>>หากใครที่เกิดทันและยังมีความทรงจำเกี่ยวกับการดูโทรทัศน์ในช่วงข่าวพระราชกรณียกิจ สิ่งหนึ่งที่หลายคนสนใจเพิ่มเติมจากเรื่องพระราชกรณียกิจ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติ ก็คือเรื่องของพระสิริโฉมและฉลองพระองค์อันงดงามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่เสด็จพระราชดำเนินตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง ซึ่งพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้สตรีทุกคนหันมาใส่ใจในการดูแลตัวเองทั้งในเรื่องการแต่งกาย เพราะทุกๆ ครั้งที่เราเห็นพระองค์ท่านความงดงามของฉลองพระองค์ทุกชุดยังคงติดตาตรึงใจเราอยู่เสมอ นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นผู้นำการเผยแพร่ฉลองพระองค์ผ้าไหมไทย ที่มีการถักทอลวดลายอย่างประณีตงดงามสู่เวทีโลกอีกด้วย
พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไม่เพียงสถิตในใจของชาวไทย แต่ยังก้องกังวานไกลถึงต่างแดน หลายครั้งเราพบว่าเมื่อพระองค์ท่านปรากฏโฉมต่อสายตาชาวโลก ท่านมักจะมาพร้อมฉลองพระองค์ที่งดงามจนเป็นที่ยอมรับ เช่น เมื่อคราวพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 1960 นอกจากเป็นการทำให้นานาประเทศได้รู้จักประเทศไทยดียิ่งขึ้นแล้ว ทั่วโลกต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่า "พระราชินีของไทยทรงพระสิริโฉมงดงามและสง่างามที่สุดในโลก" แม้แต่ในแวดวงดีไซเนอร์ชื่อดังของโลกก็ยังยกย่องให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็น 1 ใน 10 ของ "สตรีที่แต่งพระองค์งามที่สุดในโลก"
แม้ว่าพระองค์จะได้รับคำชมเชยถึงพระสิริโฉมและฉลองพระองค์อันงดงามในทุกประเทศที่เสด็จ พระองค์ยังทรงเป็นผู้นำแฟชั่นของเมืองไทย ทั้งเครื่องแต่งกาย หมวกนำสมัยและเครื่องประดับ แต่เรื่องการแต่งพระองค์ยังเป็นสิ่งที่พระราชินีทรงตระหนักอยู่เสมอ เพราะเครื่องแต่งพระองค์ต้องงามเหมาะสมกับตำแหน่งพระยศที่ทรงดำรงคู่กับพระประมุขของประเทศ นอกจากนั้น ต้องทรงแต่งให้ถูกกาลเทศะพร้อมแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอีกด้วย
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังมักทรงเตือนพระองค์ว่าทรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญอย่างหนึ่งคือ ให้ชาวโลกได้รู้จักประเทศไทย และหนึ่งในพระราชกรณียกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือ ทรงเป็นผู้นำการเผยแพร่ฉลองพระองค์ผ้าไหมไทยถักทอลวดลายอย่างประณีตงดงามสู่เวทีโลก
นอกจากจะทำให้ชาวโลกสนใจในผ้าไหมไทยแล้ว พระองค์ก็ไม่ลืมที่จะสร้างความรู้ที่ยั่งยืนให้กับประชาชนชาวไทย จึงมีพระราชประสงค์ให้สร้าง “พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง โดยมุ่งหวังให้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้าตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของไทย ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของผ้าชนิดต่างๆ และการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน สะท้อนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนักยุคต่างๆ รวมทั้งฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงนำความเป็นไทยออกไปสู่สากลและก่อให้เกิดรายได้กลับมาสู่ผู้ผลิตในประเทศ
พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ นอกจากเป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บรักษาผ้าไทยและเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดแสดงงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่า ทั้งของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองจากท้องถิ่นต่างๆ เพื่อเป็นการสืบสานสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้คงอยู่สืบไป
