>>ทายาทจิราธิวัฒน์ที่ก้าวเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสานต่ออาณาจักรค้าปลีกของตระกูล “โอ๊ด-ณัฐธีรา บุญศรี” ผู้บริหารเจนเนอเรชันใหม่ ที่รั้งตำแหน่งใหญ่ถึง 2 ส่วน ทั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ห้างสรรพสินค้าเซน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารสินค้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รับผิดชอบในส่วนคอสเมติกส์
“โอ๊ด” เป็นบุตรสาวของ “บุญบรรลือ นรพัลลภ” กับ “รัตนา (จิราธิวัฒน์) นรพัลลภ” พกพาดีกรีปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ Harvard Business School ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านประสบการณ์ด้านการวางแผนงานมาอย่างโชกโชน ตอนนี้ไม่เพียงควบตำแหน่งผู้บริหารแต่ยังทำหน้าที่คุณแม่ลูกสองอีกด้วย
ที่ผ่านมา เราไม่ค่อยมีโอกาสเห็นเธอออกสื่อสักเท่าไหร่ เพราะหน้าที่การงานรัดตัวแทบเรียกได้ว่า 24 ชั่วโมงต่อวันอาจไม่พอ โดยเฉพาะ ช่วงนี้เมื่อเธอก้าวขึ้นมาพลิกโฉมห้างสรรพสินค้าเซนครั้งใหญ่ ที่แพลนจะเสร็จสิ้นในปลายปี 2561 นี้ รวมถึงโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของห้างสรรพสินค้าเซนกับสาขาป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปต์ใหม่การันตีความต่างในสไตล์เซน
“รีเทลเป็นธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ยิ่งด้วยยุคโซเชียลมีเดีย เทรนด์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางทีลูกค้ารู้ดียิ่งกว่าพนักงานขายอีกค่ะ ความยากคือเราต้องรู้ว่าเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาคืออะไร บนธุรกิจที่มีไดนามิกสูงขนาดนี้ นี่คือความท้าทายแต่ก็ถือเป็นความสนุกด้วย สิ่งที่ท้าทายถัดมาคือ ทำอย่างไรให้ห้างสรรพสินค้าเซนเกิดความแตกต่างหลังจากรีโนเวตเสร็จ” ผู้บริหารสาวเกริ่นถึงความท้าทายบนสมรภูมินี้
หลายปีที่ผ่านมาการเข้ามารับผิดชอบเนื้องานในหลายส่วน ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับเวิร์กกิงวูแมนคนนี้ เพราะเธอมองว่าเป็นโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วยนิสัยการทำงานมุ่งมั่น ลงรายละเอียด ซึ่งซึมซับแนวทางมาจากบรรพบุรุษที่มีความช่ำชองในการบริหารงานบนเส้นทางนี้ ผสมผสานกับสไตล์ของคนรุ่นใหม่ซึ่งเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ของเธอเอง ทำให้เกิดการทำงานแบบเปิดกว้าง
“โอ๊ดเน้นการทำงานทีมเวิร์ก เวลาทำอะไรโอ๊ดอยากให้ทุกคนแชร์ความคิดเห็น เป้าหมายของเราคือตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เราจึงต้องการทีมที่จะรับรู้ว่าความต้องการของลูกค้าเป้าหมายคือใคร? ยิ่งทาร์เก็ตของเราคืออายุระหว่าง 25-35 ปี ฉะนั้น เราต้องเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ได้เสนอไอเดียใหม่ๆ ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้า ที่สำคัญคือต้องสร้างเลิร์นนิงคัลเจอร์ให้เกิดขึ้นกับเด็กรุ่นใหม่ในการเสนอไอเดียใหม่ สิ่งที่เราทำหลังจากนั้นคือวัดผลกันว่าไอเดียไหนเวิร์ก เพื่อนำมาพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”
