xs
xsm
sm
md
lg

3 เซเลบสาว...ฟินเวอร์! กับคู่ชีวิตต่างชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

>>ขึ้นชื่อว่า “ความรัก” ใครที่เจอกับตัวแล้วเป็นรักแท้ก็ดีไป แต่ถ้ามีปัญหาอยู่กันไม่ได้ก็เลิกรากัน หลายคนเข็ดขยาดกับชีวิตคู่ แต่ก็มีหลายคนที่โชคดีเมื่อเจอรักครั้งใหม่ แล้วกลับกลายเป็นรักแท้เข้ากันได้ดี อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข วันนี้จะมาส่องความรักของ 3 เซเลบริตีสาวชาวไทย ที่มีคู่ชีวิตเป็นชาวต่างชาติ ที่ว่ากันว่า ดี๊ดีจนหนุ่มไทยบางคนอายม้วนต้วนกันไปเลยทีเดียว

เพราะความอดทน...จึงมีวันนี้

เริ่มที่ เซเลบสาวเก่ง อดีต Social Director แห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล “น้อยหน่า-เพ็ญสุภา คชเสนี” ที่ผ่านการมีครอบครัวจนมีลูกสาวสวยโตขึ้นเป็นสาวเก่งตามรอยคุณแม่ “หนูนวล-สาริศา” ซึ่งไปไหนไปกันจนเป็นเงาตามตัว ส่วนในเรื่องของความรัก ความที่เธอยังสาวและสวยจึงมีหนุ่มๆ มาแจกขนมจีบอยู่เรื่อยๆ แต่สาวหน่าเธอกลับตกลงปลงใจกับหนุ่มต่างชาติ “โลรองต์ โซลา” (Laurent Sola)

สาวหน่ายอมรับว่า เธอโชคดีสุดๆ ที่เจอ โลรองต์ ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างหนุ่มไทยกับต่างชาติว่าเป็นอย่างไร เธอบอกว่า ช่วงก่อนหน้านี้เธอเจอตอนเป็นวัยรุ่นเลยเปรียบเทียบกันไม่ได้ ก็เลยจะพูดถึงคู่รักชาวต่างชาติให้ฟังว่า “เขามีความเสมอต้นเสมอปลาย เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา แถมยังดูแลดีมาก อย่างเวลาจะขึ้นลงรถก็จะเปิดประตูให้ตลอด ก่อนนั่งโต๊ะอาหารก็จะขยับเก้าอี้ให้ทุกครั้ง”

เธอเล่าย้อนให้ฟังว่า เห็นดูแลดีอย่างนี้เถอะ โลรองต์เพิ่งเข้าบ้านเธอได้เมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะครอบครัวของเธอมีความเป็นไทยสูงมากๆ คุณพ่อคุณแม่ยังคงเป็นห่วงเธอเสมอ แถมยังช่วยสแกนคู่ชีวิตให้อีก ตามประสาคนไทยยุคเก่า ที่จะไม่ชอบให้ลูกมีแฟนฝรั่ง แม้จะส่งลูกไปเรียนถึงเมืองนอกก็ตาม แต่เพราะความดีของหนุ่มโลรองต์ ซึ่งสาวหน่าเอ่ยปากว่า “มีความอดทนสูงมาก” จากที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยเข้าใจว่า ช่วงแรกๆ ที่คบกันทำไมไม่อยู่กับเขา ทำไมต้องกลับบ้านตลอด อยู่ๆ ไปก็ซึมซับวัฒนธรรมความเป็นไทยไปเอง มีความเข้าใจมากขึ้น โลรองต์เพิ่งไปรดน้ำดำหัวคุณพ่อคุณแม่ของสาวหน่า เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี่เอง

เพราะความที่โลรองต์เป็นคนตรง คิดอะไรก็พูดแบบนั้น แรกๆ ที่คบกันสาวหน่าเคยโดนตำหนิว่า อยากทำอะไรหรือคิดอะไรทำไมไม่พูดไม่บอก หลังจากนั้นก็มีการปรับตัวเข้าหากัน

สิ่งที่โลรองต์ทำให้เธอประทับใจสุดๆ ไม่ใช่การเซอร์ไพรส์ในวันพิเศษ อย่าง วันวาเลนไทน์ หรือวันเกิด แต่เป็นการทำอาหารทานกันเองที่บ้านมากกว่า ซึ่งเขาจะทำอาหารและจัดโต๊ะอาหารด้วยตนเอง แค่นี้สาวหน่าก็ปลื้มสุดๆ แล้ว แถมเขายังเผื่อแผ่ความรักไปยังหนูนวลประหนึ่งเป็นลูกสาวของเขาเอง

