xs
xsm
sm
md
lg

“มาดามมอนทัวร์” บินเดี่ยวเที่ยวคิวบา “กรุงฮาวานา” ดนตรี สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตที่ไม่เคยเปลี่ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>ต้องยอมรับว่าการที่ “มาดามมอนทัวร์” (MadameMonTour) เลือกมาเยือนกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ช่วงนี้นั้นไม่เกี่ยวข้องกับฉากหนึ่งของหนังเรื่อง “The Fast and Furious 8” ที่มาถ่ายทำในกรุงฮาวาน่าแต่อย่างใด จนเมื่อกลับมาเมืองไทยถึงได้เห็นทีเซอร์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ที่ฉากหนึ่งนักแสดงหนุ่ม “วิน ดีเซล” กำลังซิ่งไล่ล่ากันอยู่บนถนนกาเลียโน่ (Galiano Street) ถึงได้รู้ว่าโรงแรมลินคอล์นที่พักของมาดามที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้เป็นหนึ่งในฉากสำคัญ ที่วิ่งไปตัดกับถนนมาลีคอน (Malecon) เลียบชายฝั่งทะเลแคริบเบียนที่ยาวกว่า 8 กิโลเมตรนั่นเอง
ย่านชานเมืองใหม่ หรือ ลา ฮาบานา (La Habana) ติดกับทะเลแคริบเบียนด้านทิศเหนือของกรุงฮาวานา
สิ่งแรกที่กระตุ้นให้มาดามมอนทัวร์อยากจะมาเยือนประเทศคิวบาสักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ เสียงดนตรีสไตล์ละตินอเมริกัน ที่เรียกร้องอยู่ทุกอณูของร่างกาย ด้วยเพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบเสียงดนตรี ชนิดที่ว่าสามารถลุกขึ้นมาเต้นรำโดยไม่ต้องมีใครเชื้อเชิญเลยก็ได้
ย่านชานเมืองใหม่ หรือ ลา ฮาบานา (La Habana) เป็นศูนย์กลางของรัฐบาลคิวบา เป็นที่ตั้งของกระทรวงหลายแห่ง สำนักงานใหญ่ของธุรกิจ และหน่วยงานทางการทูตมากกว่า 90 แห่ง
ต่อมาคือเรื่องของศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมในคิวบาที่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปี สภาพดังกล่าวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญในแง่ของเศรษฐศาสตร์การเมืองคิวบาเองก็สามารถยืนหยัดและท้าทายจากการบอยคอตของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรอย่างไม่ยี่หระ จนสร้างความแปลกประหลาดใจแก่ใครหลายคน และดึงดูดให้นักเดินทางอยากจะมาสัมผัสให้เห็นกับตา

และนับจากนี้คือประสบการณ์จริงจากการเดินทางไปเยือนประเทศคิวบาคนเดียวของมาดามมอนทัวร์ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 6 เมษายน 2560 ที่จะมาถ่ายทอดให้อย่างน่าสนใจในหลายท่วงทำนองแห่งการเดินทาง

การเดินทางสู่ประเทศคิวบาของมาดามมอนทัวร์ เริ่มออกจากสนามบินจอห์น เอฟ.เคเนดี้ (JFK) ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันการเดินทางจากสหรัฐอเมริกามายังคิวบาง่ายกว่าแต่ก่อน เพราะมีเที่ยวบินตรงหลายสายการบินให้เลือก โดยไม่ต้องบินจากสหรัฐอเมริกา แล้วไปต่อเครื่องที่กรุงเม็กซิโกซิตี้เหมือนในอดีต เมื่อมาถึงสนามบินเจเอฟเค เทอร์มินอลที่ 6 ให้มองหาเคาน์เตอร์เช็กอินซึ่งแยกต่างหากออกมาจากเคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อไปยังประเทศอื่นๆ สังเกตได้จากป้าย

