xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อเซเลบตระกูลดัง ข้ามไลน์มาโกยเงิน บนสนามอสังหาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

>>ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของแวดวงอสังหาริมทรัพย์ หลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ผู้คนตื่นตัวกับการมีที่ดินและที่อยู่อาศัยมากขึ้น ประกอบกับการเติบโตของรถไฟฟ้า ทำให้การเข้ามาเก็งกำไรจากที่ดินกลายเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ล่อใจ รวมถึงเหล่าเซเลบริตีและนักธุรกิจตระกูลดังด้วย บางรายที่ยึดหัวหาดนี้อยู่แล้วก็ยิ่งรุกมากขึ้น ในที่นี่คงไม่ต้องเอ่ยถึงตระกูลใหญ่ๆ อย่างเจ้าสัวสิริวัฒนภักดี ที่ทราบดีว่าร่ำรวยจากแบรนด์แอลกอฮอล์ยักษ์ใหญ่ ก่อนกว้านซื้อที่ดินมาพัฒนาเป็นว่าเล่น หรือบรรดาค่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่มากมาย

แต่สำหรับบางรายที่ไม่ได้เริ่มต้นจากอสังหาฯ มาก่อน และโดดเข้ามาชิมลางด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าโอกาสที่เข้ามาชน, ต่อยอดธุรกิจเดิม หรือกระจายความเสี่ยง สูตรสำเร็จยอดนิยม ไม่พ้นการนำที่ดินมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร โรงแรม และคอมมูนิตี มอลล์ อย่างเช่น “ปิพณ พึ่งบุญพระ” ลูกชายคนเล็กของ ลี พึ่งบุญพระ ปกติไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าไหร่ ยิ่งช่วงหลังยิ่งไม่เห็น ที่แท้เพราะควงภรรยา “กุญช์ณิชา พรประภา” เปิดบริษัทใหม่ ทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาท มาสร้างไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี มอลล์ ชื่อ “MAZE Thonglor” (เมส ทองหล่อ) หลังซุ่มสร้างพักใหญ่ ปีที่แล้ว (2559) ก็เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ

ถัดมาพูดถึงไซส์ใหญ่อีกหน่อยกับ ตระกูลอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ผู้สร้างอาณาจักรเฟอร์นิเจอร์มูลค่ากว่าหมื่นล้าน จนวันหนึ่งกระโดดมาปลุกปั้นคอมมูนิตี มอลล์ ในชื่อแบรนด์ “เดอะวอล์ค” โดยการคุมบังเหียนของทายาทคนที่ 3 “โจ-เอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ” ด้วยเหตุผลที่ผู้บริหารมองว่าเป็นโอกาสและไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ก็มาแล้ว ที่ดินก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่หาพันธมิตรมาเพิ่ม ถือเป็นการต่อยอดเงินในอีกทางหนึ่ง

เช่นเดียวกับ ทายาทเอ็มเค ข้ามฟากจากเจ้าอาณาจักรอาหาร มาลองเชิงคอมมูนิตี ฟู้ด มอลล์ ในชื่อ “ลอนดอนสตรีท” เมื่อปี 2558 จากฝีมือเจนเนอเรชันที่สาม “บุ๊ค-ทานตะวัน ธีระโกเมน” ท้าพิสูจน์ความสามารถเชิงบริหาร เนรมิตบรรยากาศสไตล์อังกฤษและสร้างประสบการณ์การกินไม่เหมือนใคร เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ขอบอกโปรเจกต์นี้แค่ก้าวแรก สาวบุ๊คเคยแย้มว่าสเต็บต่อไปกะยกดีไซน์ของปารีส ฝรั่งเศส หรือเยอรมนี มายั่วกระเป๋าลูกค้าอีกระลอก

แต่โปรเจกต์ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้องยกให้ ตระกูลสิงห์ ที่หันมาจับธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ แบบก้าวกระโดด ที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดคงไม่พ้นโครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ มูลค่ามากกว่า 4 พันล้าน เนรมิตเป็นอสังหาฯ แนวใหม่ที่รายใหญ่นิยมทำกัน เรียกว่า “อสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน” หรือ Mixed-use ภายใต้การบริหารของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาเป็นน้องใหม่ในวงการอสังหาฯ

ว่ากันตามจริงกลุ่มภิรมย์ภักดี จับธุรกิจอสังหาฯ มานานแล้ว มีฐานเดิมคือสันติบุรี โดยสันติ ภิรมย์ภักดี นายใหญ่กลุ่มบุญรอดที่มีที่ดินอยู่มาก โดยมองว่าความมั่นคงของคนอยู่ที่อสังหาฯ ซื้อเก็บไว้มีแต่ราคาขึ้น การกระโดดเข้ามาทำอสังหาฯ แบบเต็มตัวของกลุ่มสิงห์ มีจุดใหญ่อยู่ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ดังนั้น จึงมีการซื้อกิจการและโอนธุรกิจมารวมกัน กลายมาเป็น บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) โดยมี “จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี” มาคุมบังเหียน และดึงมือฉมังอย่าง นริศ เชยกลิ่น มาเป็นซีอีโอ

