xs
xsm
sm
md
lg

นั่งสกายแล็บทัวร์เกาะสีชัง เดินชมวังพระจุฑาธุชราชฐาน สวมผ้ามันร่วมงานรำลึก 164 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>เกาะสีชัง เกาะเล็กๆ ที่มีมนต์เสน่ห์ ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณปากอ่าวไทยก่อนออกสู่ทะเลใหญ่ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ มีจุดชมวิวให้เที่ยวชมอยู่รอบเกาะ และมีงานประเพณีที่จัดเพียงปีละครั้ง ทำให้เราตัดสินใจมาเที่ยวชมทันทีเมื่อได้รับคำชวนจาก "เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์" ที่พาเรามาพักผ่อนพร้อมร่วมงาน "164 ปี เกาะสีชัง ร้อยดวงใจ ร้อยศรัทธา ปวงประชาน้อมรำลึก พระพุทธเจ้าหลวง"

หนีฝนจากกรุงเทพฯ มาจนถึงอำเภอศรีราชา มุ่งหน้าไปที่่ท่าจรินทร์ จ่ายค่าโดยสารคนละ 50 บาท ก็เดินลงไปรอในเรือข้ามฟากได้เลย เรือจะออกทุกหนึ่งชั่วโมง ระหว่างทางก็นั่งชมบรรยากาศการขนถ่ายสินค้าของเรือพาณิชย์ลำใหญ่ๆ มีเรือประมงจับแมงกะพรุนลำน้อยของชาวบ้านแซมอยู่เป็นระยะ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเกาะซะแล้ว

การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะนั้นสามารถใช้บริการ "รถสกายแล็บ" หรือรถ 3 ล้อ เที่ยว 4 จุด 250 บาท แต่ถ้าไปจุดอื่นๆ เพิ่ม ก็สามารถตกลงราคากันได้ ยังมีบริการรถมอเตอร์ไซค์และจักรยานให้เช่าด้วย ส่วนเราก็ขึ้นรถสองแถวคันน้อยของโรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง เพื่อไปเช็กอิน เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งสกายแล็บเริ่มตะลุยรอบเกาะกัน

เริ่มต้นทริปด้วยการไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สักการะ "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่" ต่อด้วย "รอยพระพุทธบาท ณ ไหล่คยาศิระ" บนไหล่เขายอดพระจุลจอมเกล้า ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือสุดของเกาะสีชัง เป็นรอยพระพุทธบาทจำลอง จำหลักด้วยหินชนวน พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เป็นผู้นำรอยพระพุทธบาทจำลองนี้มาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย






ลงเขาแล้วไปชมวิวที่ "ช่องอิศริยาภรณ์" หรือช่องเขาขาด อยู่ทางด้านหลังเกาะสีชัง ตั้งชื่อตามพระนามของ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอิศริยาภรณ์ พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดา หม่อมราชวงศ์เกสร มีลักษณะเป็นช่องเขาที่ขาดออกจากกัน เคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมวิวของรัชกาลที่ 5 กินพื้นที่กว้างและทอดยาวไปตามทางเดินริมผา เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม



มาสัมผัสน้ำทะเล ณ "หาดถ้ำพัง" อ่าวอัษฎางค์ เป็นชายหาดแห่งเดียวบนเกาะสีชังที่สามารถลงเล่นน้ำได้ หาดโค้งกว้าง สะอาดและสวยงาม มีทรายละเอียด น้ำใส ด้านเหนือของหาดจะเป็นแหลมถ้ำพัง (แหลมจักรพงษ์) นับเป็นจุดชมแสงสุดท้ายของวันที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

นั่งสกายแล็บมายังจุดสุดท้าย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการเดินทางครั้งนี้นั่นคือ "พระจุฑาธุชราชฐาน" เป็นพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยังคงเป็นพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย

ภายในพระจุฑาธุชราชฐาน ส่วนแรกที่เราได้ชมคือ "พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร" สถาปัตยกรรมไทยผสมโกธิก ช่องประตูหน้าต่างของอุโบสถทำเป็นรูปโค้งยอดแหลม ช่องแสงประดับกระจกสี หลังคาเป็นลักษณะเจดีย์ทรงลังกา เพดานมีช่องแสงรูปกลมทั้ง 8 ทิศ รัชกาลที่ 5 พระราชทานนาม “วัดอัษฏางคนิมิตร” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฏาค์เดชาวุธ ซึ่งทรงพระประชวร แล้วเสด้จมาประทับรักษาพระวรกายที่เกาะสีชัง ด้านหน้าพระเจดีย์มีต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งนำหน่อมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย

เดินชมวิวในพระราชฐานมาเรื่อยๆ ก็เจอกับลานหินโบราณซึ่งเป็นที่ตั้งของ "หินระฆัง" ที่เมื่อเคาะจะทำให้เกิดเสียงกังวานคล้ายระฆัง และข้างๆ กันเป็นที่ตั้งของ "เจดีย์เหลี่ยม"


