>>คนดังหลายคนเติบโตมาจากการอยู่เบื้องหลังของเหล่าซุปตาร์ แถมบางคนยังดังยิ่งกว่าซุปตาร์ที่ช่วยแจ้งเกิดให้อีก ยิ่งในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กแบบนี้ คนเบื้องหลังหลายคนได้แจ้งเกิดเป็นเซเลบริตีกันได้ไม่ยาก แต่มีน้อยคนที่จะคงไว้ซึ่งฝีมือให้ชื่อเสียงเป็นอมตะ มาดูกันว่าคนรุ่นใหม่ที่แจ้งเกิดให้เหล่าซุปตาร์ที่กลายเป็นเซเลบค่าตัวแพงระยับในยุคนี้มีใครกันบ้าง

“น้องฉัตร” แจ้งเกิดจากความงามของ ญาญ่า ญิ๋ง ที่เมืองคานส์
เริ่มจากเมกอัพอาร์ทิสต์ค่าตัวแพง “น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาต” เมกอัพอาร์ทิสต์แถวหน้าที่แจ้งเกิดจากการเป็นเมกอัพอาร์ทิสต์ให้ “ญาญ่า ญิ๋ง-รฐา โพธิ์งาม” เพื่อเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Only God Forgives ในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ เมื่อปี 2014 หลังจากนั้นน้องฉัตรก็มีงานชุกจนอัปค่าตัวขึ้นในหลักหมื่น
แต่ก่อนที่ใครจะได้รู้จักความสามารถในการจรดแปรงแต่งหน้าของน้องฉัตร เมกอัพอาร์ทิสต์อายุน้อยคนนี้เริ่มต้นฝึกฝีมือตั้งแต่อายุ 13 ปี ฝึกฝนจากรูปในแมกกาซีนหรือทีวีที่มีรายการสอนแต่งหน้า ด้วยเครื่องสำอางของคุณน้าและคุณแม่ แม้จะมีฐานะยากจนแต่คุณแม่ก็ให้การสนับสนุนเข้าเรียนทำผมจากศูนย์ฝึกอาชีพในละแวกบ้าน จนสามารถเปิดร้านสระไดร์ที่บ้านและส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาตรี

เส้นทางแห่งความงามก็สมบูรณ์แบบ เมื่อน้องฉัตรได้เข้าฝึกงานกับเครื่องสำอาง M.A.C และเริ่มทั้งแต่งหน้าและทำผมจนได้เข้าวงการอย่างเต็มตัว โดยเจ้าตัวเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงจากการแต่งหน้าให้ ตั๊ก-บงกช ในเรื่องจันดารา และตามมาด้วยการเดินทางไปแต่งหน้าให้ญาญ่า ญิ๋งที่เมืองคานส์ จากนั้นเหล่าซุปตาร์ทั้งหลายล้วนผ่านฝีมือการรังสรรค์จากน้องฉัตรแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ เทพพิทักษ์ เน็ตไอดอล ที่ถูกจับมาแปลงโฉมในรายการวู้ดดี้ เกิดมาคุย ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาให้เหล่าแฟนคลับเป็นจำนวนมาก
จากเด็กที่หัดแต่งหน้า และเริ่มต้นจากการแต่งหน้าเจ้าสาวคนแรกในราคา 700 บาท จนปัจจุบันนี้ ใครอยากแต่งหน้ากับน้องฉัตรต้องจองคิวข้ามปี แถมต้องจ่ายหนักในราคาเริ่มต้นที่ 3 หมื่นอัพ โดยมีผู้จัดการส่วนตัวคอยจัดคิวงานที่ชุกตลอดทั้งปี และยังเตรียมเปิดบ้านหรูกว่า 10 ล้าน ชีวิตของ “น้องฉัตร” จึงไม่ใช่แค่ผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป

“ป้อม วินิจ” เติบโตพร้อม ชมพู่-อารยา จนกลายเป็นเจ้าแม่ความงาม
อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความงาม จนตอนนี้แจ้งเกิดเป็นเซเลบคิวแน่น “ป้อม วินิจ” ขุ่นแม่ความงามของ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เจ้าแม่แฟชั่นระดับโลก ซึ่งทั้งคู่เติบโตบนเส้นทางอาชีพมาพร้อมๆ กัน ตั้งแต่ชมพู่อายุ 17 ปี

