>>เหล่าเซเลบริตีทายาทตระกูลดังทั้งหลาย ต่างเกิดมาบนความสุขสบาย มีทรัพย์สมบัติที่พรั่งพร้อมชนิดจะนั่งกินนอนกินไปทั้งชาติก็ยังได้ ในขณะที่ บางคนอาจจะสนุกสนานฟุ้งเฟ้อไปกับการกินบุญเก่าจากความสำเร็จของบรรพบุรุษ แต่ก็มีอีกหลายคนที่เลือกมุงานหนักเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวให้เจริญก้าวหน้า ต่อยอดไปยังรุ่นต่อรุ่นอย่างมั่นคง
วันนี้เราจะพาคุณไปดูเจนเนอเรชันใหม่ของ 4 ตระกูลดัง ว่าแต่ละคนไฟแรงขนาดไหน ฝีมือเป็นอย่างไร และปลุกปั้นโปรเจกต์อะไรเจ๋งๆ กันอยู่บ้าง?
เริ่มที่ “เต้-บรม พิจารณ์จิตร” ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลจิราธิวัฒน์ หนึ่งในตำนานตระกูลนักธุรกิจเมืองไทย ที่เริ่มต้นธุรกิจค้าปลีกมาหลายทศวรรษในนาม “เซ็นทรัล” ผู้นำพาโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปอย่าง “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” ให้ผงาดมากว่า 2 ปีแล้ว ด้วยวัยเพียง 30 ต้นๆ
และด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่อยากจะให้มีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ไว้สำหรับให้นักคิดนักทำ ศิลปิน ดีไซเนอร์ ผู้หลงใหลในอาหารการกิน และครอบครัวสมัยใหม่ให้ได้ใช้เวลาร่วมกัน “OPEN HOUSE” Co-living space (โค-ลิฟวิง สเปซ) จึงถือกำเนิดขึ้นบนพื้นที่สีเขียวของชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยคำนึงถึงความโปร่งสบาย ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเน้นการใช้สอยได้จริง ผ่านเพดานที่สูงถึง 6 ฟุต และการใช้กระจกสูงรอบด้านใน OPEN HOUSE เพื่อให้เพลิดเพลินไปกับวิว 360 องศาใจกลางกรุงเทพฯ
“OPEN HOUSE” ประกอบด้วย Eating Deck, Eat by the Park, Open House Bookshop by Hardcover, Co-Thinking Space, Art Tower, Design Shop, Open Playground และ Diplomat Screens Embassy by AIS สำหรับผู้ที่มองหาไอเดียใหม่ๆ หรือนัดประชุมโปรเจกต์ใหญ่ และหาพื้นที่ผ่อนคลายดูภาพยนตร์หลังเลิกงาน รวมไปถึงการนอนพักที่โรงแรม Park Hyatt Bangkok ทำให้ OPEN HOUSE เป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง ให้ได้มีความสุขในแบบของตัวเองบนพื้นที่เดียวกัน
หลังจากที่ก่อนหน้านี้หนุ่มเต้ได้เปิด โซเชียล คลับ “ศิวิไล ซิตี้ คลับ” (Siwilai City Club) ที่ชั้น 5 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี สำหรับคนเมืองผู้ชื่นชอบวัฒนธรรมใหม่ๆ เรื่องราวการเดินทางและการใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม ให้มาใช้เวลาสังสรรค์กับคนรัก เพื่อนฝูงและครอบครัว ในรูปแบบของตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่สำหรับนั่งเล่น พักผ่อน หรือสังสรรค์ พร้อมรับประทานอาหารที่ปรุงอย่างดี ท่ามกลางความเป็นไทยผสมผสานกับแนวตะวันตก สุดทันสมัยน่าค้นหา พร้อมตกแต่งด้วยงานศิลปะและต้นไม้นานาชนิด ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ดูเป็นกันเองยิ่งขึ้น แต่ยังคงรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใคร และคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์หลักอย่างหาดทรายในตัวเมือง
