>>เห็นลุคสวยหวาน ตาคมดีกรีนักเรียนนอกแบบนี้ ถ้าไม่เฉลยหลายคนอาจคิดว่าสาวน้อยเจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจ “แพร-พัณณิตา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ต้องฉายความอาร์ต เอาดีในสายแฟชั่นดีไซน์ แต่ภาพที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็น ภายใต้บุคลิกหวานซ่อนเปรี้ยว เธอกลับแฝงมาดสาวเนิร์ดไว้อย่างมิดชิด
“ตอนนี้แพรกำลังเรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ที่ศศินทร์ฯ ค่ะ อีก 5 เดือนจะจบแล้ว” เธออัปเดตถึงบทบาทที่ทำอยู่ตอนนี้พร้อมคลี่ยิ้มสดใส และคลายข้อสงสัยในใจเราทันทีราวกับรู้ทันความคิดว่า ที่ตัดสินใจเรียนปริญญาโทอีกใบ ทั้งที่เรียนจบปริญญาตรีด้านการผลิตยา และปริญญาโททางด้านวิศวกรรมการแพทย์จากประเทศอังกฤษแล้วนั้น เพราะมองว่าความรู้ด้านธุรกิจคือสิ่งที่เธอยังขาด เพราะฉะนั้นต้องเติมให้เต็ม
“ชีวิตการเรียนที่ผ่านมามีแต่ตัวเลข ไบโอ ฟิสิกส์ เคมี มาตลอด แต่สิ่งที่ยังขาดคือความรู้ด้านการทำธุรกิจ แพรเลยอยากเติมความรู้ด้านนี้เข้ามา เพื่อต่อยอดความฝันที่อยากจะทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งการได้มาเรียนคลาสนี้เหมือนได้มารู้จักโลกอีกใบ ได้มองในสิ่งที่ไม่เคยมองมาก่อน จากเดิมที่อาจจะมีความรู้เรื่องยาหรืออุปกรณ์การแพย์ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะทำการตลาดอย่างไรเพื่อให้ยาหรืออุปกรณ์การแพทย์นี้เป็นที่รู้จักและขายได้ ไม่เคยรู้ว่าเบื้องหลังกว่าจะออกมาเป็นโฆษณา 1 ชิ้น ต้องมีกระบวนการคิดอย่างไร หรือการที่จะก่อตั้งบริษัทขึ้นมาต้องทำอย่างไร แพรถึงได้บอกว่านี่คือโลกอีกใบของแพรจริงๆ”
ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของคุณพ่อกษิดิศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และคุณแม่ฐิติพร ณ.ส. สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ณ สงขลา) ยังเผยถึงเส้นทางในชีวิตที่วางไว้อย่างออกรสว่า หลังจากคว้าปริญญาโทอีกใบมาครองได้สมใจ สามารถติดเกราะอาวุธได้ครบทุกด้าน เธอตั้งใจจะโลดแล่นในยุทธจักรการทำงาน โดยเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ 1-2 ปี ก่อนจะเดินหน้าทำตามความฝันที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง ซึ่งแม้โจทย์ในหัวจะยังกว้างมาก แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ธุรกิจของเธอก็หนีไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพที่เธอมีแพสชั่นอยู่ดี
“แพรสนใจด้านนี้มาตลอด เลยเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนสาขา Biomedical Sciences ที่ University College London (UCL) ความจริงตอนนั้นเป้าหมายของแพรคืออยากเป็นหมอ ซึ่งก็เป็นความฝันของคุณพ่อเช่นกัน แต่หลังจากเรียนมา 3 ปี แพรตัดสินใจเบนเข็มไม่ไปในสายอาชีพหมอต่อ แต่กลับมาเรียนต่อโทด้าน Biomedical Engineering ที่ Imperial College London ซึ่งเป็นสาขาที่ค่อนข้างใหม่ แต่ดังมากที่อังกฤษและอเมริกาตอนนี้ เพราะแพรมองว่าโลกยุคนี้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี บางครั้งยาอย่างเดียวก็ไม่สามารถเยียวยาผู้ป่วยได้ ต้องอาศัยเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ตรวจวินิจฉัยร่วมด้วย”
ถามว่าเสียใจมั้ยที่เบนเข็มเส้นทางชีวิตจากการเป็นคุณหมอ มาตามหาความฝันในโลกธุรกิจ สาวหน้าใสหยุดคิดสักครู่ ก่อนตอบอย่างฉะฉานว่า “ไม่เคยเสียใจกับเส้นทางที่เลือก และไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา เพราะแพรได้เรียนในสิ่งที่มีความสุข จะมีบ้างบางครั้งที่นึกย้อนไปก็คิดแอบเสียใจว่า ถ้าตอนนั้นเลือกเรียนหมอต่อ ตอนนี้ก็คงจะจบหมอพร้อมกับเพื่อนๆ และอยู่ระหว่างเรียนต่อเฉพาะทาง แต่มาคิดตอนนี้ก็สายไปแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงการเป็นหมอจะเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ ได้ช่วยเหลือคนอื่น แต่แพรเชื่อว่า การเป็นนักธุรกิจก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นทางอ้อมได้เช่นกัน”