ป้อมแจ้งเกิดและโด่งดังเพียงข้ามคืน ในงานคานส์ ฟิล์ม เฟสติวัล 2016 ซึ่งเขาได้ติดตามไปรังสรรค์ความงามให้ชมพู่บนพรมแดงของงาน ในฐานะเป็นทูตความงามของลอรีอัล ปารีส เมกอัพ หลังจากสาวชมพู่เปิดตัวในค่ำคืนนั้น สื่อต่างประเทศต่างประโคมข่าวความสวยเก๋ในทุกลุคของสาวชมพู่ จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ เวิลด์ แถมผลงานของเขายังเข้าตา ชาลอต วิลเลอร์ เมกอัพอาร์ทิสต์ระดับอินเตอร์จนต้องเอ่ยปากชมอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นเส้นทางสายความงามของ ป้อม วินิจ ไม่ได้ปูด้วยพรมแดงเหมือนตอนแจ้งเกิด เมื่อคุณพ่อต้องการให้เขาเรียนแพทย์ แต่ด้วยจิตใจที่รักศิลปะ เขาเลือกสอบเข้าโรงเรียนเพาะช่าง และเกิดศึกปะทะกันระหว่างพ่อลูก แต่ในที่สุดเขาก็เลือกเรียนด้านศิลปะได้สมใจและเริ่มต้นอาชีพวิศวกรโครงสร้างผ้า ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบลายผ้า

เมื่อได้ทำงานออกแบบเต็มตัว เขากลับรู้สึกอิ่มตัวกับงาน แต่กลับชอบงานแต่งหน้าที่ได้ลูกค้าติดไม้ติดมือมาตั้งแต่การรับแต่งหน้าให้เชียร์ลีดเดอร์สมัยเรียนเพาะช่าง เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานและรับแต่งหน้าที่สตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง จนกระทั่งได้เจอกับเพื่อนที่เป็นสไตลิสต์จึงได้พูดคุยกันและเรียกให้ไปแต่งหน้าให้ดารา ซึ่งดาราคนแรกที่ป้อมได้เสกสรรความงามคือ “ก้อย-นฤทล” ลงหนังสือทีวีพูล
จากช่างแต่งหน้าที่คอยรอคนโทร.มาจ้างงานในอดีต ปัจจุบันค่าตัวครึ่งแสนแถมคิวยังแน่นเอี้ยด “ขุ่นแม่ป้อม” ของเหล่าดารานักแสดงและเจ้าสาวทั้งหลาย ก็ยังตั้งใจเสกสรรความงามไม่เปลี่ยนแปลง ให้ตรงตามแฮชแท็กที่เจ้าตัวตั้งใจเติมให้ทุกผลงานว่า #ลูกสาวสวยมาก ก็เพราะใครที่ได้แต่งหน้ากับขุ่นแม่ป้อมจะต้องสวยเด้งกันทู๊กคน

“ก้อง Hive Salon” เสกรันเวย์จนใครก็อยากมาเดินแบบ
อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังที่ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเซเลบ “ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา” หรือที่รู้จักกันในวงการว่า “ก้อง Hive Salon” ที่เริ่มต้นจากการเป็นช่างทำผมให้เพื่อนๆ ในหอพักนักศึกษาที่อเมริกา กลับมาเปิดซาลอนเล็กๆ ในบ้านที่เมืองไทย จนปัจจุบันนี้เขามีซาลอนสุดหรูที่ Hive Salon เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ Hive Salon ปอร์ติโก หลังสวน ที่เซเลบและดาราหลายคนต้องไม่พลาด
ก้อง แจ้งเกิดในวงการด้วยการทำทรงผมให้ พลอย-เฌอมาลย์ ในละครเรื่องสามีตีตรา, ทรงผมสะดุดตาหน้าม้าสุดแบ๊วของ ชมพู่-อารยา จากเรื่องดอกส้มสีทอง, ผมยาวในลุคหวานๆ ของ มิว-นิษฐา ในเรื่องทรายสีเพลิง และทรงผมหล่อๆ ของ หมาก-ปริญญ์ ทรงผมของ มาริโอ้ ในเรื่องพี่มากพระโขนง ฯลฯ
