xs
xsm
sm
md
lg

“ศิริภา อินทวิเชียร” สาวเก่งผู้ขับเคลื่อนธุรกิจแต่ไม่ทิ้งสังคม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>เพราะถือคติ “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ถ้าวันนี้มีแรงทำได้มากก็จงทำ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ไม่เสียใจที่ได้ลงมือทำ” ทำให้วันนี้ “แนน-ศิริภา อินทวิเชียร” ลูกสาวคนสวยของ “สาวิณี สินธู” กับ “ชัยศล อินทวิเชียร” สวมหัวใจนักสู้ที่พร้อมจะรับมือกับทุกโอกาสและอุปสรรคที่เข้ามาอย่างแข็งแกร่ง

ภายใต้บุคลิกสาวหวานที่พกพาความมั่นใจมาเต็มร้อย เธอจึงไม่เพียงกลับมาสานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว พร้อมคุมโปรเจกต์ใหญ่อย่างโรงแรม “คีรีนคร” ซึ่งตั้งใจให้เป็นไอคอนของบ้านเกิดอย่าง จ.นครศรีธรรมราช แต่ยังควบอีก 4 บทบาทนั่นคือ ผู้นำเข้าแบรนด์เครื่องประดับ Eshvi, ผู้ช่วยอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ดูแลในส่วนการเมืองต่างประเทศ, อาสาสมัคร Global Shapers ของ World Economic Forum ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจอยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้น่าอยู่ขึ้นจากทั่วโลก และสุดท้ายคือ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิศิริอาสา ทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยเน้นด้านการศึกษาเป็นหลัก

แนนเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า แม้จะรู้ดีว่าจะต้องกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว แต่เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมีโอกาสเข้ามาทำงานจิตอาสาเพื่อสังคม และเข้ามาสัมผัสการทำงานในแวดวงการเมือง

“ด้วยความที่สมัยเด็กแนนชอบดูช่อง Dicovery เลยทำให้ฝันแบบฟุ้งๆ ว่า อยากจะเป็นนักบินอวกาศ ทำงานที่นาซา (หัวเราะ) แต่พอโตขึ้นความฝันก็เปลี่ยน หลังจบไฮสกูลที่ภูเก็ต แนนเลือกเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่อินเท่าไหร่ทั้งที่ผลการเรียนดี เลยเบนเข็มมาเรียนด้าน Entertainment Media เพราะสนใจเรื่องการทำหนัง ตอนนั้นเลือกเพราะใจรัก ซึ่งคุณแม่ก็ไม่เห็นด้วย คิดว่าเรียนจบมาแล้วจะมาต่อยอดอะไร แต่แนนคิดต่างว่าช่วงเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัยก็อยากเรียนในสิ่งที่ชอบและสนใจจริงๆ แล้วค่อยมาต่อยอดความรู้ที่จะเอื้อต่อธุรกิจตอนเรียนปริญญาโท”

หลังจากได้เรียนในสิ่งที่รักแนนพบว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด เพราะได้เรียนรู้เบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์อย่างแท้จริง ได้รู้ว่าการเป็นผู้กำกับไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝ่าหลายด่าน คุณสมบัติสำคัญที่ผู้กำกับพึงมีคือ ประสบการณ์ในชีวิตที่หลากหลายและมากพอที่จะหยิบมาถ่ายทอดผ่านแผ่นฟิล์ม”

อย่างไรก็ตาม หลังเรียนจบแนนจะไม่ได้ไปต่อในสายที่เรียนมา เพราะต้องกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว แต่สาวสวยตาคมบอกว่า ความรู้ที่เรียนมาไม่สูญเปล่า สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้อย่างลงตัว

“การทำหนังเราต้องเข้าใจตัวละคร รู้ว่าทำไมคนคนหนึ่งถึงแสดงออกมาแบบนี้ ซึ่งการที่เราศึกษามากๆ ก็ทำให้เรานำมาปรับใช้กับการทำงาน ทำให้เข้าใจคนรอบข้าง และความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น”

หลังกลับมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานที่บ้านไม่นาน แนนพบว่าตัวเองยังขาดความรู้ด้านไฟแนนซ์ จึงตัดสินใจลัดฟ้าไปเรียนเพิ่มเติมความรู้ให้กับตัวเองที่ Regent University ประเทศอังกฤษ พอเรียนจบก็ตั้งใจกลับมาสานต่อธุรกิจที่บ้านดังเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือความฝันที่อยากจะทำธุรกิจของตัวเอง เธอจึงกลับมาพร้อมไอเดียที่อยากจะนำเข้าแบรนด์เครื่องประดับ Eshvi ซึ่งเธอชื่นชอบ

“ตอนที่จะนำเข้ามา คุณแม่และพี่ชายไม่เห็นด้วย แต่แนนก็ดื้อใช้เงินเก็บของตัวเองนำเข้าแบรนด์มาโดยที่ทางบ้านไม่รู้ ลุยเดี่ยวติดต่อกับห้างเพื่อขอพื้นที่เข้าไปขายเองจนสำเร็จ ถึงพาคุณพ่อคุณแม่ไปเดินห้างแล้วบอกว่านี่เป็นแบรนด์นำเข้ามา ผ่านมา 2 ปีแม้แบรนด์ที่นำเข้าจะไม่ได้เติบโตอย่างน่าพอใจ แต่ธุรกิจนี้ทำให้แนนได้เรียนรู้หลายอย่าง ตอนนี้แนนมีหุ้นส่วนเพิ่ม 1 คน และกำลังปรับโมเดลธุรกิจไปเจาะตลาดขายส่งในต่างประเทศมากขึ้นด้วย”

