xs
xsm
sm
md
lg

เยาวชนร่วมใจสานต่อดนตรีคลาสสิก ในโครงการคีตราชาปีที่ ๔

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลาครองราชย์ ๗๐ ปี ผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าที่พระราชทานไว้ให้แก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งล้วนควรแก่การสืบสานให้เยาวชนคนรุ่นหลังที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาวงการดนตรีคลาสสิกของไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

บุญรอดบริวเวอรี่ และ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในฐานะผู้ริเริ่มร่วมกับ คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงสานต่อ โครงการคีตราชา โปรมูสิกา จูเนียร์ แคมป์ โดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ปีที่ ๔ เพื่อเฟ้นหานักดนตรีเยาวชนคนรุ่นใหม่มาเข้าร่วมอบรมและฝึกฝนความสามารถด้านดนตรีคลาสสิกประเภทเครื่องสาย และบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยเยาวชน ๒๑ คนที่ได้รับการคัดเลือกมีโอกาสได้ร่วมบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ ได้แก่ อาทิตย์อับแสง (Blue Day) แผ่นดินของเรา (Alexandra) และ ลมหนาว (Love in Spring) พร้อมด้วยการบรรเลงบทเพลงคลาสสิกที่แสดงถึงความอาลัย Requiem in D minor K.626 ผลงานของโมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) คีตกวีเอกของโลกอัจฉริยะด้านดนตรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้มีพระปรีชาสามารถหลากหลายด้าน และด้านหนึ่งนั้นคือพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งนำความโศกเศร้ามายังคนไทยทั้งประเทศ

ทั้งนี้ เยาวชนทั้ง ๒๑ คนได้ร่วมกันบรรเลงบทเพลงถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คของโครงการ พร้อมมีการบันทึกเทปเพื่อนำเสนอในสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ต่อไป และในโอกาสเดียวกันนี้ วุฒา ภิรมย์ภักดี ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่เยาวชนทั้ง ๒๑ คน ณ หอประชุมใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่

ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ กล่าวถึงรายละเอียดของโครงการคีตราชา โปรมูสิกา จูเนียร์ แคมป์ ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ ๔ ว่า “เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมทั้งเพื่อเปิดประสบการณ์และเพิ่มพูนความรู้ความสามารถทางด้านดนตรีให้กับเยาวชนผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาความสามารถด้านดนตรีคลาสสิก โดยในปีนี้ได้มีการเริ่มต้นเฟ้นหาเยาวชนผู้มีความสามารถด้านดนตรีคลาสสิกประเภทเครื่องสายจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศผ่านกิจกรรมต่างๆ มาโดยตลอด พร้อมจัดเวิร์คช็อปใน ๖ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, สงขลา, ประจวบคีรีขันธ์, นครราชสีมา, ภูเก็ต และบุรีรัมย์ เพื่อคัดสรรเยาวชนมาเข้าค่ายฝึกอบรมดนตรีที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา ๑ สัปดาห์ ซึ่งได้รับเกียรติจากคณาจารย์และนักดนตรีทั้งระดับประเทศและต่างประเทศ ร่วมฝึกสอน เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถด้านดนตรีคลาสสิก และบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเตรียมความพร้อมให้เหล่าเยาวชนก่อนการขึ้นบรรเลงบนเวที”

ผู้อำนวยการโครงการฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ในปีนี้ต้องดำเนินโครงการในห้วงเวลาแห่งการสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของปวงชนชาวไทย นั่นคือ การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นอกจากนี้ ฯพณฯ องคมนตรี พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของโครงการ และผู้เรียบเรียงบทเพลงพระราชนิพนธ์ สำหรับวงเครื่องสาย ซึ่งเป็นเสมือนบทเรียนที่ให้เยาวชนได้นำมาบรรเลงเพื่อเรียนรู้บทเพลงพระราชนิพนธ์ ก็ถึงแก่อสัญกรรมเช่นกัน

สำหรับแคมป์ดนตรีครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนักดนตรีระดับประเทศ อาทิ อาจารย์กิตติคุณ สดประเสริฐ นักประพันธ์ดนตรีชื่อดัง และเหล่าคณาจารย์จากสถาบันดนตรีชื่อดังอีกหลายท่านร่วมฝึกสอน ทั้งยังมีผู้ฝึกสอนรับเชิญพิเศษสำหรับปีนี้ คือ โรลองด์ บาลดินี (Roland Baldini) นักไวโอลินชั้นครู จากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ผู้เป็นอาจารย์ของอาจารย์ทัศนา นาควัชระ ผู้อำนวยการโครงการฯ และยังเคยร่วมเล่นดนตรีกับพลเรือเอก หม่อมหลวง อัศนีอีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น