“ภายใน 5 ปีข้างหน้า ต้องทำยอดขายแตะ 20,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมกลุ่มบุญรอดที่มีมูลค่าร่วม 1 แสนล้านบาทต่อปี จุดแตกต่างของสิงห์ เอสเตท คือ ทำครบทุกเซกเตอร์ ทั้งบ้าน คอนโดฯ ออฟฟิศ นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์การค้าแบบไลฟ์สไตล์มอลล์ และโรงแรม" ซีอีโอแห่งสิงห์เคยประกาศความมุ่งมั่นบนสมรภูมินี้เมื่อครั้งเปิดตัวบริษัทใหม่ๆ

ต่างจากอีกตระกูลที่ซุ่มพัฒนาอสังหาฯ แบบเงียบๆ คือ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ของ วิเชียร พงศธร นักธุรกิจที่ได้ชื่อว่ายึดแนวคิดการทำธุรกิจเน้นความโปร่งใส สร้างตัวจากธุรกิจด้านสินค้าอุปโภค, ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และสิ่งแวดล้อม ระยะหลังหันมาทุ่มกับเส้นทางอสังหาฯ มากขึ้น โดยได้ลูกสาวคนเดียว “ริน-ทิพย์ชยา พงศธร” มาดูแลส่วนนี้เต็มตัว ในสายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจโรงแรม กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ดูแลโรงแรมแทมมารีน วิลเลจ เชียงใหม่, โรงแรมรายาวดี กระบี่, โครงการหมู่บ้านจัดสรร 99 residence รวมถึงรับผิดชอบธุรกิจร้านอาหาร 99 rest backyard cafe ย่านพระราม 9 ตลอดจนริเริ่ม รายา เฮอริเทจ เชียงใหม่ โรงแรมระดับ 5 ดาววิวแม่น้ำปิง และบ้านประหยัดพลังงาน BAAN NAWAT โครงการบ้านเดี่ยวที่มีถึง 3 โลเกชัน

จากตัวอย่างที่ยกมานี้ ล้วนเป็นสเกลใหญ่แบกทุนหนาที่ต้องคำนึงถึงผลกำไรก้อนโต แต่ก็มีบางรายที่ข้ามสายจับธุรกิจนี้แบบจับพลัดจับผลูด้วยใจรักจริงๆ อย่าง “อาร์ต-ม.ล.อภิชิต วุฒิชัย” ขาลุยในวงการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ที่นำที่ดินของครอบครัวที่ปราจีนบุรี ริมแม่น้ำบางปะกง มาพัฒนาเป็น “อาทิตย์ ธารา ลอดจ์”

เดิมทีที่ดินพื้นนี้ อาร์ตตั้งใจสร้างเป็นบ้านพักส่วนตัวหลังเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว สร้างแบบทีละเล็กละน้อยตามกำลังทรัพย์ในสไตล์ที่ตัวเองชอบ คือเน้นเรียบง่ายไว้พักผ่อนรับลมดูดาว ว่างๆ ก็ชวนเพื่อนฝูงมาพัก จากบ้านเล็กๆ หลังแรกมาถึงหลังที่สาม จึงเกิดไอเดียว่าเปิดเป็นห้องพักให้เช่า แต่ยังคงยึดความเรียบง่ายแบบอยู่บ้าน ใกล้ชิดธรรมชาติ และสามารถดึงคนในท้องถิ่นมามีส่วนรวมในการสร้างรายได้

“จากไอเดียจะเปิดให้คนอื่นมาพัก กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้เรามี 13 ห้อง แต่เราไม่ได้รับแขกได้ทุกคนนะ เราเลือกคนที่ชอบแนวของเราด้วย ในแง่รายรับก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อาศัยบอกกันปากต่อปาก แขกต่างชาติที่เคยมาพักก็ปลื้มใจกลับมาอีก 6-8 ครั้งต่อปี แต่ถามว่าคุ้มเหนื่อยไหม? คงยัง แต่เราทำทุกอย่างด้วยหัวใจ”

แม้ก้าวแรกจะเป็นการเริ่มต้นแบบตกกระไดพลอยโจน แต่ในอนาคตส่วนขยายของโรงแรมสไตล์โฮมมี ซึ่งจะใช้ชื่อว่า “บ้านสวรรคโลก” จะเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจถ่ายทอดความเป็นอยู่แบบพอเพียงอิงตามปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ว่าจะเป็นการทำสวนผัก การมีพื้นนาที่สามารถปลูกข้าวได้จริง เพื่อให้โรงแรมเล็กๆ แห่งนี้อยู่ได้ด้วยตัวเอง

“ผมเชื่อว่าการทำทุกอย่างออกมาได้ต้องทำจากหัวใจ ต้องจริงจัง และศึกษาอย่างลึกซึ้ง เมื่อผมคิดจะนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาปรับใช้ ผมก็ศึกษาอย่างจริงจังก่อนลงมือทำจริง” อาร์ตเล่าด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงน้อยนิดที่เอ่ยถึง ยังมีอีกหลายตระกูลและคนดังอีกมากที่กระโจนเข้ามาเก็บเกี่ยวบนสนามนี้ แต่ไม่ว่าจะทุนหนาจากการร่วมหุ้น หรือทุนส่วนตัว สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ การหาข้อมูลอย่างรู้จริง เพราะไม่งั้นอาจเจ็บตัวชนิดเข้าขั้นสาหัสได้
กำลังโหลดความคิดเห็น