xs
xsm
sm
md
lg

ณัฐพล จุฬางกูร “พ่อหลวงคือต้นแบบของชีวิต”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>หลายคนอาจคุ้นหน้าไฮโซหนุ่มคนดัง “นัท-ณัฐพล จุฬางกูร” ในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ไม่เพียงก้าวเข้ามาสานต่ออาณาจักรชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ "ซัมมิท คอร์ปอเรชัน" พร้อมดูแลบริษัทอื่นๆ อีกหลากหลายธุรกิจ ทั้งอาคารสำนักงานให้เช่า ธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจที่พักอาศัย นิตยสารกอล์ฟ ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติ เบิร์คลีย์ และโรงแรมเลอ เมอริเดียน สุวรรณภูมิ รีสอร์ต แอนด์สปา

แต่ในอีกมุมหนึ่งของนัทที่หลายคนไม่เคยรู้คือ เขาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ และยังน้อมนำคำสอนของพระองค์มาปรับใช้ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน

ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน มีเหตุการณ์ที่นัทไม่มีวันลืมคือ เมื่อครั้งที่ผู้เป็นพ่อ “สรรเสริญ จุฬางกูร” ประธานกลุ่มซัมมิทและครอบครัว มีโอกาสนำรถเข็นไฟฟ้านำเข้าจากญี่ปุ่น น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับทรงใช้สอยในโอกาสต่างๆ

“เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของชีวิต ผมเป็นคนชอบติดตามดูข่าวพระราชสำนัก บางครั้งผมดูข่าวในพระราชสำนักไปก็น้ำตาไหลนะ และเวลาเห็นพระองค์ท่านประทับบนรถเข็นไฟฟ้าผ่านหน้าจอจะรู้สึกปลาบปลื้มใจ เหมือนว่าเรามีโอกาสรับใช้พระองค์ท่านจริงๆ” บอสหนุ่มเปิดฉากถึงความรักและเทิดทูนในองค์พ่อหลวง

“ผมประทับใจในสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำทุกเรื่อง ทรงเป็นแบบอย่างในทุกๆ เรื่อง อย่างความมัธยัสถ์ การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า หนึ่งในของใช้ส่วนพระองค์ที่พวกเราคุ้นตากันดี คือหลอดยาสีพระทนต์ที่ถูกรีดจนแบนราวกับกระดาษ หรือแม้แต่ฉลองพระบาทของพระองค์ ที่ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของช่างซ่อมฉลองพระบาท ที่บอกว่าพระองค์ท่านทรงโปรดฉลองพระบาทคู่นี้มาก เพราะสภาพฉลองพระบาทชำรุดมาก ซับในหลุดออกมาหมดแบบนี้ ถ้าเป็นพวกมหาเศรษฐีทั่วไปคงจะไม่นำมาใช้แล้ว แต่นี่พระองค์ยังทรงใช้คู่เดิมอยู่ ผมอ่านแล้วยิ่งรู้สึกตื้นตัน

ทั้งยังทรงเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ถ้าได้ติดตามพระราชกรณียกิจ จะพบว่า พระองค์ท่านเสด็จไปทุกหนทุกแห่งในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้พ้นจากความทุกข์ยาก พระองค์ทรงเป็นพระประมุขที่เสียสละ ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้กินดีอยู่ดี ที่สำคัญทรงทำตามคำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้กับปวงชนชาวไทย ในปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม

นอกจากนี้ ทุกคำสอนของพระองค์ ผมว่าคนไทยประจักษ์ด้วยตาอยู่แล้ว พระองค์ท่านไม่ได้รับสั่งเป็นคำพูด ไม่ได้มีใครมาบอกแต่ทรงทำเป็นแบบอย่าง มีภาพมากมายเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวการทรงงานตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี”

สำหรับตัวเขาเองก็น้อมรับคำสอนของพระองค์ท่านมาปรับใช้หลายเรื่อง แรกเลยคือหลักการแก้ปัญหาด้วยสติปัญญา “เคยมีพระบรมราโชวาทไว้ว่า ‘ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีทางแก้ไขได้ถ้ารู้จักคิดให้ดี ปฏิบัติให้ถูก การคิดได้ดีนั้น มิใช่การคิดด้วยลูกคิด หรือด้วยสมองกล เพราะโลกเราในปัจจุบันจะวิวัฒนาการไปมากเพียงใดก็ตาม ก็ยังไม่มีเครื่องมืออันวิเศษชนิดใดสามารถขบคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ การขบคิดวินิจฉัยปัญหา จึงต้องใช้สติปัญญาคือคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อหยุดยั้งและป้องกันความประมาทผิดพลาด และอคติต่างๆ มิให้เกิดขึ้น ช่วยให้การใช้ปัญญาพิจารณาปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างเที่ยงตรง ทำให้เห็นเหตุเห็นผลที่เกี่ยวเนื่องกัน เป็นกระบวนการได้กระจ่างชัด ทุกขั้นตอน’ ซึ่งผมเองได้น้อมนำมาเป็นแนวทางปฏิบัติเสมอควบคู่ไปกับเรื่องของความเพียรไม่ย่อท้อ”

อีกหนึ่งคำสอนของพระองค์ท่านที่นัทไม่เคยลืมเลือนคือ พระราชกระแสรับสั่งที่ว่า ขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน “พระราชกระแสรับสั่งนี้จุดประกายให้ผมอยากทำความดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม ผมเป็นผู้ริเริ่มและประธานโครงการเติมน้ำใจให้ชีวิต กับซัมมิท คอร์ปอเรชัน เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรือผู้ที่รอคอยโอกาสในภาคส่วนต่างๆ กว่า 50 โครงการ มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา สัตว์ โรงเรียน ฯลฯ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การทำงานนี้ของผม ผมถือว่ากำไรที่ได้กลับมาคือความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนในสังคม”

สำหรับโปรเจกต์ต่อไปจากนี้ เขาแย้มว่ามีแผนจะจัดทำปฏิทินปี 2561 เวอร์ชันพิเศษ ภายใต้คอนเซ็ปต์สายใยผูกพันแห่งสองรัชกาล ภายใต้ร่มพระบารมีรัชกาลที่ ๙ และ ๑๐ โดยเนื้อหาของภาพที่ใช้ในปฏิทินจะบอกเล่าถึงพระราชกรณียกิจทั้งสองพระองค์ ในรูปแบบของภาพวาดมองแล้วชวนให้ความรู้สึกอบอุ่น

“จากนี้ถามว่าคนไทยจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป ผมเชื่อว่าพระองค์ทรงปรารถนาให้คนไทยมีความรักและสามัคคี คงไม่มากเกินไปถ้าวันนี้คนไทยจะเสียสละกันคนละเล็กละน้อย เพื่อให้สังคมไทยดีขึ้น ไม่ว่าจากนี้คนไทยจะทำอะไร ขอให้มีพระองค์ท่านอยู่ในใจ ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่ทำออกมาก็จะดีและเกิดประโยชน์กับสังคม” นัทกล่าวทิ้งท้ายอย่างกินใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น