การเดินทางมาเยือนคิวบาของมาดามมอนทัวร์ครั้งนี้ เลือกใช้บริการสายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของสหรัฐอเมริกา เป็นสายการบินลูกของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ ราคาตั๋วเครื่องบินที่มาดามมอนทัวร์จองมาครั้งนี้ไปกลับ อยู่ที่ประมาณ 9,500 บาท โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์เช็กอินเจ้าหน้าที่จะขอดูหนังสือเดินทาง จากนั้นจะให้กรอกวีซ่าแบบชั่วคราวโดยที่จะไม่ประทับตราลงในหนังสือเดินทางเรา

เมื่อกรอกวีซ่าแบบชั่วคราวเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะให้ชำระเงินค่าวีซ่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,800 บาท โดยจะไม่ประทับตราลงในหนังสือเดินทางเรา พร้อมกับจ่ายน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเติมสำหรับใครที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และไม่ได้ระบุไว้ตอนที่จองตั๋วเครื่องบินทางอินเทอร์เน็ต

ควรอ่านรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติตัวขณะเดินทางเข้าประเทศคิวบา จริงๆ ถ้าจะให้ดีควรเดินทางมาถึงสนามบินก่อนออกเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจะเป็นการดี เพราะเผื่อเวลาต่อเข้าแถวเพื่อผ่านด่านตรวจคนออกนอกเมือง ซึ่งปัจจุบันสนามบินเกือบทุกแห่งในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเข้มงวดเป็นพิเศษกว่าแต่ก่อน จะได้ไม่ต้องวิ่งหน้าตั้งเพื่อไปขึ้นเครื่อง

จริงๆ แล้วถ้าใครบินจากไมอามีมายังประเทศคิวบาจะใกล้มาก เพียงแค่ 1.20 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว แต่ครั้งนี้มาดามมอนทัวร์บินจากนิวยอร์กจึงเวลาในการเดินทางประมาณ 3.40 ชั่วโมง โดยเริ่มออกเดินทางจากสนามบินเจเอฟเค เวลา 09.10 น. ภาพที่เห็นอยู่เบื้องล่างคือเกาะแก่งต่างๆ ท่ามกลางน้ำทะเลสีครามที่ห่างออกมาจากไมอามี

สายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) พามาดามมอนทัวร์เดินทางจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มาถึงสนามบินนานาชาติโคเซ่ มาร์ติ ในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เกือบเวลา 13.00 น. ซึ่งเป็นสนามบินเล็กๆ แต่ทราฟฟิกก็คับคั่งไม่น้อย

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติโคเซ่ มาร์ติ ในกรุงฮาวานา ของประเทศคิวบา แล้วหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จะให้วีซ่าเราติดตัวไว้จนกว่าจะนำมาคืนตอนเดินทางกลับ แต่เมื่อออกมาแล้วก็ต้องมองหาเคาน์เตอร์ Currency Exchange ทันที เพราะจะต้องแลกเงินเพื่อใช้จ่ายภายในประเทศคิวบา

มาดามมอนทัวร์ใช้เวลาในการรอคิวจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก เพราะไม่รู้เจ้าหน้าที่มัวนั่งแคะขี้มูกอยู่หรือเปล่า ถึงได้ปล่อยให้คิวยาวเหยียดขนาดนี้ จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงจะได้แลกคิว และภายในสนามบินมีเคาน์เตอร์ให้แลกประมาณ 2-3 จุดเท่านั้นเอง ส่วนการนำเงินมาแลกเป็นเงินสกุลเปโซ หรือ คุก (CUC - Cuban Convertible Peso) แนะนำให้นำเงินสกุลยูโรมาแลก เพราะจะได้เรตดีกว่าเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสองประเทศนี้ ก็ยังไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ 1 ยูโร เท่ากับ 1 คุก (CUC)

เมื่อแลกเงินได้แล้ว ถ้าเดินทางมาประเทศคิวบาเองคนเดียวก็ต้องหารถจากสนามบินเข้ามายังตัวเมืองฮาวานาเอง ซึ่งห่างกันประมาณ 24 กิโลเมตร โดยมาดามมอนทัวร์เลือกใช้บริการแท็กซี่ซึ่งแพงน่าดู ประมาณ 30 คุก หรือราว 1,200 บาท โอ้วววว แม่เจ้าาาาาา