สำหรับช่วงนี้ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ กำลังมีการจัดนิทรรศการ “งามสมบรมราชินีนาถ” (Fit for a Queen: Her Majesty Queen Sirikit’s Creations by Balmain) จัดแสดงฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ออกแบบโดย ปิแอร์ บัลแมง นักออกแบบชาวฝรั่งเศสผู้ดูแลการตัดเย็บฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาเป็นเวลากว่า 22 ปี และมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทย แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในการเผยแพร่ความงามอันมีเอกลักษณ์ของผ้าที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทย การที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักออกแบบต่างชาติที่มีชื่อเสียงมาดูแลฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย ยังถือเป็นพระราชกุศโลบายในการส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวโลกได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความนิยมสวมใส่เครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทยอย่างกว้างขวาง ทั้งในและต่างประเทศมาจนถึงทุกวันนี้
จากความคุ้นชินกับฉลองพระองค์อันงดงามนี้เอง เซเลบริตีและดีไซเนอร์หลายคนในแวดวงสังคมบ้านเรา จึงยึดถือเป็นแบบอย่างและขอเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อปณิธานของพระองค์ท่าน ที่ต้องการให้ผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จัก โดย หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Asava ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วย
“สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการทำงานของเรา และเชื่อว่าดีไซเนอร์ไทยหลายๆ คนก็มีพระองค์ท่านเป็น 1 ในแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยเฉพาะ ในยุคที่ท่านนำเอาผ้าไทยมาทำฉลองพระองค์ใหม่ๆ ต้องบอกว่าเป็นยุคที่คนทั่วโลกได้เห็นความงามแบบตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าไทย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร่วมสมัย มีความโก้ มีความสง่างาม เราโชคดีมากที่เราโตขึ้นมาในยุคที่ได้เห็นท่านออกไปทำพระราชกรณียกิจต่างๆ ด้วยชุดต่างๆ เหล่านี้ เป็นหนึ่งในความภูมิใจของความเป็นไทยที่สวยระดับโลก
วันก่อนเพิ่งนั่งดูภาพฉลองพระองค์ชุดราตรีสีเหลืองมัสตาร์ด ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย ซึ่งออกแบบโดย บาลองเซียก้า ในยุค 70 แล้วมีเสื้อคลุมปักอย่างวิจิตร เชื่อว่าฝรั่งเห็นฉลองพระองค์ของพระองค์ท่านต้องตาค้าง เพราะสวยงามมากจริงๆ”
เช่นเดียวกับ มนุญสินี ฟูตระกูล ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์กับบุคคลทั่วไปและองค์กรต่างๆ ที่บอกว่าเป็นแฟนคลับติดตามเรื่องผ้าไทยและชื่นชมฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่เสมอๆ “ตั้งแต่เด็กที่เห็นบ่อยๆ คือ พระองค์ท่านชอบใส่ผ้าไหม ท่านสามารถนำมาปรับให้เป็นแฟชั่นได้ ชุดฉลองพระองค์หลายชุดที่ท่านใส่ไปต่างประเทศ เราจะเห็นว่าท่านนำผ้าไหมมาผสมด้วย หรือเวลาไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านก็จะทรงแต่งกายสวยงามให้สมกับที่เป็นพระราชินี และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกับประชาชนที่มารอเข้าเฝ้า นั่นคือสิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่เล็ก”
และอีกหนึ่งผู้ร่วมสืบสานตำนานผ้าไทย พร้อมใส่เองด้วยจริงๆ ก็คือ เจ-วรกร จาติกวณิช ที่ยกย่องให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นไอดอลในเรื่องการแต่งกายที่สวยงามและถูกกาลเทศะ โดยเฉพาะ การนำผ้าไหมไทยมาผสมผสานกับแฟชั่น
“ทุกวันนี้เรายังเปิดดูรูปฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ อยู่เสมอๆ ชอบการแต่งกายของพระองค์ท่านมาก พระองค์ท่านเป็นผู้ปลุกกระแสเรื่องของผ้าไหมไทยอย่างได้ผล อย่าง ผ้าไหมมัดหมี่ เมื่อก่อนเราอาจจะรู้สึกว่าใส่แล้วดูสูงอายุ แต่เมื่อเรานำมาดีไซน์ตัดเป็นแจ็กเกตเท่ๆ ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ ทุกครั้งที่ใส่เดินทางไปต่างประเทศ คนต่างชาติที่พบเห็นเขาจะตื่นเต้นกับเสื้อผ้าไหมของเรามาก เป็นความภูมิใจที่คนทั่วโลกให้ความสนใจผ้าไหมไทย และประทับใจผ้าไหมมัดหมี่ของไทยมาก เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบงานฝีมืออยู่แล้ว อยากให้คนรุ่นหลังอนุรักษ์และทำต่อไป”
ความงดงามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 นั้น เราไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดใดๆ ได้ ที่รู้สึกคือเป็นพระมหากรุณาธิคุณฯ อันล้นพ้น ที่ทรงทำให้ผ้าไทยมีคุณค่าดังงานศิลปะและเผยแพร่สู่ระดับสากลได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