ต่อกันที่ ทายาทสาวสวยแห่งเอสแอนด์พี (S&P) “นาม-ปรมา ไรวา” น้องสาวนักร้องดัง เนม-ปราการ ที่หลังเรียนจบจากอังกฤษก็กลับมาช่วยพี่ชายและครอบครัวดูแลธุรกิจของตระกูล ที่เธอทุ่มกายทุ่มใจแสดงผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือในฐานะทายาทผู้บริหารเจนฯ ใหม่
“นามโชคดีที่ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งมีชื่อเสียงมายาวนาน ไม่ต้องมาเริ่มสร้างธุรกิจจากศูนย์ โดยได้รับโอกาสสำคัญให้ดูแลโปรเจกต์ อย่าง SNP Headquater คือที่จริงโปรเจกต์นี้เริ่มจากคุณพ่อ (ประเวศวุฒิ ไรวา) เพราะที่ผ่านมาเรามีแต่ร้านเบเกอรี่และร้านอาหารเล็กๆ ไม่เคยมีร้านสแตนด์อโลนใหญ่ๆ เลย ซึ่งพอดีว่าออฟฟิศของเอสแอนด์พีตั้งอยู่ที่อิตัลไทย พอท่านเห็นพื้นที่ตรงนี้ก็เกิดไอเดียในการทำร้านขึ้น โดยตั้งใจสร้างร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่ต้องเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแบรนด์เอสแอนด์พีจริงๆ
หลังเรียนจบจึงกลับมาช่วยดูงานตั้งแต่ร้านยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ดูแลตั้งแต่เมนูอาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงบริการใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา อย่างเวิร์กชอปขนมและเค้ก เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจด้านเบเกอรี นอกจากนี้ ยังมีเมนูสุขภาพให้บริการและบางวันยังมีเปิดสอนโยคะ ทั้งหมดนี้ เพราะเราต้องการให้ที่นี่เป็นมากกว่าร้านอาหาร แต่เป็นสถานที่ที่ลูกค้าเข้ามาดื่มด่ำกับประสบการณ์ต่างๆ ได้มากกว่าความอร่อย”
ผลตอบรับจาก SNP Headquater ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ จนกลายเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์สุดฮิตในเวลานี้ ทำให้เธอได้รับความไว้วางใจให้เดินหน้าโปรเจกต์ต่อมา อย่าง SNP Café ที่เพิ่งเปิดตัวที่ตึกเอฟวายไอ หัวมุมถนนพระราม 4
ด้าน "แพร-พิมพิศา จิราธิวัฒน์" ทายาทคนสวยของตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่ก่อนหน้านี้เรามักจะคุ้นชินกับการเห็นภาพเธอโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง เช่นเดียวกับน้องชายสุดหล่อ พีช-พชร พระเอกคนดัง แม้ตอนนี้เราก็ยังเห็นผลงานการเป็นพิธีกรในจอโทรทัศน์ของเธออยู่ไม่ขาดสาย แต่วันนี้อีกบทบาทหนึ่งที่เธอถือเป็นงานหลักและทุ่มเทแบบเต็มร้อยในฐานะเวิร์กกิงวูแมน รับภารกิจสำคัญช่วยดูแลกิจการของครอบครัว
สาวแพรได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาช่วยงานคุณปู่ (สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์) ที่ “โพสต์ อินเตอร์มีเดีย” ธุรกิจทางด้านสื่อของตระกูล หลังจากที่บริษัทได้นำเข้านิตยสารหัวดังมามากมาย ปัจจุบันเธอในฐานะฝ่ายพัฒนาธุรกิจ (Business Development) ได้เข้ามาบุกเบิกและปฏิวัติการทำงานในแนวทางใหม่ ให้เหมาะกับยุค 4.0 นี้ อย่างการผุดโปรเจกต์ "มัมเรซิน" (MUMRAISIN) สื่อออนไลน์สำหรับคุณแม่ยุคใหม่ ที่สาวแพรลงมือสร้างขึ้นเองในทุกขั้นตอน
"ยุคนี้หลายคนบอกว่าเป็นขาลงของสื่อ แพรว่าไม่ใช่หรอก คนยังต้องการสื่อ ต้องการคอนเทนต์ แต่ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยน เราก็ต้องปรับให้เข้ากับสังคม แพรเเข้ามาช่วยพัฒนาให้สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยใช้การต่อยอดฐานอันแข็งแกร่งของโพสต์ อินเตอร์มีเดีย ทางเรื่องคอนเทนต์ มาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลนี้