หากเปรียบชีวิตเหมือนการเดินทาง สาวสวยหน้าหวานยอมรับว่า ตอนนี้เธออยู่ในช่วงกำลังเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมความพร้อมจะออกเดินทางครั้งสำคัญ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอจะออกจากโลกแห่งการเรียนมาสู่โลกแห่งการทำงานอย่างเต็มตัว “จากนี้ไปแพรคงไม่เรียนปริญญาโท หรือปริญญาเอกเพิ่มแล้วค่ะ ตอนนี้อยากทำงานและใช้ความรู้ทั้งการแพทย์และธุรกิจอย่างเต็มที่”
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิต และการทำธุรกิจ เธอถือคติต้องก้าวผ่านปัญหาที่เข้ามา และทำทุกอย่างในวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อในอนาคตจะได้ไม่ต้องกลับมาเสียใจภายหลัง
“ในชีวิตการเรียนแพรค่อนข้างเป็นคนมุ่งมั่น บอกตัวเองว่ายอมแพ้ไม่ได้ ไม่ว่าทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด จนบางคนเรียกแพรว่าเป็นพวกเพอร์เฟกชันนิสต์ (หัวเราะ) ถึงที่บ้านจะไม่กดดัน แต่แพรก็พยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่จะพูดเสมอว่า ท่านเห็นถึงความตั้งใจและความพยายามของแพร แต่สิ่งที่ท่านย้ำตลอดเช่นกันคือ เกรดไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด บางคนเรียนเก่ง แต่ไม่สามารถเอาตัวรอดในชีวิตจริงได้ ซึ่งท่านไม่อยากให้แพรเป็นอย่างนั้น”
สำหรับแพร เธอยกให้คุณพ่อคุณแม่เป็นไอดอล ในเรื่องวิชาการเธอยกให้คุณแม่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าเรื่องความอบอุ่น ใส่ใจครอบครัวเป็นที่หนึ่ง เธอยกตำแหน่งนี้ให้คุณพ่อ
“คุณพ่อเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ท่านเป็นคนจิตใจดี ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว ตอนที่แพรเรียนอยู่อังฤษ คุณพ่อจะไปหาและทำอาหารอร่อยๆ ให้ทานเสมอ จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งประทับใจมากที่ตื่นเช้ามาได้เจอกับอาหารเช้าเต็มโต๊ะ จากปกติถ้าแพรอยู่คนเดียวมีแค่ขนมปังกับซีเรียลเท่านั้น” แพรย้อนความหลังอย่างอารมณ์ดี
ถามเรื่องหัวใจเธอบอกว่า “บ้านเราเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเปิดเผย แพรสามารถคุยกับคุณพ่อคุณแม่ได้ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องความรัก ถามว่าหวงมั้ย แพรว่าตอนเรียนอังกฤษที่ท่านบินไปหาบ่อยๆ ก็อาจจะเพราะหวงหรือเปล่า (หัวเราะ) ตอนอยู่อังกฤษแพรก็โทร.กับมาหาที่บ้านทุกวัน สำหรับสเปกผู้ชายที่ชอบ นอกจากความคิดเข้ากันได้ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ส่งเสริมซึ่งกันและกันแล้ว ต้องเข้ากับครอบครัวเราได้ดีและคุณพ่อคุณแม่ต้องแฮปปี้ด้วยค่ะ”
แม้จะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ แต่เพราะเติบโตมาจากครอบครัวที่สายใยแข็งแกร่ง เลยทำให้เธอวาดฝันไว้ว่า วันหนึ่งอยากมีชีวิตแต่งงานและสร้างครอบครัวมีลูกที่น่ารักเช่นกัน “แพรมักพูดกับคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆว่า เมื่อถึงเวลาที่พร้อม แพรอยากจะแต่งงานและเริ่มต้นสร้างครอบครัว เพราะสำหรับแพรการแต่งงานสำหรับผู้หญิงถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของชีวิต ซึ่งแพรเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่เองก็อยากเห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนกัน” สาวสวยกล่าวทิ้งท้าย