xs
xsm
sm
md
lg

พรพิมล วงศ์ศิริกุล เบื้องหลังความสำเร็จของไก่ทอดแบรนด์ดัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>ทำความรู้จักกับผู้บริหารหญิงคนเก่ง “พอลลี่ - พรพิมล วงศ์ศิริกุล” ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการที่บริษัท มาชิสโสะ จำกัด ผู้นำเข้าร้าน “บอนชอน ชิคเก้น” ไก่ทอดเกาหลียอดนิยมอันดับหนึ่งในเมืองไทย โดยเธอรับหน้าที่ดูแลในด้านงานดีไซน์ทั้งหมดของร้าน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการออกแบบทั้งหมด เช่น การตกแต่งร้าน, กราฟฟิก ไปจนถึงการจัดจาน พร้อมกันนั้นยังดูแลในส่วน communication ต่างๆ ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์อีกด้วย เรียกได้ว่าเธอเป็นเบื้องหลังคนสำคัญที่ทำให้ไก่ทอดแบรนด์นี้ก้าวมาเป็นแบรนด์โปรดของเหล่านักทานชาวไทยได้อย่างทุกวันนี้

แม้จะเติบโตมาในบ้านที่ทำธุรกิจ Textile และ Garment และเรียนจบการศึกษามาทางด้านสื่อสารมวลชนและแฟชั่นดีไซน์ แต่สุดท้ายแล้วเส้นทางชีวิตก็ส่งให้พรพิมลก้าวมาประสบความสำเร็จในธุรกิจอาหารกับแฟรนไชส์แบรนด์ไก่ทอดชื่อดังจากเกาหลี “บอนชอน ชิคเก้น”

“ช่วงแรกหลังเรียนจบมา ได้กลับมาฝึกงานกับธุรกิจที่บ้านอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นตั้งใจว่าจะทำแบรนด์เสื้อผ้า แต่ด้วยเศรษฐกิจและการชะลอตัวการเติบโตของธุรกิจด้านนี้ ทำให้เราตัดสินใจหยุดโปรเจ็กนั้นไว้ก่อน และมองหาลู่ทางอื่น”

ซึ่ง “อาหาร” คือ คำตอบนั้น โดยเธออธิบายถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ให้ฟังว่า “เป็นคนชอบกินและชอบทำอาหารอยู่แล้วค่ะ ก็นึกถึง “บอนชอน” แบรนด์ไก่ทอดเกาหลี เพราะเป็นร้านที่ชอบมากสมัยที่เรียนอยู่ที่นิวยอร์ก คือที่นั่นร้านนี่คือฮอตมาก คิวยาวสุดๆ โดยจะเป็นร้านกึ่งบาร์ เสิร์ฟไก่พร้อมเบียร์และโซจู...

ตอนไปทานร้านนี้ครั้งแรก ก็ไปกับเพื่อน (ลี่ - ธัญญา ศรีพัฒนาสกุล) ซึ่งตอนหลังก็มาเป็น Partner ที่ทำร้านด้วยกันนี่แหละค่ะ จำได้เลยว่าเราทั้งคู่ก็ชอบมาก จนกลายเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งพอเราตั้งใจจะกลับมาเริ่มต้นธุรกิจที่เมืองไทย ก็เลยพยายามติดต่อเอาแบรนด์นี้มา ซึ่งขอบอกว่าไม่ง่ายเลย

เนื่องจากแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยที่เรียนอเมริกาอยู่แล้ว จึงมีคนติดต่อไปเป็นจำนวนมาก และตัวแบรนด์เองก็เริ่มขยายสาขาไปยังประเทศอื่นๆ และก็ประสบความสำเร็จในหลายๆ ที่ ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมตัวหนักมาก เตรียมข้อมูลและทำ proposal ยาวกว่า 50 หน้าได้ และต้องเดินทางเข้าไปเจรจาที่ออฟฟิศที่นิวยอร์กหลายครั้งมากกว่าจะสำเร็จได้”

นั่นคือเมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้บอนชอนกลายแบรนด์ร้านอาหารยอดนิยมที่เราพบเห็นได้ในแทบทุกห้างดัง จากจุดเริ่มต้นที่มีพนักงานเคือหุ้นส่วนพียง 2 คนที่ต้องเรียนรู้งานเองทั้งหมด กลายเป็นบริษัทที่มีพนักงานนับร้อย ขยายสาขาไปเกือบ 30 แห่ง มียอดขายระดับพันล้านบาทต่อปี ทำให้เราต้องแอบถามว่าเธอมีเคล็ดลับอย่างไรที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทยขนาดนี้

“ข้อได้เปรียบที่สุดเลยคือ เพราะเราเป็น first mover เจ้าแรกที่ทำไก่ทอดเกาหลี และที่สำคัญไก่ทอดของเรารสชาติถูกปากคนไทยมาก แต่เพียงแค่นั่นยังไม่พอ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจอาหารมีการแข่งขันที่สูงมาก เราต้องมีสินค้าที่ตอบโจทย์กับตลาดเมืองไทยได้ดี...