แพรเริ่มเข้ามาช่วงปลายปีที่แล้ว โดยคิดหาโปรเจกต์ที่น่าสนใจ คิดไอเดียนำเสนอทีมจนผ่านมาเป็น มัมเรซิน ดูแลเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่คิดคอนเซ็ปต์ ตั้งชื่อ ฟอร์มทีม โดยทำเป็นสื่อออนไลน์ เป็นเรื่องราวสำหรับคุณแม่และเด็ก คือเริ่มตั้งแต่เตรียมท้องไปจนถึงลูกๆ วัยเรียน ชูความแตกต่างด้วยการเน้นที่ไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ไม่ใช่เนื้อหาแนวทางการหนักๆ อย่างเชิงทฤษฎีหรือคุณหมอ แต่จะย่อยให้อ่านง่ายและสนุกขึ้น ตอบโจทย์สำหรับคุณแม่รุ่นใหม่ที่เปรี้ยวทันสมัยโดยตอนนี้เริ่มจากเพจในเฟซบุ๊กที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว และกำลังจะเปิดตัวเว็บไซต์ตามมาเร็วๆ นี้ค่ะ”
ปิดท้ายที่ ผู้บริหารสาวสายแฟชั่น “บลู-ไพลิน อัมพุช” ทายาทเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่วันนี้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนธุรกิจรีเทล ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบริหารสินค้า สายงาน M Curated ด้วยความที่เรียนมาด้านแฟชั่น หลังจากเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยคิงส์ตัน ประเทศอังกฤษ กลับมาก็ได้ศึกษางานด้านแฟชั่นและมองหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง ประจวบกับทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพิ่งจะเปิดส่วนงานที่เกี่ยวกับแฟชั่น ที่มีการนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศ จึงเป็นจังหวะดีที่จะเข้ามาช่วยสานต่อและขยายงานตรงส่วนนี้ ซึ่งเธอก็สนุกกับงานที่ทำ
เธอจึงเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะนำแบรนด์ที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์มากกว่า 100 แบรนด์ มาไว้ในโซน Aterlier รวมทั้งอิมพอร์ตแบรนด์ของดีไซเนอร์จากฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกหลายประเทศ พร้อมทั้งดูแลในส่วนของ Flagship Store เช่นแบรนด์ Style Nanda, MSGM และ Paul&Joe Sister เรียกได้ว่าดูตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำก่อนที่จะออกมาเป็นโซนชอปปิงให้สาวๆ ได้เลือกชุดสวยๆ กัน
“เราต้องดูเรื่องลอจิสติก เรื่องร้าน เรื่องมาร์เกตติ้ง จนไปดูเรื่อง CRM ทั้งหมดของการขาย เจอทั้งปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน เช่น บางแบรนด์เป็นแบรนด์ที่ใหม่ ยังไม่เคยเข้ามาในเมืองไทย ในแง่ของแบรนด์เราก็ต้องแนะนำตัวให้เขารู้จักพื้นที่ของเรา ในแง่ของผู้บริโภคเราก็ต้องเลือกแบบที่น่าจะถูกใจเขาเข้ามา แต่ทุกปัญหาต้องมีการจัดการไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน เรื่องการดีลกับพาร์ตเนอร์ การจัดการและการดูแลลูกค้า แต่ก็เป็นงานที่สนุกค่ะ เพราะอยู่ในฟีลของแฟชั่นที่เราชอบอยู่แล้ว” สาวสวยลุคสมาร์ทกล่าวปิดท้าย
วันนี้เราจะพาคุณไปดูเจนเนอเรชันใหม่ของ 4 ตระกูลดัง ว่าแต่ละคนไฟแรงขนาดไหน ฝีมือเป็นอย่างไร และปลุกปั้นโปรเจกต์อะไรเจ๋งๆ กันอยู่บ้าง?