จริงจังกับการทำงานขนาดนี้ ต้องยอมรับว่าเธอโชคดีที่มีครูดี ซึ่งล้วนแต่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากคนในตระกูลจิราธิวัฒน์ทั้งนั้น ทั้งที่เคยร่วมงานและทำงานอยู่กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นปริญญ์, กอบชัย, ยุวดี, นิตย์สินี, สิริเกศ และทศ จิราธิวัฒน์ แค่เอ่ยชื่อก็ล้วนแต่เป็นแถวหน้าของวงการค้าปลีกเมืองไทยทั้งสิ้น ซึ่งโอ๊ดกล่าวถึงด้วยน้ำเสียงนับถือและชื่นชมว่า แต่ละท่านมีสไตล์ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่สัมผัสได้เหมือนกันคือความตั้งใจทุ่มเททำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อองค์กรและลูกค้า
“โอ๊ดจะได้เรียนรู้จากทั้ง 4 ท่านนี้มากที่สุด เพราะทำงานโดยตรงและคลุกคลีกันมานาน อย่างคุณทศจะมีวิสัยทัศน์มากมองไปในอนาคต มีเป้าหมายชัดเจนและเปิดกว้าง คือท่านเป็นคนเปิดโอกาสให้ทีมคิดเยอะในการทำอย่างไรให้ไปสู่จุดหมาย แม้แต่เรื่องวิธีการท่านก็เปิดโอกาสให้ทีมคิด”
“คุณยุวดีท่านเก่งทุกๆ ด้าน และเป็นคนสนับสนุนทุกครั้งที่ทีมต้องการขอคำปรึกษา และให้คำปรึกษาที่ดีเสมอ เพื่อให้ทีมบรรลุเป้าหมาย ขณะที่ คุณนิตย์สินีเก่งมากเรื่องเมอร์เชนไดซิ่งด้านการดูแลสินค้า ซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจรีเทล ตรงนี้โอ๊ดจะได้เรียนรู้จากท่านเยอะ ส่วนคุณสิริเกศจะชำนาญเรื่องคอมมิวนิเคชัน การบริหารคน” โอ๊ดเล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากปรมาจารย์ทั้ง 4 ท่าน
จากความรับผิดชอบที่มีความหนักหน่วงบนสนามแข่งขันดุเดือด ถ้าเป็นเมื่อก่อนผู้บริหารสาวคนนี้คงตอบว่าทั้งอาทิตย์ทำงาน 7 วัน แต่เพราะตอนนี้พ่วงบทบาทคุณแม่ของเจ้าจอมซนถึง 2 คน (ด.ช.ณพัชร และ ด.ญ.อีฟ) ทำให้เธอปรับเปลี่ยนมาใช้ชีวิตแบบ Work Life Balance ไม่เอางานกลับไปทำบ้าน และหันไปทำกิจกรรมกับลูกๆ แทน
“ตอนนี้วันเสาร์-อาทิตย์พยายามไม่เอางานกลับไปทำที่บ้านแต่เป็น Market Visit แทน คือไปดูว่ามีร้านอะไรมาใหม่บ้าง ยิ่งตอนนี้มีลูกเล็กๆ สองคนเลยพยายามแบ่งเวลา บางทีก็ทำกิจกรรมตามเพลย์แลนด์ต่างๆ กับลูกๆ เมื่อก่อนตอนยังไม่มีลูกถ้ามีเวลาจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ชอบมากคือยุโรปและญี่ปุ่น ชอบไปเดินพิพิธภัณฑ์ ไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่พอมีลูกไลฟ์สไตล์เลยกลายเป็นกิจกรรมของคุณแม่-คุณลูกแทน (หัวเราะ)”
ได้ทำความรู้จักกับเวิร์กกิงวูแมนคนนี้ถึงทัศนคติ แนวคิดและการทำงานของเธออย่างนี้แล้ว คงสะท้อนให้เห็นแล้วว่า “เธอ” คือ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