เรารู้ว่าคนไทยชอบความหลากหลาย บอนชอนจึงได้เพิ่มเมนูให้เลือกเยอะขึ้น และมีเมนูพิเศษที่คิดมาเพื่อเอาใจลูกค้าคนไทย เช่น เสิร์ฟไก่ทอดเกาหลีกับข้าวเหนียวไทย ซึ่งจริงๆ แล้ว มันดูเป็น basic combination มากนะคะ แต่ร้านอินเตอร์แบรนด์เค้าไม่ทำกัน และนี่ก็กลายมาเป็นจุดขายของทางร้านไป นอกจากเรื่องสินค้าแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ เราต้องคอยพัฒนาด้านดีไซน์ต่างๆ รวมถึงการทำการตลาดและการใช้ social media เพื่อให้แบรนด์ของเราให้ดู fresh อยู่เสมอไม่แก่ เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของเราคือวัยรุ่นค่ะ”

การจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้แบบนี้ ทุกอย่างก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงข้ามคืน แต่ต้องผ่านการมุงานหนักและการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา

“เพราะการทำ chain ร้านอาหารมีความท้าทายหลายอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่การคุมคุณภาพ เรื่องคน การทำให้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ โดยเราเริ่มทุกอย่างจากการทำด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นโครงสร้างในบริษัทเราดีไซน์ขึ้นมาเองว่าเราอยากให้มันเป็นแบบไหน ซึ่งแต่ละตำแหน่งตั้งแต่เด็กเสิร์ฟ, พ่อครัว หรือคุมไซต์งานก่อสร้าง เราผ่านประสบการณ์มาหมดแล้ว เคยทำเองมาแล้วทุกหน้าที่ ดังนั้นเราจะรู้ปัญหาหน้างานของแต่ละส่วนดี พอมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเราจึงสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที

นอกจากนี้เราก็ปฏิบัติกับพนักงานอย่างเป็นกันเอง เหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ เวลาเขามีปัญหาหรือไอเดียอะไรใหม่ๆ ก็จะกล้าติดต่อกับเรา ทำให้เราได้ไอเดียที่แปลกใหม่จากหลายๆ คน และที่สำคัญคือการที่เราให้โอกาสพนักงานในการเติบโต ทุกครั้งเวลามีตำแหน่งไหนที่ว่างเรามักจะให้โอกาสคนของเราก่อน ทำให้เค้าผูกพันกับร้านเรา ดังนั้นถ้าถามหลายๆคนที่ทำร้านอาหารมักจะบอกว่าอุปสรรคคือการ manage เรื่องคน แต่สำหรับเรา เรื่องนั้นก็ยากแต่ไม่ใช่อุปสรรค เป็นความท้าทายมากกว่า”

หลังจากพูดคุยกันเรื่องงานและความสำเร็จแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากรู้ไม่น้อยหน้ากัน คือ วิธีการรักษาความสมดุลในชีวิตของผู้บริหารหญิงคนนี้ ที่จัดแบ่งเวลาได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว รวมถึงการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ทั้งที่ทำงานหนักขนาดนั้นได้อย่างไร

“เมื่อเราทำงานหนักเราก็ต้องให้ดูแลตัวเองมากขึ้นเหมือนกัน โดยเฉพาะ 2 ปีมานี้ที่พอลลี่มีวินัยเรื่องออกกำลังกายมาก โดยจะออกกำลังประมาณสัปดาห์ละ 5-6 วัน ไม่ว่าจะ weight training, พิลาทิส , cardio หรือตีกอล์ฟ จะเรียกว่าติดออกกำลังเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเวลาออกกำลังเสร็จจะรู้สึกสมองเคลียร์ และอารมณ์ดีมาก มันเป็นเหมือนได้ตอบแทนอะไรกับร่างกายเรานะ

และอีกสิ่งที่ทำให้อารมณ์ดีสุดๆ ไม่น้อยหน้าการออกกำลังกาย คือเรื่องชอปปิ้งค่ะ อาจเป็นเพราะเติบโตมาโดยเป็นบ้านสามใบเถา ผู้หญิงทั้งบ้าน แถมยังเรียนด้านแฟชั่นมาด้วย เลยอดไม่ได้ที่จะชอบแต่งตัว ที่ชอบสุดๆ ต้องยกให้ “รองเท้า” ค่ะ พอลลี่เป็นคนที่สะสมรองเท้า มีเยอะมาก ถ้าเห็นคู่ที่ถูกใจคือจะต้องซื้อให้ได้.... เพราะพอลลี่รู้สึกว่า เวลาใส่รองเท้าคู่เก่งมันจะเหมือนเพิ่มความมั่นใจไปอีก step นอกจากนี้ยังคิดว่าคนที่ใส่ใจในการเลือกรองเท้านั้นเป็นคนที่มีต้องดูแลตัวเองประมาณหนึ่งเลยนะคะ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ล่างสุด แต่ก็ยังไม่มองข้ามไป ดังนั้นพอลลี่จึงจะชอบมองรองเท้าของคนอื่นก่อนเป็นอันดับแรกๆ ตลอดเลยค่ะ” พรพิมลกล่าวปิดท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น