เริ่มที่ “เต้-บรม พิจารณ์จิตร” ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลจิราธิวัฒน์ หนึ่งในตำนานตระกูลนักธุรกิจเมืองไทย ที่เริ่มต้นธุรกิจค้าปลีกมาหลายทศวรรษในนาม “เซ็นทรัล” ผู้นำพาโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปอย่าง “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” ให้ผงาดมากว่า 2 ปีแล้ว ด้วยวัยเพียง 30 ต้นๆ
และด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่อยากจะให้มีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ไว้สำหรับให้นักคิดนักทำ ศิลปิน ดีไซเนอร์ ผู้หลงใหลในอาหารการกิน และครอบครัวสมัยใหม่ให้ได้ใช้เวลาร่วมกัน “OPEN HOUSE” Co-living space (โค-ลิฟวิง สเปซ) จึงถือกำเนิดขึ้นบนพื้นที่สีเขียวของชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยคำนึงถึงความโปร่งสบาย ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเน้นการใช้สอยได้จริง ผ่านเพดานที่สูงถึง 6 ฟุต และการใช้กระจกสูงรอบด้านใน OPEN HOUSE เพื่อให้เพลิดเพลินไปกับวิว 360 องศาใจกลางกรุงเทพฯ
“OPEN HOUSE” ประกอบด้วย Eating Deck, Eat by the Park, Open House Bookshop by Hardcover, Co-Thinking Space, Art Tower, Design Shop, Open Playground และ Diplomat Screens Embassy by AIS สำหรับผู้ที่มองหาไอเดียใหม่ๆ หรือนัดประชุมโปรเจกต์ใหญ่ และหาพื้นที่ผ่อนคลายดูภาพยนตร์หลังเลิกงาน รวมไปถึงการนอนพักที่โรงแรม Park Hyatt Bangkok ทำให้ OPEN HOUSE เป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง ให้ได้มีความสุขในแบบของตัวเองบนพื้นที่เดียวกัน
หลังจากที่ก่อนหน้านี้หนุ่มเต้ได้เปิด โซเชียล คลับ “ศิวิไล ซิตี้ คลับ” (Siwilai City Club) ที่ชั้น 5 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี สำหรับคนเมืองผู้ชื่นชอบวัฒนธรรมใหม่ๆ เรื่องราวการเดินทางและการใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม ให้มาใช้เวลาสังสรรค์กับคนรัก เพื่อนฝูงและครอบครัว ในรูปแบบของตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่สำหรับนั่งเล่น พักผ่อน หรือสังสรรค์ พร้อมรับประทานอาหารที่ปรุงอย่างดี ท่ามกลางความเป็นไทยผสมผสานกับแนวตะวันตก สุดทันสมัยน่าค้นหา พร้อมตกแต่งด้วยงานศิลปะและต้นไม้นานาชนิด ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ดูเป็นกันเองยิ่งขึ้น แต่ยังคงรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใคร และคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์หลักอย่างหาดทรายในตัวเมือง
ต่อกันที่ ทายาทสาวสวยแห่งเอสแอนด์พี (S&P) “นาม-ปรมา ไรวา” น้องสาวนักร้องดัง เนม-ปราการ ที่หลังเรียนจบจากอังกฤษก็กลับมาช่วยพี่ชายและครอบครัวดูแลธุรกิจของตระกูล ที่เธอทุ่มกายทุ่มใจแสดงผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือในฐานะทายาทผู้บริหารเจนฯ ใหม่