นอกจากจะแบ่งเวลามาทำตามฝันที่อยากจะสร้างธุรกิจส่วนตัว แนนก็ยังไม่ทิ้งอีกหนึ่งความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง นั่นคือการคุมโปรเจกต์โรงแรมใหม่ที่นครศรีธรรมราช

“โปรเจกต์นี้ทำเพื่ออยากสร้างความภูมิใจและเป็นมรดกให้คนรุ่นหลัง เพื่อเป็นไอคอนแห่งใหม่ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาในจังหวัดของเรามากขึ้น และให้นักประวัติศาสตร์สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนครฯ แล้วนำมาถ่ายทอดให้ทีมดีไซน์ฟังก่อนจะพัฒนาออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ที่อยากทำโรงแรมนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตของชาวนครฯ จริงๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า”

ลำพัง 2 บทบาทหลักที่ทำอยู่ ตารางงานของแนนก็รัดตัวแล้ว แต่ผู้บริหารสาวเก่งยังยิ้มได้ และพร้อมทำงานเพื่อสังคมควบคู่ไปด้วย

“แนนชอบทำงานเพื่อสังคมมาตั้งแต่เด็ก จนคุณแม่เคยแซวเลยว่าไม่คิดจะทำงานที่ได้เงินบ้างเหรอแต่ใจเรามาทางนี้ยิ่งโตขึ้นได้มีโอกาสทำมากขึ้นก็ยิ่งอิน แนนโชคดีที่มีโอกาสเข้าไปช่วยทำงานพัฒนาสังคมกับพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับโอกาสให้เข้ามาเป็นผู้ช่วยท่านชวน ได้เรียนรู้งานจนได้แรงบันดาลใจมากมายไปปรับใช้ในชีวิต”

แนนยอมรับว่า หลังจากได้เข้ามาทำงานในพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เธอเริ่มสนใจการเมือง และมีความฝันอยากจะเป็นนักการเมือง ตอนนี้นอกจากจะเรียนปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ควบคู่ไปด้วยแล้ว ยังอาศัยเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการลงพื้นที่ให้มากไปพร้อมกัน

“แต่ก่อนแนนเคยคิดแบบง่ายๆ ว่า ถ้าดูจากคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครเป็นนักการเมือง เรามีคุณสมบัตินั้นอยู่แล้ว แต่พอได้ลองเข้ามาทำงานในพรรคจริงๆ แนนรู้เลยว่าด้วยประสบการณ์เรายังห่างมาก และต้องสั่งสมอีกเยอะ”

ผู้บริหารสาวสวยแถมใจดียังบอกด้วยว่า ถึงหมวกหลายใบที่เธอสวมอยู่ จะทำให้เวลาส่วนตัวน้อยลง แต่เธอมีความสุขที่ได้ทำ ที่ผ่านมามีท้อหรือเหนื่อยบ้าง แต่มีต้นแบบเป็นท่านชวนและมีวิธีปลอบใจตัวเองว่า หากตั้งเป้าหมายหรือความฝันให้ใหญ่พอ อุปสรรคหรือปัญหาจะไม่สามารถทำให้หวั่นไหวหรือยอมแพ้ได้

“แนนเชื่อว่าถ้าเราตั้งเป้าหมายให้ใหญ่พอต่อให้เจออุปสรรคที่อาจจะทำให้ท้อ เราก็พร้อมจะไปต่อ หรือเมื่อไหร่ที่เจอปัญหาหรือรู้สึกเหนื่อย เราก็พร้อมจะหยุดพักแต่ไม่คิดจะยอมแพ้ เป้าหมายของแนนจากนี้คือยังคงสานต่อธุรกิจครอบครัวต่อไป ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทิ้งงานการเมืองซึ่งเรามีแพสชั่น พร้อมกับการทำงานเพื่อสังคม”

เมื่อถามถึงกิจกรรมวันว่างที่เหลืออยู่น้อยนิด เธอตอบพร้อมโปรยยิ้มว่า กิจกรรมโปรดเวลาว่างคือ การเข้าไปในชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด เพื่อพูดคุยกับคนในชุมชน

“เราอาจไม่ได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้เขา แต่เข้าไปเพื่อต่อยอดหรือพัฒนาสิ่งดีๆ ที่เขามีอยู่แล้ว แค่นี้ก็มีความสุข ส่วนเวลาว่างที่เหลือแนนใช้ไปกับการขี่ม้า เพราะเป็นกีฬาที่สนุกและท้าทาย ฝึกให้เรามีสติตลอดเวลาที่อยู่บนหลังม้า ไม่เช่นนั้นแทนที่เราจะเป็นคนบังคับม้า ม้าจะเป็นผู้นำทิศทางเรา นอกจากนี้ แนนยังชอบเล่นโปโล เทนนิส และเร็วๆ นี้ จะลองไปเล่นไตรกีฬาที่กำลังฮิตและหลายคนบอกว่ายาก เพราะอยากท้าทายตัวเองและพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าแนนก็ทำได้” ผู้บริหารสาวสวยกล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น