จนกระทั่งเขาได้สร้างสรรค์รันเวย์โชว์ผลงานของตัวเองอย่าง Hive Salon Fashion Show ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี และปีนี้ ก้องก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังด้วยการเนรมิตรันเวย์อวดเทรนด์ผม “Hive Salon 5th Anniversary” พร้อมเกี่ยวแขนแบรนด์ดังอย่าง Vatanika มารังสรรค์ชุดให้ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และพลอย เฌอมาลย์ นำทีมนางแบบโชว์สุดอลัง รวมถึงดาราดังจากเกาหลี มาร่วมอวดสีสันและเทรนด์ผมบนรันเวย์ จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ด้วยฝีมือและความใส่ใจในลูกค้าทุกๆ ราย ก้องเผยว่า ดูแลลูกค้าทุกคนเหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว การทำผมให้ลูกค้าแต่ละคน เราไม่ได้แนะนำให้เขาทำตามเทรนด์ แต่ทำผมให้เหมาะกับคาแรกเตอร์มากกว่า เช่นสีผมก็จะต้องให้เข้ากับสีผิว โดยมีเคล็ดลับคือทำสีผมให้เป็นสีตรงกันข้ามกับโทนสีผิว เช่น ผิวโทนแดงก็ควรเป็นสีโทนเย็น เป็นต้น
ด้วยเคล็ดลับทำผมให้ลูกค้าแล้วต้องออกมาแพง ดูหรู ไฮโซ ฝีมือของหนุ่มก้องจึงโดนใจเหล่าคนดังและเซเลบ จนตอนนี้ตัวก้องเองกลายเป็นเซเลบเต็มตัว!
นอกจากคนรุ่นใหม่เหล่านี้แล้ว ที่ผ่านมาเราเห็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จจากการเป็นกองหนุนให้คนดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอ-ศุภชัย ที่แจ้งเกิดจากการเป็นผู้จัดการอั้ม-พัชราภา จนตัวเองได้เป็นซุปตาร์ไปด้วยสมใจ, ป้าตือ-สมบัษร ที่เรียนรู้งานจาก กุ๊กกี้-ทินกร อัศวรักษ์ จนได้เป็นออแกไนเซอร์มือหนึ่งระดับประเทศ หรือ ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ โค้ชและเทรนเนอร์ของดาราดังหลายคนจนเจ้าตัวก็ได้เป็นนักแสดงไปด้วย เป็นต้น
ผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการอยู่เบื้องหลังจนกลายมาเป็นคนดังแถวหน้าเหล่านี้ การันตีได้ว่าการจะประสบความสำเร็จจนอยู่เบื้องหน้าได้ ไม่ใช่เรื่องยาก...หากคุณเจ๋งพอ!
“น้องฉัตร” แจ้งเกิดจากความงามของ ญาญ่า ญิ๋ง ที่เมืองคานส์
เริ่มจากเมกอัพอาร์ทิสต์ค่าตัวแพง “น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาต” เมกอัพอาร์ทิสต์แถวหน้าที่แจ้งเกิดจากการเป็นเมกอัพอาร์ทิสต์ให้ “ญาญ่า ญิ๋ง-รฐา โพธิ์งาม” เพื่อเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Only God Forgives ในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ เมื่อปี 2014 หลังจากนั้นน้องฉัตรก็มีงานชุกจนอัปค่าตัวขึ้นในหลักหมื่น
แต่ก่อนที่ใครจะได้รู้จักความสามารถในการจรดแปรงแต่งหน้าของน้องฉัตร เมกอัพอาร์ทิสต์อายุน้อยคนนี้เริ่มต้นฝึกฝีมือตั้งแต่อายุ 13 ปี ฝึกฝนจากรูปในแมกกาซีนหรือทีวีที่มีรายการสอนแต่งหน้า ด้วยเครื่องสำอางของคุณน้าและคุณแม่ แม้จะมีฐานะยากจนแต่คุณแม่ก็ให้การสนับสนุนเข้าเรียนทำผมจากศูนย์ฝึกอาชีพในละแวกบ้าน จนสามารถเปิดร้านสระไดร์ที่บ้านและส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาตรี
เส้นทางแห่งความงามก็สมบูรณ์แบบ เมื่อน้องฉัตรได้เข้าฝึกงานกับเครื่องสำอาง M.A.C และเริ่มทั้งแต่งหน้าและทำผมจนได้เข้าวงการอย่างเต็มตัว โดยเจ้าตัวเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงจากการแต่งหน้าให้ ตั๊ก-บงกช ในเรื่องจันดารา และตามมาด้วยการเดินทางไปแต่งหน้าให้ญาญ่า ญิ๋งที่เมืองคานส์ จากนั้นเหล่าซุปตาร์ทั้งหลายล้วนผ่านฝีมือการรังสรรค์จากน้องฉัตรแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ เทพพิทักษ์ เน็ตไอดอล ที่ถูกจับมาแปลงโฉมในรายการวู้ดดี้ เกิดมาคุย ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาให้เหล่าแฟนคลับเป็นจำนวนมาก
จากเด็กที่หัดแต่งหน้า และเริ่มต้นจากการแต่งหน้าเจ้าสาวคนแรกในราคา 700 บาท จนปัจจุบันนี้ ใครอยากแต่งหน้ากับน้องฉัตรต้องจองคิวข้ามปี แถมต้องจ่ายหนักในราคาเริ่มต้นที่ 3 หมื่นอัพ โดยมีผู้จัดการส่วนตัวคอยจัดคิวงานที่ชุกตลอดทั้งปี และยังเตรียมเปิดบ้านหรูกว่า 10 ล้าน ชีวิตของ “น้องฉัตร” จึงไม่ใช่แค่ผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป
“ป้อม วินิจ” เติบโตพร้อม ชมพู่-อารยา จนกลายเป็นเจ้าแม่ความงาม
อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความงาม จนตอนนี้แจ้งเกิดเป็นเซเลบคิวแน่น “ป้อม วินิจ” ขุ่นแม่ความงามของ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เจ้าแม่แฟชั่นระดับโลก ซึ่งทั้งคู่เติบโตบนเส้นทางอาชีพมาพร้อมๆ กัน ตั้งแต่ชมพู่อายุ 17 ปี
ป้อมแจ้งเกิดและโด่งดังเพียงข้ามคืน ในงานคานส์ ฟิล์ม เฟสติวัล 2016 ซึ่งเขาได้ติดตามไปรังสรรค์ความงามให้ชมพู่บนพรมแดงของงาน ในฐานะเป็นทูตความงามของลอรีอัล ปารีส เมกอัพ หลังจากสาวชมพู่เปิดตัวในค่ำคืนนั้น สื่อต่างประเทศต่างประโคมข่าวความสวยเก๋ในทุกลุคของสาวชมพู่ จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ เวิลด์ แถมผลงานของเขายังเข้าตา ชาลอต วิลเลอร์ เมกอัพอาร์ทิสต์ระดับอินเตอร์จนต้องเอ่ยปากชมอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นเส้นทางสายความงามของ ป้อม วินิจ ไม่ได้ปูด้วยพรมแดงเหมือนตอนแจ้งเกิด เมื่อคุณพ่อต้องการให้เขาเรียนแพทย์ แต่ด้วยจิตใจที่รักศิลปะ เขาเลือกสอบเข้าโรงเรียนเพาะช่าง และเกิดศึกปะทะกันระหว่างพ่อลูก แต่ในที่สุดเขาก็เลือกเรียนด้านศิลปะได้สมใจและเริ่มต้นอาชีพวิศวกรโครงสร้างผ้า ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบลายผ้า
เมื่อได้ทำงานออกแบบเต็มตัว เขากลับรู้สึกอิ่มตัวกับงาน แต่กลับชอบงานแต่งหน้าที่ได้ลูกค้าติดไม้ติดมือมาตั้งแต่การรับแต่งหน้าให้เชียร์ลีดเดอร์สมัยเรียนเพาะช่าง เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานและรับแต่งหน้าที่สตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง จนกระทั่งได้เจอกับเพื่อนที่เป็นสไตลิสต์จึงได้พูดคุยกันและเรียกให้ไปแต่งหน้าให้ดารา ซึ่งดาราคนแรกที่ป้อมได้เสกสรรความงามคือ “ก้อย-นฤทล” ลงหนังสือทีวีพูล
จากช่างแต่งหน้าที่คอยรอคนโทร.มาจ้างงานในอดีต ปัจจุบันค่าตัวครึ่งแสนแถมคิวยังแน่นเอี้ยด “ขุ่นแม่ป้อม” ของเหล่าดารานักแสดงและเจ้าสาวทั้งหลาย ก็ยังตั้งใจเสกสรรความงามไม่เปลี่ยนแปลง ให้ตรงตามแฮชแท็กที่เจ้าตัวตั้งใจเติมให้ทุกผลงานว่า #ลูกสาวสวยมาก ก็เพราะใครที่ได้แต่งหน้ากับขุ่นแม่ป้อมจะต้องสวยเด้งกันทู๊กคน
