xs
xsm
sm
md
lg

เซเลบจับกลุ่มทำธุรกิจ !?! ยึดหลัก “ความไว้ใจ” จึงไปได้สวย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

>>งานสังคมที่มีเหล่าเซเลบริตีเดินกันให้ขวักไขว่นั้น ใช่ว่าเขาดีแต่ออกงานเพื่อสังสรรค์ ปาร์ตี้ พบปะเพื่อนฝูงเท่านั้นนะ บางคนมีงานประจำเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง รับราชการ หรือมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนการออกงานก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่ง และในส่วนของงานประจำนั้น บางคนก็สืบทอดธุรกิจของที่บ้าน บางคนก็ทำในสิ่งที่ตนถนัด และบางคนเลือกได้...ชอบสิ่งไหนก็ทำสิ่งนั้น รักใครก็อยากจะทำงานกับคนนั้น จึงเป็นที่มาของการร่วมทุนทำธุรกิจของเหล่าเซเลบ ซึ่งมีอยู่หลากหลายความร่วมมือ ทั้งกับเครือญาติ เพื่อนรัก หรือแม้กระทั่งคู่รัก

วันนี้ Celeb online ขอหยิบยกธุรกิจร้านอาหารจากความร่วมมือของบรรดาญาติพี่น้องของเซเลบสาวสวยรวยความสามารถ “แวว-ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล” ซึ่งทำร่วมกับญาติพี่น้องฝ่ายมารดาตระกูลสารสิน อย่างร้าน “เนื้อคู่” ที่มี สุรัชนี-สุรภาพ ลิ่มอติบูลย์, ธีรวัลคุ์-พงศ์ศิษฏ์-พงศ์วรุฒน์ ปังศรีวงศ์, แพร-ภูมิ สารสิน เป็นหุ้นส่วน และร้าน “Camp Curry” ที่สยามพารากอน รวมถึง “Kakigoya” ที่ทองหล่อ

เซเลบสาวเก่งเล่าถึงการทำธุรกิจกับญาติพี่น้องว่า ไม่ลำบาก เพราะความเป็นพี่เป็นน้อง จะทำให้น้องๆ ให้ความเกรงใจและเคารพพี่ และการที่โตมาด้วยกันก็จะทำให้รู้ว่าใครเก่งด้านไหน ใครนิสัยเป็นอย่างไร ทำให้รู้ว่าใครควรจะดูแลในเรื่องอะไรบ้าง?

“เราลงมือทำจริงๆ กันอยู่ 2 คน คือแววกับแก๊บ (สุรภาพ ลิ่มอติบูลย์) ซึ่งเขาจะเก่งในเรื่องของอาหาร จึงมีหน้าที่ดูแลด้านอาหารและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ โดยจะดูว่าจะนำร้านอะไรจากเมืองนอกมาเปิดในเมืองไทย และควรจะมีสูตรอาหารอะไรบ้าง ส่วนแววก็จะดูแลด้านตัวเลขและโอเปอเรชัน

การเป็นหุ้นส่วนกันจะต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำงานทุกคน แค่รู้ว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร คนที่เป็นน้องก็จะมีหน้าที่ Support พี่ๆ อย่างเต็มที่ แล้วก็เคารพในความรับผิดชอบของคนคนนั้น เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไม่มีใครโกงกันแน่นอน แต่จริงๆ แล้ว ใครอยากได้อะไรก็จะทำอย่างเต็มที่เพื่อร้านของทุกคน”

แววกล่าวต่อไปว่า “การร่วมทำธุรกิจกับญาติพี่น้องหากมีข้อข้องใจอะไรก็จะคุยกันง่าย เพราะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ พอมาทำธุรกิจร่วมกันก็จะได้คุยกันบ่อยขึ้น เจอกันนอกรอบมากขึ้น ทำให้สนิทสนมขึ้นกว่าเดิม และการทำงานเป็นทีมก็มีส่วนที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ”

มาถึงนักธุรกิจด้านอาหารตัวยง ก้อง-กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ผู้ซึ่งทำธุรกิจร้านอาหารมา 7 ปีแล้ว ในฐานะเจ้าของร้านอาหารมูเกนได ที่มีหุ้นส่วนเป็นเพื่อนรักสมัยเรียน และยังมี เจี๊ยบ-โศภิตนภา ชุ่มภาณี และ ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ ร่วมลงทุนด้วยกัน ขณะนี้ก็เพิ่งเปิด ร้านเมซอง เดอ ลา ทรูฟ (Maison de la Truffe) ที่ทองหล่อ ซอย 9 ไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง 5 ทายาทตระกูลดัง ที่มี ก้อง-กมลสุทธิ์, ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ, นัท-อภิชาติ ลีนุตพงษ์, กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ และ สรา-สราลัญ วัชรพล เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับทรัฟเฟิลชื่อดังกว่า 84 ปี โดยสาขาในไทยถือเป็นแห่งเดียวในอาเซียน โดยมี นัท-อภิชาติ เป็นตัวตั้งตัวตีแนะนำก้องให้รู้จักกับร้านนี้

