xs
xsm
sm
md
lg

ส่องความคิด 5 เซเลบกับการเปลี่ยนกลิ่นน้ำหมึกบนหนังสือมาสู่โลกออนไลน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

>>ในยุคที่ดิจิตอลมีบทบาททำให้การสื่อสารถูกกระชับพื้นที่จนแคบลง เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแทปเล็ต โดยเฉพาะ การแข่งขันในแวดวงสื่อสารมวลชน ที่อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างมาก เพราะสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและราคาถูกกว่า จนทำให้สื่อสิ่งพิมพ์โดยเฉพาะนิตยสารที่เคยรุ่งโรจน์ในยุคของคุณน้าคุณป้า มีอันต้องโบกมือลาแผงไปหลายฉบับ และอีกหลายเครือก็ต่างประชุมเครียดถึงมรสุมอันเชี่ยวกรากที่โหมกระหน่ำอยู่ในขณะนี้

ในภาวะที่มรสุมของสิ่งพิมพ์กำลังโดนกระแซะอย่างหนัก ท่ามกลางสงครามดิจิตอลที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ Celce Online จึงพาไปสำรวจความคิดของ 5 เซเลบหนุ่มสาวสุดฮอต ว่าเขามีความคิดเห็นกันอย่างไร ถ้าในยุคที่สื่อนี้เปลี่ยนไปจากการอ่านข่าวสารต่างๆ ในแมกกาซีน หรือหนังสือพิมพ์ สู่รูปแบบอื่น พวกเขาจะเลือกเสพข่าวผ่านทางสื่อชนิดใด

เริ่มที่ “เอ็ม-ศิรประภา จีระพันธุ” นักประชาสัมพันธ์สาวมากความสามารถบอกว่า ถึงแม้ทุกวันนี้การสื่อสารยุคดิจิตอลผ่านโซเชียลสื่อออนไลน์ต่างๆ จะรวดเร็วเพียงใด แต่ด้วยความที่เป็นนักประชาสัมพันธ์จึงต้องคอยอัปเดตข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งโซเชียลมีเดียและสื่อสิ่งพิมพ์ ควบคู่กันไป

“ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่ต้องทำคือ การหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอัปเดตข่าวสารต่างๆ ผ่านอินสตาแกรมและในเฟสบุ๊ก เช็คดูว่าโลกของเรามีความเคลื่อนไหวถึงไหนแล้ว รวมถึงการเช็คอีเมลตอบกลับงานต่างๆ จากนั้นช่วงทานอาหารเช้าจึงจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านข่าวรายวันที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยอมรับว่าติดตามข่าวสารทางสื่อสิ่งพิมพ์น้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อ่านเลย จะเลือกอ่านเฉพาะข่าวที่เราสนใจ เพราะเวลาส่วนใหญ่อยู่กับโทรศัพท์มือถือ ดังนั้น การเปิดโทรศัพท์ดูข่าวออนไลน์ จะทำให้รู้อะไรได้เร็วขึ้นเช่นกัน”

ถึงจะชอบเช็คข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย แต่พีอาร์คนสวยก็ยังมองว่าทุกวันนี้การรับข้อมูลผ่านสิ่งพิมพ์ก็ยังมีความจำเป็น และคงความคลาสสิกไว้ได้เสมอ เพราะรูปภาพเนื้อหาต่างๆ ที่ปรากฏนั้นมีความคมชัด และสามารถตัดเก็บไว้ใส่กรอบเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย หรือเก็บไว้ดูได้นานกว่าข่าวออนไลน์ แต่สื่อสิ่งพิมพ์เองก็ต้องปรับเนื้อหาให้สั้นและกระชับลง

“คิดว่าสื่อสิ่งพิมพ์อย่างแมกกาซีน โดยเฉพาะ หนังสือพิมพ์จะอยู่กับคนไทยไปอีกนาน เพียงแต่ต้องมีการปรับเนื้อหาและรูปแบบที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายขึ้น เน้นรูปภาพประกอบเยอะหน่อย เอ็มมองว่าทุกวันนี้คนอายุน้อยกว่า 30 ปี คงไม่ค่อยมีใครอ่านสิ่งพิมพ์สักเท่าไหร่ แต่คนอายุ 30 ขึ้นไป ก็ยังคงชื่นชอบในความคลาสสิกของหยดน้ำหมึก และยังอ่านเรื่องราวต่างๆ ผ่านหนังสืออย่างแน่นอน” เอ็มเผยความในใจ

อีกหนึ่งสาวแฟชั่นดีไซเนอร์คนเก่งแห่งแบรนด์ Munchu’s “ข้าวโพด-มัญชุมาศ นำเบญจพล” ที่ยอมรับด้วยน้ำเสียงสดใสว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้วสามารถแบ่งเงินซื้อแมกกาซีนเล่มโปรดเก็บสะสมไว้เดือนละหลายเล่ม แต่วันนี้โลกของออนไลน์ช่างรวดเร็วไวกว่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เธอจึงหันมาเสพข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งสื่อสิ่งพิมพ์เพียงแค่เลือกที่จะซื้อแมกกาซีนเล่มที่ชอบจริงๆ เท่านั้น