สาวหน่าเล่าต่ออย่างสดใสว่า “โดยรวมแล้วคิดว่าคนไทยจะติดครอบครัวมากกว่า ส่วนฝรั่งจะเป็นตัวของตัวเองและใจกว้างกว่าหนุ่มไทยเยอะ จะไม่นำเรื่องที่ผู้หญิงมีสามีมีลูกติด มาเป็นประเด็นทำให้เกิดช่องว่าง และชายไทยส่วนใหญ่มักจะดูที่อายุเป็นสำคัญ แต่ฝรั่งถ้ารักก็รักไม่ดูว่าผู้หญิงจะอายุมากกว่าขนาดไหน หนุ่มไทยนั้นเวลาจะเลือกสาวๆ ก็จะชอบเด็กๆ ไว้ก่อน ประมาณ 20-30 ต้นๆ และปัจจุบันผู้หญิงไทยที่อายุเยอะๆ ก็เลยอยากมีแฟนฝรั่ง (หัวเราะ)”

ความดี...ชนะทุกสิ่ง

มาฟังความรักของเซเลบริตีสาวผู้นำเข้าเครื่องเสียงมีดีไซน์ ไฮเอนด์ แบรนด์ Bang&Olufsen แพร-ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น กับสามีชาวเดนมาร์ก “ปีเตอร์ วาเกนเซ่น”

สาวแพรเล่าว่า “จริงๆ แล้ว ก่อนที่จะเจอกับคุณปีเตอร์ แพรไม่เคยเดตกับหนุ่มต่างชาติมาก่อนเลย และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเหมาะสมกับชาวต่างชาติ เพราะขี้เกียจพูดภาษาอังกฤษ คิดว่าภาษาไทยพอพูดตลกๆ มันตลกกว่ากันเยอะเลย มีรุ่นพี่ที่สนิทกันแนะนำให้รู้จักคุณปีเตอร์ ตอนแรกก็คิดว่าถ้าเป็นคนดีคบเป็นเพื่อนไปก็ไม่เสียหาย จึงเริ่มด้วยการไปตีกอล์ฟ ไปรับประทานอาหารกันบ้าง จนระยะหนึ่งเริ่มรู้สึกว่า ไลฟ์สไตล์ของเราสองคนมีอะไรที่คล้ายๆ กัน เช่น การชอบทำอาหาร ชอบทานอาหาร แถมคุณปีเตอร์ยังเป็นคนตลก จึงเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีทั้งกับเราเองและเพื่อนๆ จึงตัดสินใจลองคบดู”

ความที่เจอกันตอนเป็นผู้ใหญ่ แถมเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งคู่ จึงเข้าใจชีวิตกันมากขึ้น ต่างเข้าใจถึงความต้องการของตนเอง จึงง่ายที่จะจูนเข้าหากัน ด้วยสาวแพรเป็นคนตรง มีความเป็นตัวของตัวเอง อยู่คนเดียวมานานจึงทำอะไรเองทุกอย่าง การที่ได้คบกับปีเตอร์ ซึ่งมีความเป็นผู้ใหญ่สูง ทำให้เธอให้ความเคารพในตัวเขา และรู้สึกว่าไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากนัก แถมทั้งคู่ยังคงมีการแบ่งเวลาให้ตัวเองเหมือนกัน บางครั้งก็จะทำเซอร์ไพรส์ให้กัน แต่ปกติแล้วในวันสำคัญอย่าง วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน ก็จะไปเดตกันบ้าง ซื้อดอกไม้มาให้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะทำอาหารกินกันเอง ก็เป็นความสุขของทั้งคู่แล้ว ในวันสำคัญบางทีก็จะไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอะไร แต่ถ้ามีก็จะรู้สึกดีๆ ขึ้นไปอีก ถ้าจะไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะไปที่ หัวหินและเขาใหญ่ โดยจะไปกับกลุ่มเพื่อนสนิท

เธอบอกว่าประทับใจที่เขาเป็นคนขยัน ชอบวางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า มองไปถึงอนาคต มีความตั้งใจ ทำอะไรทำจริง ทำให้เธอได้รับแรงบันดาลใจในการทำงาน อยู่ด้วยกันก็จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน เป็นได้ทั้งที่ปรึกษาและเพื่อนคู่คิด อยู่ด้วยแล้วสบายใจ นับว่าเป็นความสมดุลของชีวิตคู่

“การใช้ชีวิตอย่างมีสติ จึงมีปัญหาน้อย” เธอเล่าต่อไปว่า “ต่างคนต่างทำงานตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์จึงหวงแหนวันหยุดสุดสัปดาห์เอามากๆ เพราะถือเป็นวันพักผ่อนกันจริงๆ ทั้งยังเป็นเวลาของครอบครัว ก็จะอยู่ด้วยกัน ทำอาหารกินกัน”

หนุ่มต่างชาติโดนใจเธอตรงไหน เธอบอกเลยว่าตรงที่เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่พอใจอะไรก็จะบอก จะพูดคุยกันด้วยเหตุและผล ทุกวันนี้ในแต่ละวันจึงเป็นวันดีๆ ของเธอ “เราโชคดีที่มีเขา และเขาก็โชคดีที่มีเรา” สาวแพรกล่าวอย่างมีความสุข