“นามโชคดีที่ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งมีชื่อเสียงมายาวนาน ไม่ต้องมาเริ่มสร้างธุรกิจจากศูนย์ โดยได้รับโอกาสสำคัญให้ดูแลโปรเจกต์ อย่าง SNP Headquater คือที่จริงโปรเจกต์นี้เริ่มจากคุณพ่อ (ประเวศวุฒิ ไรวา) เพราะที่ผ่านมาเรามีแต่ร้านเบเกอรี่และร้านอาหารเล็กๆ ไม่เคยมีร้านสแตนด์อโลนใหญ่ๆ เลย ซึ่งพอดีว่าออฟฟิศของเอสแอนด์พีตั้งอยู่ที่อิตัลไทย พอท่านเห็นพื้นที่ตรงนี้ก็เกิดไอเดียในการทำร้านขึ้น โดยตั้งใจสร้างร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่ต้องเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแบรนด์เอสแอนด์พีจริงๆ
หลังเรียนจบจึงกลับมาช่วยดูงานตั้งแต่ร้านยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ดูแลตั้งแต่เมนูอาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงบริการใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา อย่างเวิร์กชอปขนมและเค้ก เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจด้านเบเกอรี นอกจากนี้ ยังมีเมนูสุขภาพให้บริการและบางวันยังมีเปิดสอนโยคะ ทั้งหมดนี้ เพราะเราต้องการให้ที่นี่เป็นมากกว่าร้านอาหาร แต่เป็นสถานที่ที่ลูกค้าเข้ามาดื่มด่ำกับประสบการณ์ต่างๆ ได้มากกว่าความอร่อย”
ผลตอบรับจาก SNP Headquater ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ จนกลายเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์สุดฮิตในเวลานี้ ทำให้เธอได้รับความไว้วางใจให้เดินหน้าโปรเจกต์ต่อมา อย่าง SNP Café ที่เพิ่งเปิดตัวที่ตึกเอฟวายไอ หัวมุมถนนพระราม 4
ด้าน "แพร-พิมพิศา จิราธิวัฒน์" ทายาทคนสวยของตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่ก่อนหน้านี้เรามักจะคุ้นชินกับการเห็นภาพเธอโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง เช่นเดียวกับน้องชายสุดหล่อ พีช-พชร พระเอกคนดัง แม้ตอนนี้เราก็ยังเห็นผลงานการเป็นพิธีกรในจอโทรทัศน์ของเธออยู่ไม่ขาดสาย แต่วันนี้อีกบทบาทหนึ่งที่เธอถือเป็นงานหลักและทุ่มเทแบบเต็มร้อยในฐานะเวิร์กกิงวูแมน รับภารกิจสำคัญช่วยดูแลกิจการของครอบครัว
สาวแพรได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาช่วยงานคุณปู่ (สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์) ที่ “โพสต์ อินเตอร์มีเดีย” ธุรกิจทางด้านสื่อของตระกูล หลังจากที่บริษัทได้นำเข้านิตยสารหัวดังมามากมาย ปัจจุบันเธอในฐานะฝ่ายพัฒนาธุรกิจ (Business Development) ได้เข้ามาบุกเบิกและปฏิวัติการทำงานในแนวทางใหม่ ให้เหมาะกับยุค 4.0 นี้ อย่างการผุดโปรเจกต์ "มัมเรซิน" (MUMRAISIN) สื่อออนไลน์สำหรับคุณแม่ยุคใหม่ ที่สาวแพรลงมือสร้างขึ้นเองในทุกขั้นตอน
"ยุคนี้หลายคนบอกว่าเป็นขาลงของสื่อ แพรว่าไม่ใช่หรอก คนยังต้องการสื่อ ต้องการคอนเทนต์ แต่ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยน เราก็ต้องปรับให้เข้ากับสังคม แพรเเข้ามาช่วยพัฒนาให้สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยใช้การต่อยอดฐานอันแข็งแกร่งของโพสต์ อินเตอร์มีเดีย ทางเรื่องคอนเทนต์ มาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลนี้
