xs
xsm
sm
md
lg

สไตล์อาร์ตสุดขั้วของสาวเปรี้ยว “อรรุจา บุญญสิทธิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>ด้วยพื้นฐานที่ถูกปลูกฝังเรื่องศิลปะจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอกลายเป็นสาวลุคอาร์ตเก๋ไก๋สไตล์สุดขั้วคนหนึ่งของสังคมบ้านเรา “เฟม-อรรุจา บุญญสิทธิ์” ลูกสาวของ “จ๋า-อมรสิริ บุญญสิทธิ์” บรรณาธิการนิตยสารนูเมโร ไทยแลนด์ ช่วงนี้เราอาจไม่ค่อยเห็นหน้าและสไตล์ผมม้าเต่อของเธอสักเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่เฟมจะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ และทำงานในสาขาอาชีพ “สถาปนิก” อย่างเต็มตัว

หลังจากเรียนจบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (ภาคภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฟมได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการช่วยคุณแม่ที่นิตยสารนูเมโร ประเทศไทย ในตำแหน่ง “อาร์คิเทกเจอร์ อาร์ต แอนด์ แฟชั่น ไดเรกเตอร์” ทำหน้าที่ดูแลเลย์เอาต์ สไตล์ และการจัดรูปเล่มทั้งหมด จากนั้นประมาณ 1 ปีที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านงานศิลปะและกราฟิก เธอขอยื่นใบลาคุณแม่ไปเรียนต่อปริญญาโทด้านสถาปัตย์ที่ The Bartlett school of architecture กรุงลอนดอน ซึ่งระหว่างนั้นเองเธอยังได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมงานกับบริษัทสถาปนิกที่ญี่ปุ่นให้เข้าทำงานทันทีหลังจากเรียนจบ

“ช่วงที่หายไปคือไปทำงานที่โตเกียว เป็นบริษัทสถาปนิกชื่อ Kengokuma&Associates เป็นบริษัทสถาปนิกที่ดังระดับโลก ตอนนี้บริษัทกำลังเตรียมออกแบบโอลิมปิกสเตเดียมสำหรับปี 2020 อยู่ ตอนที่เข้าไปทำเราได้โปรเจกต์บ้านหนึ่งหลัง ต้องดีไซน์ตั้งแต่แรกจนลงถึงรายละเอียด

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เราชอบอยู่แล้ว การได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่นให้ประสบการณ์หลายอย่าง เป็นแบบฝึกหัดที่ดีที่ให้เราได้ลองทำงาน ได้เรียนรู้วัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่น เราพบว่าคนญี่ปุ่นทำงานกันหนักมาก เขาใช้ความพยายาม ความตั้งใจและทุ่มเทเวลาในทุกชิ้นงาน การทำงานบริษัทญี่ปุ่นก็เป็นการฝึกวินัยให้ตัวเอง ตารางชีวิตเราจึงเป็นรูทีนมากขึ้น

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น ตึกเขาจะมีความล้ำสู่อนาคต เช่นเขาออกแบบตึกให้โครงสร้างเหมือนโมดุลที่มาต่อกัน เผื่ออนาคตจะสามารถเคลื่อนย้ายได้ คอนเซ็ปต์ในการออกแบบของเขาจะเริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วโฟกัสไปที่สิ่งนั้นมากๆ แต่ตอนนี้เฟมกำลังจะย้ายไปทำงานที่เบอร์ลินแล้วค่ะ เมื่อมีโอกาสใหม่ๆ เข้ามาก็เลยลองดู ส่วนโปรเจกต์ที่ญี่ปุ่นเราก็ทำเสร็จไปหมดแล้ว”

การได้ทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ประเทศแห่งความมินิมัล แต่ขณะเดียวกัน ก็เต็มไปด้วยความบียอนด์ของแฟชั่น ทำให้เธอซึ่งเป็นสาวคนหนึ่งที่ชอบในเรื่องของแฟชั่น มีความสนุกสนานกับการแต่งตัวและได้มิกซ์แอนด์แมตช์แบรนด์ในดวงใจอย่าง COMME des GARÇONS และ Junya Watanabe

“ไปใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นแต่สไตล์ของเราก็ไม่เปลี่ยน แถมยังได้ไอเท็มที่ถูกใจมากขึ้น เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง (หัวเราะ) สไตล์เราเป็นคนใส่ทุกอย่าง ชอบมิกซ์ ชอบดีเทล ชอบแพตเทิร์น บางทีก็เป็นซิลลูเอต ชอบใส่กระโปรงยาวหรือกางเกงขายาวมากกว่าที่จะใส่อะไรสั้นๆ เพราะน่าจะเข้ากับบุคลิกมากกว่าสมัยทำงานที่ญี่ปุ่น

คนที่เป็นสถาปนิกส่วนใหญ่เขาจะแต่งตัวสไตล์มินิมัล แต่เราแต่งตัวเยอะสุดแล้วในออฟฟิศ (หัวเราะ) ส่วนหนึ่งอาจได้อิทธิพลมาจากคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นคนชอบแต่งตัว และกล้าแต่งทุกอย่าง บางทีก็ทาลิปสติกสีเหลือง ทาตาสีฟ้า ส่วนเราก็แล้วแต่ลุค ถ้าไปทำงานก็ไม่ได้แต่งหน้าเยอะ แต่แต่งตัวเท่าที่ตัวเองต้องการ

สิ่งหนึ่งที่ชอบเมืองโตเกียวหรือลอนดอน ก็ตรงที่สามารถแต่งตัวอะไรก็ได้ โดยไม่รู้สึกว่าแปลก เพราะเมืองเขาค่อนข้างมีความเป็นปัจเจกบุคคล ทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้”

อีกหนึ่งสไตล์ที่เราสนใจในตัวเธอก็คือเรื่องของทรงผม ที่เราคุ้นกับทรงบ๊อบม้าเต่อของเธอมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งที่มาของผมทรงนี้เธอเล่าให้เราฟังว่าเป็นผมทรงที่ไว้มาประมาณ 7-8 ปีแล้ว และจะไว้ต่อไปเพราะสะดวก!

“ผมทรงนี้เริ่มมาจากการไม่มีเวลาไปตัดผม สมัยเรียนปริญญาตรีที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ เฟมเรียนหนักมาก ก็เลยตัดผมสั้นดีกว่าจะได้ไม่ต้องดูแลมากและสะดวกดี แต่งตัวก็ง่าย เมื่อก่อนเวลาไปตัดผมเราก็จะวาดแบบไปให้ช่างที่ร้านตัด แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจหลังๆ เลยตัดผมเอง เพราะเราก็สามารถตัดได้บ่อยเท่าที่รู้สึกว่าอยากจะตัด เซตๆ นิดหนึ่งก็เก๋แล้ว (หัวเราะ)”

ส่วนคนที่อยากจะรู้ว่าสไตล์ของเด็กแนวอย่างนี้เขานิยมชมชอบแบรนด์ไหนกันบ้างนั้น เฟมเล่าถึงแบรนด์โปรดของตัวเองว่าส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง ไม่ว่าจะเป็น COMME des GARÇONS, Maison Martin Margiela, J.W Anderson หรือผลงานดีไซเนอร์อย่าง Alexsandro Michele แล้วนำมามิกซ์กับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ทำให้ได้สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะการแต่งตัวของเธอก็เหมือนผลงานศิลปะที่ต้องมีทั้งความเรียบ มีดีเทล และความคลาสสิกผสมผสานกันไป ขอเพียงแค่มั่นใจและมีความสุขที่ได้แต่งออกมา

กำลังโหลดความคิดเห็น