ความเสมอต้นเสมอปลาย...คล้องสองใจ

ลองมาฟังเซเลบสาวผู้วางแผนชีวิตได้อย่างลงตัว “ติ๊ก-อภิภาวดี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” แม้กระทั่งกับลูกๆ เธอก็ดูแลได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ถึงงานของเธอจะล้นมือ แต่เธอก็ไม่เคยที่จะปล่อยผ่านในเรื่องของความรักที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเธอ ทำให้ทุกวันนี้เธอจึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

เมื่อถามถึงแฟนฝรั่ง (Jeremy Casher) ของเธอ ติ๊กเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า “ปกติก็จะเทคแคร์กันตลอดเวลา ความสม่ำเสมอที่มีมาให้กันตั้งแต่แรกเจอจนถึงวันนี้ก็ 5 ปีกว่าแล้ว ก็ยิ่งจะมีความเข้าใจกันมากขึ้น เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ จึงดูแลเอาใจใส่กันและกัน ด้วยอายุและผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งคู่ จึงเข้าใจชีวิตมากขึ้น เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกันนัก ว่าจะต้องการอะไร หรือไม่ต้องการอะไร อยู่ด้วยความเข้าใจกัน เป็นเพื่อนกันมากกว่าคู่ชีวิต จึงไม่มีสิ่งที่ชั้นต้องได้ หรือไม่ได้ ดังนั้น พอมาถึงวันพิเศษๆ อย่าง วันเกิด หรือวันอะไรก็ตาม ก็จะเป็นวันปกติของเรา”

“เกิดมา 45 ปีแล้ว เวลามีปัญหาก็จะเคลียร์กันทันที ด้วยความที่เราเป็นคนพูดน้อย เวลาโกรธก็จะเงียบ เขาก็จะถามว่าเป็นอะไรหรือป่าว มีอะไรจะคุยมั้ย ถ้าเราบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี จากนั้นเขาก็จะไม่ถามอีก แต่ถ้าเราไม่พูดอีก 1-2 วัน เขาจะถามอีกที ถ้าเราโอเค เขาจะรู้จังหวะว่าจะถามหรือไม่ถาม”

“รักที่จะอยู่กับเขา เขาก็รักในสิ่งที่เป็นตัวเรา ไม่พยายามจะเปลี่ยนเรา เป็นคนที่อยากได้พอดี อยู่แล้วไม่อึดอัด ขนาดนั่งเงียบๆ ฟังเพลงกันไปก็ยังไม่อึดอัด เขาก็จะโอเคกับเราแบบนี้”

หนุ่มต่างชาติจะยอมรับในความเป็นตัวเองของสาวไทยมากกว่าหนุ่มไทย สิ่งที่ประทับใจของสาวติ๊กคือ ความสม่ำเสมอในการดูแลเอาใจใส่ “เขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ฉลาด คุยกันได้ เวลามีปัญหาเรื่องงานก็จะช่วยกันคิด ส่วนเรื่องการรับประทานอาหาร เขาจะทานเหมือนคนไทย เป็นคนกินเผ็ด จนแอบรู้สึกว่าชาติที่แล้วเขาเป็นคนเอเชียรึป่าว (หัวเราะ) สำหรับเรื่องการเลี้ยงลูกยิ่งโชคดีไปใหญ่ เพราะฝ่ายติ๊กมีลูกสาว 2 คน อายุ 11 กับ 13 ปี ส่วนเขามีลูกสาว 1 คน อายุ 11 ปี ในวัยที่ไล่เลี่ยกัน เด็กๆ จึงเข้ากันได้ดี”

วิธีการเลี้ยงลูกแม้จะต่างกันแต่ก็ไม่เป็นปัญหา เป็นที่ทราบๆ กันอยู่แล้วว่า สาวติ๊กจะเคร่งครัดกับลูกสาวทั้งสองคนมาตั้งแต่เล็กๆ และสองสาวก็ทำตามกฎของคุณแม่จนเป็นนิสัย ซึ่งกลายเป็นเรื่องดีๆ ที่เขาอยากจะนำไปใช้กับลูกสาวของตนบ้าง แต่การเลี้ยงดูของไทยกับต่างชาติต่างกัน การที่เพิ่งจะไปตั้งกฎทีหลังเมื่อตอนเด็กเริ่มโต เริ่มคิดเองได้บ้างแล้ว ก็อาจจะเป็นเรื่องยากสักนิด สรุปแล้วคือ “อะไรที่เขาคิดว่า จะเอาไปปรับใช้กับลูกของเขาได้เขาก็นำไปใช้บ้าง” ทุกวันนี้จึงเป็นความลงตัวที่มีความสุขสุดๆ ของชีวิตคู่ของเธอ
กำลังโหลดความคิดเห็น