เซเลบหนุ่มนักธุรกิจ “ก้อง-กมลสุทธิ์” เล่าว่า “ในเรื่องของการทำธุรกิจกับเพื่อนๆ หรือคนรู้ใจนั้น เพราะเชื่อว่าหลายความคิดต้องดีกว่าความคิดเดียวแน่นอน แถมเพื่อนๆ แต่ละคนก็จะมีความสามารถแตกต่างกัน ซึ่งถือเป็นข้อดีในการทำธุรกิจร่วมกัน เพราะในที่สุดทุกคนก็จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่กันได้

การร่วมทุนกันทำธุรกิจจะต้องมีความคิดเห็นที่หลากหลาย ดังนั้น ต้องมีคนคนหนึ่งที่เพื่อนๆ ให้ความไว้วางใจและเชื่อใจว่าจะนำพาธุรกิจให้เจริญเติบโตได้ เป็นตัวหลัก งานนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของหนุ่มก้อง

“เพราะในเรื่องของการทำธุรกิจร่วมกับใครก็ตาม อย่างไรก็ต้องมีความขัดแย้ง จึงต้องมีคนคนหนึ่งที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งเพื่อนๆ ก็จะเคารพในการตัดสินใจนั้นๆ ด้วย ธุรกิจจึงจะไปได้สวย” หนุ่มก้องกล่าวเสริม

สำหรับหุ้นส่วนของร้านเมซองแต่ละคนนั้น มีความสามารถแตกต่างกัน ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดย นัท-อภิชาติ ในฐานะตัวตั้งตัวตีให้ร้านนี้บังเกิดขึ้นแล้ว ยังมี ป๊อป-วราวุธ ทำหน้าที่คอยชักชวนแขกให้มารับประทานอาหารที่ร้าน ส่วนกึ้ง-เฉลิมชัย หุ้นส่วนในฐานะพี่ชายภริยาของก้อง-กมลสุทธิ์ ก็มีหน้าที่เชิญแขกเช่นกัน ส่วนนักทานอาหารตัวยง สรา-สราลัญ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ นิด-อรพรรณ วัชรพล ก็จะทำหน้าที่เลือกว่าเมนูไหนดี เมนูไหนไม่อร่อย และเมนูไหนเหมาะสำหรับเมืองไทย

นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือทางธุรกิจของ โอ๊ค-อัครรัฐ วรรณรัตน์ ที่ลงขันกับเพื่อนสนิทอย่าง วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน และ เดือน-ปาณนุษา บุญศรี เปิดร้าน Motif นำเข้าเฟอร์นิเจอร์สุดหรูระดับโลก

งานนี้จึงขอให้โอ๊คช่วยแนะนำถึงเคล็ดลับในการทำธุรกิจกับเพื่อนๆ ให้ฟังสักนิดหนึ่ง โดยโอ๊คบอกว่า เพื่อนที่จะทำธุรกิจร่วมกันได้ควรมีความสนิทสนมกันประมาณหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อความไว้วางใจซึ่งกันและกันในเรื่องของเงิน ความซื่อสัตย์ และมั่นใจว่าจะไม่โดนหักหลังหรือโดนโกงอย่างแน่นอน ทำให้สบายใจมากขึ้น

พร้อมกันนี้ โอ๊คบอกว่า “ก่อนการทำธุรกิจเราต้องเรียนรู้วิธีการทำงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร เพราะวิธีการทำงานของแต่ละคนไม่เหมือนกันแน่นอน ดังนั้น ต้องแบ่งงานตามความถนัดของแต่ละคนให้ชัดเจน จากนั้นต่างคนก็ต่างทำงานตามวิธีของตนเอง แต่ในที่สุดแล้วต้องสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมให้มากที่สุด การทำธุรกิจอะไรก็ตามหนุ่มโอ๊คเชื่อว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน แต่อยู่ที่ว่าจะตกลงแบ่งงานกันไว้อย่างไร”

สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง โอ๊คแนะนำว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง การจะเริ่มทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งควรศึกษาให้ดี และให้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบและรัก เพื่อจะได้ให้เวลากับมันอย่างเต็มที่และมีความสุขที่จะอยู่กับมัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น