>>“ชื่อของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาจากคำว่า ภูมิพล โดยที่คำว่า ภูมิ หมายถึง แผ่นดิน ดังนั้น หากพูดเป็นภาษาชาวบ้านในหลวงของเราพระองค์ท่าน “ติดดิน” และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนสามารถสัมผัสได้ ไม่ใช่เป็นพระราชาที่ประชาชนไม่อาจเอื้อมถึงเหมือนในนิยาย”
ภาพในหลวงรัชกาลที่ ๙ จากความทรงจำของ “เป๊ะ-กนิษฐ์ สารสิน” ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดโนเฟลกซ์ จำกัด (Dynoflex) ผู้ผลิตกระเบื้องยาง และเป็นพิธีกรรายการทีเด็ดลูกหนี้ บอกเล่าเรื่องราวเพื่อรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า พระองค์ท่านทรงเป็นบุคคลที่สามารถจะหยิบจับอะไรก็ได้ เนื่องจากทรงมีพระปรีชาสามารถ พระองค์ท่านเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี วิทยาศาสตร์ กีฬา และอีกหลายๆ ด้าน
พระองค์ท่านสูงส่ง แต่ประชาชนอย่างเราๆ สามารถสัมผัสได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถเห็นได้ตามสื่อต่างๆ ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง แต่นี่พระองค์ท่านสามารถลงมาแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าพระองค์ท่านมาสัมผัส มาเหยียบพื้นที่แห่งใดแสดงว่าอีกไม่นานพื้นที่นั้นจะเจริญงอกงาม นี่ถือเป็นสิ่งที่วิเศษมาก
“ตอนเด็กๆ ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ตั้งอยู่บริเวณถนนพญาไท ดังนั้น เวลาในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะเสด็จมาที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ที่โรงเรียนจะให้นักเรียนมายืนต่อแถวเพื่อรอรับเสด็จ ยังจำได้ว่าประทับใจทุกครั้งที่ได้มายืนรับเสด็จพระองค์ท่าน จนเรียนจบปริญญาตรีที่เชียงใหม่ ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ท่าน ซึ่งนั่นถือเป็นภาพที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านมากที่สุด”
หลายๆ อย่างที่ เป๊ะ-กนิษฐ์ น้อมนำคำสอนในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต คือในแง่ของ “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “การทำเพื่อส่วนรวม”
“สำหรับผมการทำเพื่อส่วนรวมจะนำมาใช้ค่อนข้างเยอะ เมื่อเราเห็นพระองค์ท่านทรงงานหลายๆ อย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ชาวบ้านได้มีอาชีพ มีรายได้ ผมมองว่าสิ่งที่พระองค์ทรงคิดและปฏิบัติตรงนี้เป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นหลายๆ อย่างที่เราเห็นแล้วนำมาใช้คือทำกิจกรรมเพื่อสังคม”
ทุกวันนี้สิ่งที่ เป๊ะทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นสมาคมนักเรียนเก่าสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บ่อยครั้งจัดทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการศึกษา สังคม รวมถึง “มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน” ซึ่งเป็นมูลนิธิของคุณพ่อที่ทำเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กๆ ที่ด้อยโอกาส หรืออาจมีโอกาสเสี่ยงไปติดยาเสพติด ที่แม้สิ่งที่ทำจะเป็นเพียงกำลังเล็กๆ ทว่าผู้ชายคนนี้ก็พยายามทำสิ่งที่เขาสามารถทำได้ให้ดีที่สุด
ขณะที่ ในเรื่องของ “ความพอเพียง” เป็นอีกสิ่งที่เป๊ะยึดเป็นแนวทางการปฏิบัติตามในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยคิดเสมอว่าเราจะใช้อย่างไรให้ “ประหยัด” เช่น เวลากินข้าวก็กินเท่าที่อิ่มพอ อย่าไปโลภมาก ซื้อทุกอย่างที่อยากกิน กินทิ้งกินขว้าง โดยไม่สนใจอะไร
นอกจากนี้ สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ คือ “ยาสีฟัน” ที่พระองค์ท่านทรงใช้จนหมดหลอด ความประหยัด ใช้ของให้คุ้มค่านี้ส่งผลให้ตัวเองยึดเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตาม
“การได้ใช้อะไรจนหมด ทำให้รู้สึกสะใจ ว่าเราสามารถใช้สิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าพอบีบลำบากแล้วโยนทิ้ง สำหรับผมจะเอาด้ามแปรงสีฟันค่อยๆ รีด จนเมื่อรีดยาสีฟันไม่ออกแล้วถึงใช้กรรไกรตัดและคว้านใช้ยาสีฟันในนั้นจนเกลี้ยง”
แม้วันนี้พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว ฉะนั้น อย่าลืม “หน้าที่” ของตัวเอง เราเคยทำอย่างไรมาเราก็ทำต่อไป อะไรที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่พระองค์ท่านทรงสอนมาเราก็ทำต่อไป เพราะสิ่งที่ท่านทรงสอนมาดีๆ ทั้งนั้น อยู่ที่เราว่าจะหยิบตรงไหนมาใช้ได้บ้าง เมื่อใช้แล้วก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดี
“ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ส่วนใหญ่พระองค์ท่านจะตรัสเรื่องนี้อยู่เสมอ คนเราก็มีแต่ละหน้าที่ พยายามดูว่าเรามีหน้าที่อะไร ซึ่งทุกวันนี้ที่ทำก็คือ การทำหน้าที่ของเรา ทำในสิ่งที่ไม่ไปทำให้เดือดร้อนผู้อื่น เพราะหากคนอื่นเดือดร้อนแล้วจะยุ่งวุ่นวายสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีก เราก็ทำในขอบเขตของเราและพยายามทำให้ดีที่สุด”
“หากท้อแท้ หรือบางครั้งมีความรู้สึกว่างานที่ทำอยู่นั้นเหนื่อย ใครที่คิดเช่นนั้น อยากให้ลองมองดูสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานเพื่อราษฎรของพระองค์ สิ่งที่เราทำแล้วบ่นว่าเหนื่อยออกมานั้น ยังไม่ได้เพียงเสี้ยวของพระองค์ท่านเลย
ดังนั้น อย่ารู้สึกท้อหรือว่าเหนื่อยกับการทำงาน แล้วมานั่งตีโพยตีพาย งานแค่นี้เราทำไม่ได้ เกิดความท้อแท้ ผมอยากจะบอกว่าอย่าไปคิดอย่างนั้น เราต้องทำให้ดีที่สุด งานทุกอย่างต้องทำได้ เพียงแต่มีอุปสรรคมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง”
