคก่อนที่ตี หรือห้ามว่าอย่าทำนะ โดยไม่บอกว่าเพราะอะไร แค่บอกว่าอย่าทำแล้วกัน แต่ผมจะเป็นคน Over Explain ถึงผมรู้ว่าไม่มีใครชอบให้ใครอธิบายยาวๆ แต่ผมจะบอกเม็กเสมอว่า ถ้าป๊าพูดแล้วเซฟชีวิตหนูได้ สักวันหนูจะเข้าใจที่ป๊าพูด หนูจะเกลียดป๊าไปทั้งชีวิตเลยก็ได้ แต่ป๊าจะขอพูดให้เม็กเข้าใจ แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบนี้กับทุกเรื่องนะ บางเรื่องผมก็ปล่อย”

ลูกสาวคนนี้ โคลนนิ่งมาแบบสำเนาถูกต้อง

ผ่านมาแล้วทั้งอารมณ์คู่ซี้ คู่ซ่า มีอารมณ์ดรามาบ้างเป็นบางครั้งคราว แต่ถ้าถามว่าลูกสาวคนนี้ได้พ่อหรือแม่มาเต็มๆ มั้งค์ชิงตอบได้เลยว่า “เหมือนผม 100%” ก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะ “เหมือนโคลนนิ่งผมออกมา จนแม่เขาเครียด”

สำหรับเรื่องความเหมือนนี้ ถึงมั้งค์ไม่เฉลยก็เดาได้ไม่ยาก เพราะตั้งแต่แรกเห็นเด็กหญิงเม็กใช้ Gadget คล่องแคล่วจนผู้ใหญ่บางคนยังอาย แถมฝีมือวาดรูป ออกแบบ ตัดต่อคลิปไม่เป็นสองรองใคร เรียกได้ว่ารับดีเอ็นเอความอาร์ตมาจากคุณพ่อเต็มๆ

“หนูชอบพวก Design Technology ประดิษฐ์ของและออกแบบ คุณพ่อช่วยหนูได้เยอะ ช่วยสอนหนูใช้โปรแกรม Photoshop และแอปพลิเคชันต่างๆ” หนูน้อยเล่าพลางกดไอโฟนในมือเพื่อโชว์ผลงานที่ทำไว้ สมกับเป็นเด็กยุคใหม่ที่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวสามารถทำการบ้าน เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลงครบ

“ปกติหนูก็ทำการบ้านในโทรศัพท์แล้วก็ส่งเลย ไม่ต้องใช้คอมพ์ บางครั้งก็ใช้เล่นเกม แต่งภาพ ทำคลิปแอนิเมชัน” เม็กเจื้อยแจ้วถึงส่วนหนึ่งของงานอดิเรกที่พอมีเวลาเหลือให้ทำ เพราะตาราง 7 วันของหนูน้อยคนนี้แน่นตลอดสัปดาห์ไม่แพ้ซุปตาร์ มีเรียนพิเศษทั้งภาษาไทย เปียโน ภาษาญี่ปุ่น เทควันโด เต้น และวาดรูป ทั้งสัปดาห์ว่างแค่วันเดียวคือ วันพุธ แต่หลังจากที่ขึ้น Grade 7 (ป.6) นี้เอง ที่เลิกเรียนช้ากว่าเดิม เลยตัดสินใจเลิกเรียนเทควันโดและเต้นไป ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น

“แต่ก่อนหนูวาดเคสโทรศัพท์ขายทางอินสตาแกรม แต่ตอนนี้หยุดไปแล้ว เคยทำสมุดทำมือไปขายเพื่อนๆเล่มละ 5 บาท แต่ตอนนี้ก็เลิกทำไปแล้วเหมือนกัน (หัวเราะ) ตอนนี้หนูมีอินสตาแกรม 3 แอกเคานต์ อันแรกคือ อินสตาแกรมส่วนตัว อีกอันไว้ขายเคส ส่วนอันสุดท้ายเอาไว้เก็บผลงานของหนู เพราะหนูชอบวาดรูป ออกแบบ ทำคลิปแอนิเมชันจากภาพที่หนูวาด เวลาที่เหลือก็มีเล่นเกมบ้าง โดยเฉพาะพวกเกมต่อสู้”