“ก้อง Hive Salon” เสกรันเวย์จนใครก็อยากมาเดินแบบ
อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังที่ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเซเลบ “ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา” หรือที่รู้จักกันในวงการว่า “ก้อง Hive Salon” ที่เริ่มต้นจากการเป็นช่างทำผมให้เพื่อนๆ ในหอพักนักศึกษาที่อเมริกา กลับมาเปิดซาลอนเล็กๆ ในบ้านที่เมืองไทย จนปัจจุบันนี้เขามีซาลอนสุดหรูที่ Hive Salon เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ Hive Salon ปอร์ติโก หลังสวน ที่เซเลบและดาราหลายคนต้องไม่พลาด
ก้อง แจ้งเกิดในวงการด้วยการทำทรงผมให้ พลอย-เฌอมาลย์ ในละครเรื่องสามีตีตรา, ทรงผมสะดุดตาหน้าม้าสุดแบ๊วของ ชมพู่-อารยา จากเรื่องดอกส้มสีทอง, ผมยาวในลุคหวานๆ ของ มิว-นิษฐา ในเรื่องทรายสีเพลิง และทรงผมหล่อๆ ของ หมาก-ปริญญ์ ทรงผมของ มาริโอ้ ในเรื่องพี่มากพระโขนง ฯลฯ
จนกระทั่งเขาได้สร้างสรรค์รันเวย์โชว์ผลงานของตัวเองอย่าง Hive Salon Fashion Show ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี และปีนี้ ก้องก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังด้วยการเนรมิตรันเวย์อวดเทรนด์ผม “Hive Salon 5th Anniversary” พร้อมเกี่ยวแขนแบรนด์ดังอย่าง Vatanika มารังสรรค์ชุดให้ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และพลอย เฌอมาลย์ นำทีมนางแบบโชว์สุดอลัง รวมถึงดาราดังจากเกาหลี มาร่วมอวดสีสันและเทรนด์ผมบนรันเวย์ จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ด้วยฝีมือและความใส่ใจในลูกค้าทุกๆ ราย ก้องเผยว่า ดูแลลูกค้าทุกคนเหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว การทำผมให้ลูกค้าแต่ละคน เราไม่ได้แนะนำให้เขาทำตามเทรนด์ แต่ทำผมให้เหมาะกับคาแรกเตอร์มากกว่า เช่นสีผมก็จะต้องให้เข้ากับสีผิว โดยมีเคล็ดลับคือทำสีผมให้เป็นสีตรงกันข้ามกับโทนสีผิว เช่น ผิวโทนแดงก็ควรเป็นสีโทนเย็น เป็นต้น
ด้วยเคล็ดลับทำผมให้ลูกค้าแล้วต้องออกมาแพง ดูหรู ไฮโซ ฝีมือของหนุ่มก้องจึงโดนใจเหล่าคนดังและเซเลบ จนตอนนี้ตัวก้องเองกลายเป็นเซเลบเต็มตัว!
นอกจากคนรุ่นใหม่เหล่านี้แล้ว ที่ผ่านมาเราเห็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จจากการเป็นกองหนุนให้คนดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอ-ศุภชัย ที่แจ้งเกิดจากการเป็นผู้จัดการอั้ม-พัชราภา จนตัวเองได้เป็นซุปตาร์ไปด้วยสมใจ, ป้าตือ-สมบัษร ที่เรียนรู้งานจาก กุ๊กกี้-ทินกร อัศวรักษ์ จนได้เป็นออแกไนเซอร์มือหนึ่งระดับประเทศ หรือ ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ โค้ชและเทรนเนอร์ของดาราดังหลายคนจนเจ้าตัวก็ได้เป็นนักแสดงไปด้วย เป็นต้น
ผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการอยู่เบื้องหลังจนกลายมาเป็นคนดังแถวหน้าเหล่านี้ การันตีได้ว่าการจะประสบความสำเร็จจนอยู่เบื้องหน้าได้ ไม่ใช่เรื่องยาก...หากคุณเจ๋งพอ!