แพรเริ่มเข้ามาช่วงปลายปีที่แล้ว โดยคิดหาโปรเจกต์ที่น่าสนใจ คิดไอเดียนำเสนอทีมจนผ่านมาเป็น มัมเรซิน ดูแลเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่คิดคอนเซ็ปต์ ตั้งชื่อ ฟอร์มทีม โดยทำเป็นสื่อออนไลน์ เป็นเรื่องราวสำหรับคุณแม่และเด็ก คือเริ่มตั้งแต่เตรียมท้องไปจนถึงลูกๆ วัยเรียน ชูความแตกต่างด้วยการเน้นที่ไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ไม่ใช่เนื้อหาแนวทางการหนักๆ อย่างเชิงทฤษฎีหรือคุณหมอ แต่จะย่อยให้อ่านง่ายและสนุกขึ้น ตอบโจทย์สำหรับคุณแม่รุ่นใหม่ที่เปรี้ยวทันสมัยโดยตอนนี้เริ่มจากเพจในเฟซบุ๊กที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว และกำลังจะเปิดตัวเว็บไซต์ตามมาเร็วๆ นี้ค่ะ”
ปิดท้ายที่ ผู้บริหารสาวสายแฟชั่น “บลู-ไพลิน อัมพุช” ทายาทเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่วันนี้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนธุรกิจรีเทล ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบริหารสินค้า สายงาน M Curated ด้วยความที่เรียนมาด้านแฟชั่น หลังจากเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยคิงส์ตัน ประเทศอังกฤษ กลับมาก็ได้ศึกษางานด้านแฟชั่นและมองหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง ประจวบกับทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพิ่งจะเปิดส่วนงานที่เกี่ยวกับแฟชั่น ที่มีการนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศ จึงเป็นจังหวะดีที่จะเข้ามาช่วยสานต่อและขยายงานตรงส่วนนี้ ซึ่งเธอก็สนุกกับงานที่ทำ
เธอจึงเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะนำแบรนด์ที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์มากกว่า 100 แบรนด์ มาไว้ในโซน Aterlier รวมทั้งอิมพอร์ตแบรนด์ของดีไซเนอร์จากฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกหลายประเทศ พร้อมทั้งดูแลในส่วนของ Flagship Store เช่นแบรนด์ Style Nanda, MSGM และ Paul&Joe Sister เรียกได้ว่าดูตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำก่อนที่จะออกมาเป็นโซนชอปปิงให้สาวๆ ได้เลือกชุดสวยๆ กัน
“เราต้องดูเรื่องลอจิสติก เรื่องร้าน เรื่องมาร์เกตติ้ง จนไปดูเรื่อง CRM ทั้งหมดของการขาย เจอทั้งปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน เช่น บางแบรนด์เป็นแบรนด์ที่ใหม่ ยังไม่เคยเข้ามาในเมืองไทย ในแง่ของแบรนด์เราก็ต้องแนะนำตัวให้เขารู้จักพื้นที่ของเรา ในแง่ของผู้บริโภคเราก็ต้องเลือกแบบที่น่าจะถูกใจเขาเข้ามา แต่ทุกปัญหาต้องมีการจัดการไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน เรื่องการดีลกับพาร์ตเนอร์ การจัดการและการดูแลลูกค้า แต่ก็เป็นงานที่สนุกค่ะ เพราะอยู่ในฟีลของแฟชั่นที่เราชอบอยู่แล้ว” สาวสวยลุคสมาร์ทกล่าวปิดท้าย