ชวนวกมาคุยเรื่องเกมแบบนี้ ถ้าจะให้สนุกต้องมีคุณพ่อมั้งค์ร่วมวง “ผมไม่ปิดกั้นนะที่เม็กจะเล่นเกม แต่ผมจะให้เล่นเกมพวกวางแผน ต้องใช้หัวเยอะๆ จะเล่นพวกเกมเจ้าหญิงแต่งตัวก็เล่นได้ แต่อย่าเยอะ ผมเองก็เล่นเกมเดียวกับเขาเลยดังมากในกลุ่มเพื่อนเขา เวลาผมไปถึงโรงเรียน เพื่อนเขาจะเรียกผม L1egend เพราะเกมที่ผมเล่น ผมติดอันดับท็อปๆ ในตาราง ขณะที่เม็กก็เก่งติดอันดับท็อปๆ ของโรงเรียนแซงหน้าเพื่อนผู้ชาย เอาจริงๆ เกมนี้เด็กๆ ไม่ค่อยชอบเล่นหรอก เพราะมันยาก เป็นเกมต่อสู้ แถมเวลาจบเกมใครแพ้ยังต้องเจออีกฝ่ายส่งข้อความมาเยาะเย้ยอีก แต่ผมว่ามันคือการฝึกให้เม็กรู้จักอดทน เพราะชีวิตจริงก็เป็นแบบนี้ แรกๆ ลูกก็อาจจะเฮิร์ต แต่ถ้าเจอบ่อยๆ มันก็เหมือนผมกำลังพยายามสร้างภูมิต้านทานให้เขา”

นอกจากเรื่องเกม ในฐานะคุณพ่อสาย Gadget หลงใหลในการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ยังไม่พลาดถ่ายทอดวิชาถ่ายรูป 101 ให้ลูกสาวไปเป็นที่เรียบร้อย

“ผมสอนเม็กถ่ายรูปทั้งกล้องใหญ่ และกล้องไอโฟน เวลาไปเที่ยวด้วยกันเขาก็ถ่ายรูปให้ผม เขาเห็นผมทำงานก็ซึมซับ รู้จักถ่ายคลิปแบบมี Insert ก่อนจะถ่ายเจาะ ผมสอนเขาตัดหนัง มีช่วงหนึ่งเขาสนใจทำพวกแอนิเมชัน ผมก็จะให้เขาศึกษาจากคนเก่งๆ ก่อน แล้วทำตามให้ได้ เพื่อให้รู้หลักว่าต้องทำยังไง จากนั้นค่อยมาต่อยอดทำของตัวเอง เม็กเองเขาก็บอกนะครับว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นเหมือนผม แต่ผมว่าเด็กทุกคนก็อยากเป็นเหมือนพ่อ แต่ใจผมอยากให้เขาเป็นมากกว่านั้น ผมอยากให้เขารู้ว่ากว่าคนเราจะเก่งระดับฮอลลีวูด เป็นดีไซเนอร์ระดับท็อป ต้องผ่านอะไรหนักๆ มามาก ผมบอกเขาเสมอว่า เม็กถ้าถึงตาหนู หนูจะปวดหัวกว่าป๊า 10 เท่า เตรียมใจไว้เลย ต้องรับมือได้ เพราะมีปัญหาใหม่ๆ เข้ามาตลอด”

ผมจะสอนเม็กแต่เด็กว่า ถ้าป๊าตายวันนี้ พรุ่งนี้หนูจะรักป๊ามากขึ้นไหม ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดกับเด็ก แต่ผมมองว่าเม็กคือ ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ ที่เราคุยกันด้วยเหตุผล ผมพยายามสอนให้เขาตระหนักว่าทุกอย่างไม่เที่ยง บางคนไม่กล้าพูดถึงความตาย ผมเองก็กลัวนะไม่ใช่ไม่กลัว ไม่มีใครอยากให้ถึงวันนั้น แต่ผมแค่เตรียมพร้อม ทุกวันนี้ผมพอใจกับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่เดือดร้อนใคร” มั้งค์กล่าวทิ้งท้าย

สายสัมพันธ์ของทั้งคู่นี้ที่เราสัมผัสได้มีทั้งเรื่องราวอันแสนอบอุ่นที่เต็มไปด้วยวีรกรรมโหดมันฮา ปนซึ้งนิดๆตามประสาพ่อลูกให้ได้อมยิ้มตามไปด้วย และเชื่อได้ว่าด้วยการดูแลสั่งสอนของคุณพ่อมั้งค์เราจะได้เห็นน้องเม็กเติบโตเป็นสาวเก่ง และอาจตามรอยพ่อเป็นครีเอทีฟมากฝีมืออีกคนในวงการอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น