รถแท็กซี่มาส่งที่หน้าโรงแรมลินคอล์น ซึ่งมาดามมอนทัวร์ได้จองผ่านเว็บไซต์ www.galahotels.com เข้าไว้ คืนละประมาณ 1,300 บาท ซึ่งแนะนำว่าถ้าจะจองโรงแรมผ่านอินเทอร์เน็ตแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าหน่อย ไม่อย่างนั้นจะพบกับเหตุการณ์ห้องเต็ม เนื่องจากประเทศคิวบาปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก บรรยากาศภายนอกโรงแรมดูดี แต่ภายในค่อนข้างเก่าและเยินเล็กน้อยไม่สมกับชื่อโรงแรมเลย คืนแรกจึงขอนอนพักที่นี่ก่อน เพราะยังไม่เคยมาฮาวานามาก่อนจึงยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน จึงขอตั้งหลักที่โรงแรมนี้ไปก่อน
อาหารเช้าของโรงแรมลินคอล์น ในเขตย่านชานเมืองใหม่ของฮาวานา อาหารในคิวบาค่อนข้างมีการผสมผสานระหว่างยุโรปกับท้องถิ่น
รุ่งสายมาดามมอนทัวร์ออกเดินสำรวจเมืองในย่านชานเมืองใหม่ของกรุงฮาวานา เสน่ห์ที่เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาสัมผัสนั่นคือ ตัวอาคารเก่าๆ ที่ยังคงความคลาสสิก
โรงแรมลินคอล์นตั้งอยู่บนถนนกาเลียโน่ (Galiano Street) ที่ใช้ถ่ายหนังเรื่อง The Fast and Furious 8 นั่นเอง เมื่อเดินออกจากโรงแรมแล้วเลี้ยวขวาจะพบกับตลาดนัดที่จำหน่ายของพื้นเมือง ภายในอาคารหลังเก่า คล้ายกับย่านประตูน้ำของไทยเรานั่นเอง
ภาพของ “หมอเช” วีรบุรุษของชาวละตินอเมริกามีให้เห็นอยู่ทุกหนแห่ง รวมถึงเสื้อทีเชิ้ต
ตุ๊กตาที่แสดงให้ถึงความหลากหลายของเชื้อชาติ
ภาพวาดของ “หมอเช” ที่เราคุ้นเคย
ตลาดนัดแห่งนี้จำหน่ายของพื้นเมืองหลากหลาย ผู้คนก็เป็นมิตรดีมาก ยิ้มแย้มและชอบทักทาย
นอกจากภาพหมอเชที่เราคุ้นเคยแล้ว ก็ยังมีภาพของรถคลาสสิกที่มีให้เห็นอยู่ดาษดื่นในประเทศคิวบา หรือภาพวิถีชีวิตของผู้คนชาวคิวบาที่เกี่ยวข้องกับดนตรีเสมอ
เมื่อเดินออกมาจากตลาดนัด ก็จะพบกับบ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในตัวอาคารหลังเก่าที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงสภาพดังเดิม
ร้านขายเบอร์เกอร์เล็กๆ ถ้าหิวก็แวะซื้อได้ไม่ยาก แต่ราคาค่อนข้างแพง ชิ้นละประมาณ 80 บาทเห็นจะได้ สำหรับนักท่องเที่ยว
ชาวบ้านออกมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงสายๆ ถ้าใครไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถแท็กซี่สามล้อได้ ราคาประมาณ 2 คุก หรือ 80 บาท
เดินทางมายังพิพิธภัณฑ์หลังเก่า ก็จะพบกับภาพการไว้อาลัยถึงการจากไปของ “ฟิเดล คาสโตร” นักปฏิวัติและอดีตผู้นำประเทศที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้
ไม่ว่าจะไปที่ไหนในโลกก็จะมีย่านชุมชนชาวจีน ซึ่งวันนี้มีการเต้นรำแบบชาวจีนเพื่อโชว์ให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาได้ชมกัน
หลังจากทนพักอยู่ในโรงแรมลินคอล์นที่ภายในเก่าและเยินไม่ไหว มาดามมอนทัวร์ก็ต้องเดินออกไปหาที่พักใหม่ ซึ่งที่นี่ใหม่กว่าและราคาดีกว่า แต่เป็นแบบ Hostal ราคา 25 คุก หรือ 950 บาท
บรรยากาศภายใน Hostal ชื่อ Carlos Rico ดูดีแถมราคาย่อมเยา ตั้งอยู่บนถนนซาน ลาซาโร่ (San Lazaro Street) ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมลินคอล์นมากนัก
ห้องครัวซึ่งผู้มาเยือนสามารถใช้บริการได้ มีทั้งจาน ชาม กาน้ำร้อน กระทะ หม้อต้ม และอุปกรณ์สำหรับทำครัวทุกชนิด