เดินลงเขามาอีกหน่อยก็พบกับ "เรือนผ่องศรี" ตั้งตามพระนามของ พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี เป็นอาคารสีขาวยกพื้นชั้นเดียวรูปกลม หลังคาทรงกลม ยอดเป็นรูปโดม ภายในเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชโอรสทั้ง 3 พระองค์ (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ) ซึ่งจำลองมาจากรูปถ่ายที่ถ่ายที่เกาะสีชัง มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติและประวัติผู้มีบทบาทสำคัญกับเกาะสีชังในอดีต


ใกล้กันเป็นที่ตั้งของ "เรือนอภิรมย์" ตั้งตามพระนามของ พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ เป็นอาคารตึกชั้นเดียว รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องเกล็ดเต่า จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โมเดลจำลองเรือนวัฒนา เรือนอภิรมย์ เรือนไม้ริมทะเล วัดอัษฎางคนิมิตร และพื้นที่พระราชฐาน


เราแวะกราบสักการะ "พลับพลารัชกาลที่ 5" ซึ่งประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ที่สร้างขึ้นในช่วงการบูรณะพระจุฑาธุชราชฐาน โดยกรมศิลปากร แล้วเดินไปชม "เรือนไม้ริมทะเล" เป็นอาคารไม้ยกพื้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเฉลียง ปัจจุบันมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสถานที่สำคัญๆ และประเพณีของเกาะสีชัง จัดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดได้จากฐานพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ,โมเดลจำลองพื้นที่พระจุฑาธุชราชฐาน และแผนที่การเดินชมภายในบริเวณพระจุฑาธุชราชฐาน


พื้นที่ว่างด้านซ้ายของเรือนไม้ริมทะเลเราพบกับ "ฐานพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์" แต่เดิมที่ตรงนี้เป็นที่ตั้งของ "พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์" ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้ก่อสร้างในพระราชพิธีการสมโภชเดือน สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 การก่อสร้างพระที่นั่งก็ชะงักลง พระองค์ทรงโปรดให้รื้อถอนพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งเครื่องไม้สักทองรูปแปดเหลี่ยมสามชั้น มาสร้างขึ้นใหม่ใกล้พระที่นั่งอัมพรสถานในพระราชวังดุสิต พระราชทานนามใหม่ว่า "พระที่นั่งวิมานเมฆ"

เดินชมพระจุฑาธุชราชฐานกันจนแดดร่มลมตก ก็ได้เวลาร่วมงานประเพณีของชาวเกาะสีชัง "164 ปี เกาะสีชัง ร้อยดวงใจ ร้อยศรัทธา ปวงประชาน้อมรำลึก พระพุทธเจ้าหลวง" ที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้ง ภายในพระจุฑาธุชราชฐาน ช่วงเช้าเป็นพิธีสงฆ์และบวงสรวงพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ส่วนช่วงเย็นค่ำแบบนี้มีการแสดงดนตรีขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ การประกวดการแต่งกายย้อนยุค การแสดงศิลปวัฒนธรรมอื่นๆ รวมถึงซุ้มขายขนมหวานชาววัง และอาหารพื้นบ้านของชาวเกาะสีชัง ที่พิเศษสุดคือการแต่งกายของผู้ร่วมงานที่พร้อมใจกันใส่ชุดไทยย้อนยุค สวมผ้ามันหลากสี เป็นการส่งเสริมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เรียนรู้วัฒนธรรม มีความภูมิใจในรากเหง้า ช่วยกันดูแลโบราณสถานควบคู่กับการพัฒนาเกาะสีชังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน

เพียงวันเดียวเราได้เสริมสิริมงคล เต็มอิ่มกับความรู้ ประทับใจในกิจกรรม ผ่อนคลายกับวิถีที่เรียบง่าย จบทริปบนเกาะเล็กๆ ที่ชื่อ "สีชัง" ด้วยความสุขครบรสจริงๆ






โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง

บูติกโฮเทลน่ารักๆ บนเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ให้บริการห้องพักปรับอากาศแบบดีลักซ์ แบบสตูดิโอสวีท และแบบสวีท 1 ห้องนอน รวม 20 ห้อง ภายในตกแต่งให้ดูโปร่งสบายเข้ากับบรรยากาศชายทะเล ส่วนในห้องยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ทีวีแอลอีดีจอกว้างสามารถชมรายการต่างๆ ทางช่องดาวเทียม, เครื่องเล่นดีวีดี, ห้องน้ำในตัว, ฟรี Wifi และกุญแจห้องแบบคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าพัก

ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ,ห้องอาหารเดอะเวอแรนดาห์ บริการอาหารที่แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ บนเกาะสีชัง, ห้องประชุมสัมมนา (สามารถรองรับได้ 40 ท่าน), บาร์, แผนกต้อนรับส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้บริการตลอด 24 ชม. มาแล้วรับรองว่าจะประทับใจในความสะดวกสบายและเหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

กำลังโหลดความคิดเห็น