“โดยส่วนตัวจะติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้งอินสตาแกรม ทวิตเตอร์ หรือแม้แต่ทางไลน์ ทุกวันนี้ก็มีข่าวสารต่างๆ มาให้เราอ่านได้อย่างรวดเร็ว สำหรับข้าวโพดถ้าเป็นข่าวดาราก็จะดูจาก IG ก็จะเร็วมาก แต่ถ้าเป็นข่าวซีเรียสก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะมีเนื้อหาครบถ้วน และแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้มากกว่าในโลกออนไลน์

สมัยเรียนอยู่มัธยมจำได้ว่าเจอแมกกาซีนแฟชั่นเล่มไหนถูกใจจะรีบซื้อเก็บไว้ทันที ถึงแม้เงินจะไม่ค่อยมีก็ตาม แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โลกดิจิตอลยุคการสื่อสารออนไลน์รวดเร็วมาก และสามารถเปิดอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา จึงทำให้เราอ่านแมกกาซีน อ่านหนังสือพิมพ์น้อยลง และถ้าจะซื้อแมกกาซีนสักเล่มหนึ่ง ทุกวันนี้ต้องเจอเล่มที่ถูกใจและมีเนื้อหาที่เจ๋งมากจริงๆ เท่านั้น”

สาวข้าวโพดเล่าต่อว่า มาถึงวันนี้รู้สึกเสียดายที่เห็นแมกกาซีนหลายเล่มทยอยปิดตัวลงไป เพราะไม่สามารถแข่งขันกับโลกออนไลน์ที่กำลังมาแรง และอยู่ใกล้ชิดคนทั่วทุกซอกทุกมุม แต่ความเป็นตัวหนังสือที่อยู่ในแมกกาซีน ก็ยังคงมีเสน่ห์ให้คนไทยได้ติดตามและซื้อเก็บไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องปรับตัวให้ไวต่อการแข่งขันอันดุเดือดในโลกออนไลน์เท่านั้น

อีกหนึ่งสาวดีไซเนอร์ตัวเล็กแต่แซ่บกว่าพริกขี้หนูยกสวน “ปอนด์-หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา” เอ็มดีคนเก่งแห่งแบรนด์ HAATIYA ที่ยอมรับว่า ในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วทุกเช้าของการตื่นนอนและก่อนไปทำกิจกรรมอย่างอื่น สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเสมอคือ การหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวหน้า 1 ของแต่ละฉบับเป็นประจำ แต่มาวันนี้สังคมยุคสมัยได้เปลี่ยนไป ความรวดเร็วของการติดต่อสื่อสารทางออนไลน์โลกดิจิตอลไวยิ่งกว่าจรวด จึงทำให้สาวเอวบางร่างเล็กหันมาบริโภคข่าวสารต่างๆ ผ่านทางออนไลน์อยู่เนืองๆ จนแทบจะไม่ได้สัมผัสหนังสือใดๆ บนแผงอีกเลย

“ทุกวันนี้ชอบอ่านข่าวต่างๆ ทางเฟสบุ๊กและอินสตาแกรม โดยไม่เน้นว่าต้องอ่านเรื่องอะไร พอเปิดในเฟสบุ๊กแล้วเห็นนิวส์ฟีดเด้งมาเราก็อ่านข่าวนั้น อ่านที่เขาแชร์กันมา การอ่านข่าวออนไลน์นอกจากจะรวดเร็วแล้วยังราคาถูก ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อตามแผงหนังสือ”

สาวปอนด์เล่าต่อว่า รู้สึกเสียดายที่เห็นแมกกาซีนหลายฉบับต้องปิดตัวลง เพราะการอ่านเรื่องราวต่างๆ ผ่านหยดน้ำหมึกและรูปภาพอันสวยงามในหนังสือ ก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอ หากแต่โลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกอย่างมีเกิดก็ต้องมีจุดสิ้นสุด มีการสื่อสารทางออนไลน์เข้ามาแทนที่สื่อสิ่งพิมพ์ ดังนั้น สื่อสิ่งพิมพ์ต้องปรับตัวเองให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม สื่อสิ่งพิมพ์ก็ยังคงมีเสน่ห์ชวนติดตามอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป

ส่วน “พิชญ์ กาไชย” ไฮโซนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่ยอมรับอย่างเต็มปากว่า ทุกวันนี้แทบไม่ได้หยิบจับหนังสือพิมพ์หรือแมกกาซีนมาติดตามข่าวสารใดๆ เลย เพราะตัวเขาสามารถติดตามทุกเรื่องราวได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ข่าวสารทอล์กออฟเดอะทาวน์ต่างๆ ก็จะมาแชร์ปรากฏให้เห็นโดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไปหาซื้อตามร้านหนังสือ