หลายคนที่มากรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ครั้งแรกเชื่อว่าจะต้องพะว้าพะวงกับเรื่องที่พักว่าจะสามารถมีรองรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างเราหรือไม่ เมื่อมาดามมอนทัวร์มาเดินเล่นจนเกือบทั่วเมืองแล้ว ทำให้มั่นใจว่าเมื่อเดินทางมาที่นี่ ไม่จำเป็นต้องพักในโรงแรมใหญ่ๆ ก็ได้ เพราะราคาแพงมาก ตั้งแต่ 2,000-30,000 บาท แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแบบ Budget สามารถมองหาสัญลักษณ์สมอเรือแล้วก็เดินเข้าไปถามได้เลยว่ามีห้องว่างให้พักหรือเปล่า หรือจะเลือกแบบ Home Stay ที่พักและอยู่กินกับเจ้าของบ้านเลยก็มี ซึ่งสัญลักษณ์สมอเรือนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วเมือง ไม่ต้องกังวล

จาก Hostal ที่พักบนถนนซา ลาซาโร่ (San Lazaro Street) มาดามมอนทัวร์เดินออกมาสูดอากาศบนถนนมาเลคอน (Malecon) เรียบชายฝั่งทะเลแคริบเบียน ซึ่งตรงแยกนี้เอง มาดามเพิ่งรู้ว่าอยู่ในฉากหนึ่งของหนังเรื่อง “The Fast and Furious 8″ ด้วย

ประติมากรรมตั้งอยู่อย่างโดดเด่น เยื้องกับโรงแรมเวเลบูเอ เดียอูบิลเล (Bellevue Deauville Hotel) สีฟ้าครามโดดเด่นราวกับสีของท้องทะเลแคริบเบียน

ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็จะพบกับสภาพตัวอาคารหลังเก่าที่มีรถยนต์คลาสสิกมาอิงแอบหรือวิ่งผ่านอยู่เสมอ ยิ่งเป็นถนนเลียบฝั่งทะเลแคริบเบียนด้วยแล้ว คลาสสิกไม่น้อย
โบสถ์บนถนนมาเลคอน
มาดามมอนทัวร์เดินไปเดินมาก็พบกับอาคารโบราณ เมื่อเดินเข้ามาภายในก็พบกับสตูดิโอศิลปะของศิลปิน “มานัน ซอนเก้” (Manan Sonye)
วันนี้โชคดีมาก ที่ได้มาเจอกับเจ้าของสตูดิโอ “คุณมานัน ซอนเก้” (Manan Sonye)
ผลงานที่นำมาแสดงภายในมานัน ซอนเก้ สตูดิโอ
เมื่อเดินไปตามถนนซาน ลาซาโร่ (San Lazaro Street) เรื่อยๆ ก็จะพบกับอาคารบ้านเรือนหลังเก่าที่มีให้เห็นตลอดเส้นทาง
อาคารหลังเก่าบนถนนซาน ลาซาโร่ (San Lazaro Street)
ช่างก่อสร้างกำลังขะมักเขม้นกับการทำงาน
อาคารหลังเก่ากับรถยนต์สุดคลาสสิกดูเหมือนจะเข้ากันดีในประเทศคิวบา
ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยฮาวานา ซึ่งอยู่ในย่านบาดาโด (Vadado)
มหาวิทยาลัยฮาวานา (หรือ Universidad de La Habana) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ.1728 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในคิวบา ปัจจุบันมีทั้งหมด 15 คณะ

กำลังโหลดความคิดเห็น