“ส่วนใหญ่ผมจะดูข่าวสารต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีทั้งเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ หรือแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดผ่านเฟชบุ๊ก ซึ่งทำให้เราเห็นเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว โอกาสที่จะอ่านข่าวในแมกกาซีนหรือในหนังสือพิมพ์มีน้อยมาก เพราะมีเวลาค่อนข้างจำกัด ดังนั้น อะไรที่สามารถอ่านได้ไวและเข้าถึงข้อมูลเร็วผมก็เลือกสิ่งนั้น ที่สำคัญการอ่านผ่านออนไลน์เราสามารถอ่านได้ทุกที่ทุกโอกาส ซึ่งส่วนใหญ่ข่าวที่ผมชอบอ่านมากที่สุดคือ ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และบันเทิง เพื่อที่จะได้รู้ว่าประเทศของเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราต้องเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์อะไรบ้างในชีวิต” หนุ่มมาดเซอร์เผยความในใจ

พิชญ์เล่าต่อว่า รู้สึกใจหายที่แมกกาซีนรุ่นก่อนๆ ทยอยพากันลาแผงหนังสือไปเยอะอย่างน่าตกใจ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงจุดที่โลกกำลังเปลี่ยนจากการอ่านข้อมูลข่าวสารผ่านหนังสือ มาเป็นอัปเดตเรื่องราวทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกเดียว

“ทุกอย่างในโลกใบนี้ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในส่วนของแมกกาซีน หรือหนังสือพิมพ์ เองก็ต้องปรับตัวเองเพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป การปรับเนื้อหาให้อ่านเข้าใจง่ายสั้นกระชับและรวดเร็ว สำหรับผมก็ยังเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้ติดตามการอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ถ้าในวันหนึ่งเราไม่ได้ติดตามข่าวสารต่างๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ การกลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ หรือติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์ก็คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ” หนุ่มพิชญ์เปิดใจ

ปิดท้ายที่ “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล” คุณหนูไฮโซพันล้าน ช่างภาพอิสระมาดเท่ ที่บางครั้งก็มีผลงานไปปรากฏบนแมกกาซีนชื่อดังหลายหัว แต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ถึงแม้อาชีพที่ทำจะเกี่ยวเนื่องกับวงการแมกกาซีน แต่เวลาส่วนใหญ่ในการอัปเดตข้อมูลข่าวสารของเขานั้น ก็ยังต้องผ่านโลกโซเชียล อย่างเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม เหมือนเพื่อนๆ เซเลบคนอื่น

“สำหรับผมทุกวันนี้การอ่านข่าวที่รวดเร็วและไวที่สุดคือ การชมการถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊ก หรือการสำรวจเรื่องราวชีวิตผู้คนผ่านอินสตาแกรม แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่อ่านสื่อสิ่งพิมพ์อย่างแมกกาซีนนะครับ โดยส่วนตัวก็ยังคงมองว่าภาพวาดหรือภาพถ่ายชั้นดีนั้น จะมีความสวยงามได้ก็ต้องไปปรากฏอยู่บนหนังสือเท่านั้น เพราะหนังสือพิมพ์หรือแมกกาซีนก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่ในตัวของมันเอง” ช่างภาพหนุ่มมากความสามารถกล่าว

คิดบอกว่า รู้สึกเสียดายไม่น้อยที่สื่อสิ่งพิมพ์กำลังลาจากแผงไปทีละเล่ม เพราะโลกดิจิตอลที่มาแรงและรวดเร็วจนไม่มีใครต้านทานได้ แต่ก็ยังคงเชื่อว่าสื่อสิ่งพิมพ์จะไม่ล้มหายตายจากไปแน่นอน

“ผมเชื่อว่าสื่อสิ่งพิมพ์จะยังไม่จากคนไทยไปไหน โดยเฉพาะ หนังสือพิมพ์ เพราะคนไทยอีกราว 40% ซึ่งผมก็คือ 1 ใน 40 ที่ยังอ่านหนังสือพิมพ์ แต่จะเลือกอ่านข่าวที่เราสนใจจริงๆ เช่นข่าวรายวันหน้า 1 บนหนังสือพิมพ์ เพียงแต่สื่อสิ่งพิมพ์ต้องเหนื่อยในการปรับตัวทั้งรูปแบบเนื้อหาและการจัดหน้า โดยเฉพาะ การนำเสนอที่เน้นความรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ และมีความแปลกใหม่มาให้ผู้อ่านคอยติดตามกัน” หนุ่มคิดอธิบายด้วยน้ำเสียงสดใส

ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอนิจจังไม่มีอะไรแน่นอน ใครปรับตัวได้ไวกว่าคนนั้นก็คือผู้ที่อยู่รอดท่ามกลางกระแสโลกยุค 4 จี ที่ทั้งเร็วและแรงที่แท้ทรู
กำลังโหลดความคิดเห็น