>>ต้องยอมรับว่าการที่ “มาดามมอนทัวร์” (MadameMonTour) เลือกมาเยือนกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ช่วงนี้นั้นไม่เกี่ยวข้องกับฉากหนึ่งของหนังเรื่อง “The Fast and Furious 8” ที่มาถ่ายทำในกรุงฮาวาน่าแต่อย่างใด จนเมื่อกลับมาเมืองไทยถึงได้เห็นทีเซอร์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ที่ฉากหนึ่งนักแสดงหนุ่ม “วิน ดีเซล” กำลังซิ่งไล่ล่ากันอยู่บนถนนกาเลียโน่ (Galiano Street) ถึงได้รู้ว่าโรงแรมลินคอล์นที่พักของมาดามที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้เป็นหนึ่งในฉากสำคัญ ที่วิ่งไปตัดกับถนนมาลีคอน (Malecon) เลียบชายฝั่งทะเลแคริบเบียนที่ยาวกว่า 8 กิโลเมตรนั่นเอง
สิ่งแรกที่กระตุ้นให้มาดามมอนทัวร์อยากจะมาเยือนประเทศคิวบาสักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ เสียงดนตรีสไตล์ละตินอเมริกัน ที่เรียกร้องอยู่ทุกอณูของร่างกาย ด้วยเพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบเสียงดนตรี ชนิดที่ว่าสามารถลุกขึ้นมาเต้นรำโดยไม่ต้องมีใครเชื้อเชิญเลยก็ได้
ต่อมาคือเรื่องของศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมในคิวบาที่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปี สภาพดังกล่าวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญในแง่ของเศรษฐศาสตร์การเมืองคิวบาเองก็สามารถยืนหยัดและท้าทายจากการบอยคอตของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรอย่างไม่ยี่หระ จนสร้างความแปลกประหลาดใจแก่ใครหลายคน และดึงดูดให้นักเดินทางอยากจะมาสัมผัสให้เห็นกับตา
และนับจากนี้คือประสบการณ์จริงจากการเดินทางไปเยือนประเทศคิวบาคนเดียวของมาดามมอนทัวร์ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 6 เมษายน 2560 ที่จะมาถ่ายทอดให้อย่างน่าสนใจในหลายท่วงทำนองแห่งการเดินทาง
การเดินทางสู่ประเทศคิวบาของมาดามมอนทัวร์ เริ่มออกจากสนามบินจอห์น เอฟ.เคเนดี้ (JFK) ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันการเดินทางจากสหรัฐอเมริกามายังคิวบาง่ายกว่าแต่ก่อน เพราะมีเที่ยวบินตรงหลายสายการบินให้เลือก โดยไม่ต้องบินจากสหรัฐอเมริกา แล้วไปต่อเครื่องที่กรุงเม็กซิโกซิตี้เหมือนในอดีต เมื่อมาถึงสนามบินเจเอฟเค เทอร์มินอลที่ 6 ให้มองหาเคาน์เตอร์เช็กอินซึ่งแยกต่างหากออกมาจากเคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อไปยังประเทศอื่นๆ สังเกตได้จากป้าย
การเดินทางมาเยือนคิวบาของมาดามมอนทัวร์ครั้งนี้ เลือกใช้บริการสายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของสหรัฐอเมริกา เป็นสายการบินลูกของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ ราคาตั๋วเครื่องบินที่มาดามมอนทัวร์จองมาครั้งนี้ไปกลับ อยู่ที่ประมาณ 9,500 บาท โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์เช็กอินเจ้าหน้าที่จะขอดูหนังสือเดินทาง จากนั้นจะให้กรอกวีซ่าแบบชั่วคราวโดยที่จะไม่ประทับตราลงในหนังสือเดินทางเรา
เมื่อกรอกวีซ่าแบบชั่วคราวเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะให้ชำระเงินค่าวีซ่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,800 บาท โดยจะไม่ประทับตราลงในหนังสือเดินทางเรา พร้อมกับจ่ายน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเติมสำหรับใครที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และไม่ได้ระบุไว้ตอนที่จองตั๋วเครื่องบินทางอินเทอร์เน็ต
ควรอ่านรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติตัวขณะเดินทางเข้าประเทศคิวบา จริงๆ ถ้าจะให้ดีควรเดินทางมาถึงสนามบินก่อนออกเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจะเป็นการดี เพราะเผื่อเวลาต่อเข้าแถวเพื่อผ่านด่านตรวจคนออกนอกเมือง ซึ่งปัจจุบันสนามบินเกือบทุกแห่งในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเข้มงวดเป็นพิเศษกว่าแต่ก่อน จะได้ไม่ต้องวิ่งหน้าตั้งเพื่อไปขึ้นเครื่อง
จริงๆ แล้วถ้าใครบินจากไมอามีมายังประเทศคิวบาจะใกล้มาก เพียงแค่ 1.20 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว แต่ครั้งนี้มาดามมอนทัวร์บินจากนิวยอร์กจึงเวลาในการเดินทางประมาณ 3.40 ชั่วโมง โดยเริ่มออกเดินทางจากสนามบินเจเอฟเค เวลา 09.10 น. ภาพที่เห็นอยู่เบื้องล่างคือเกาะแก่งต่างๆ ท่ามกลางน้ำทะเลสีครามที่ห่างออกมาจากไมอามี
สายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) พามาดามมอนทัวร์เดินทางจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มาถึงสนามบินนานาชาติโคเซ่ มาร์ติ ในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เกือบเวลา 13.00 น. ซึ่งเป็นสนามบินเล็กๆ แต่ทราฟฟิกก็คับคั่งไม่น้อย
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติโคเซ่ มาร์ติ ในกรุงฮาวานา ของประเทศคิวบา แล้วหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จะให้วีซ่าเราติดตัวไว้จนกว่าจะนำมาคืนตอนเดินทางกลับ แต่เมื่อออกมาแล้วก็ต้องมองหาเคาน์เตอร์ Currency Exchange ทันที เพราะจะต้องแลกเงินเพื่อใช้จ่ายภายในประเทศคิวบา
มาดามมอนทัวร์ใช้เวลาในการรอคิวจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก เพราะไม่รู้เจ้าหน้าที่มัวนั่งแคะขี้มูกอยู่หรือเปล่า ถึงได้ปล่อยให้คิวยาวเหยียดขนาดนี้ จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงจะได้แลกคิว และภายในสนามบินมีเคาน์เตอร์ให้แลกประมาณ 2-3 จุดเท่านั้นเอง ส่วนการนำเงินมาแลกเป็นเงินสกุลเปโซ หรือ คุก (CUC - Cuban Convertible Peso) แนะนำให้นำเงินสกุลยูโรมาแลก เพราะจะได้เรตดีกว่าเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสองประเทศนี้ ก็ยังไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ 1 ยูโร เท่ากับ 1 คุก (CUC)
เมื่อแลกเงินได้แล้ว ถ้าเดินทางมาประเทศคิวบาเองคนเดียวก็ต้องหารถจากสนามบินเข้ามายังตัวเมืองฮาวานาเอง ซึ่งห่างกันประมาณ 24 กิโลเมตร โดยมาดามมอนทัวร์เลือกใช้บริการแท็กซี่ซึ่งแพงน่าดู ประมาณ 30 คุก หรือราว 1,200 บาท โอ้วววว แม่เจ้าาาาาา
รถแท็กซี่มาส่งที่หน้าโรงแรมลินคอล์น ซึ่งมาดามมอนทัวร์ได้จองผ่านเว็บไซต์ www.galahotels.com เข้าไว้ คืนละประมาณ 1,300 บาท ซึ่งแนะนำว่าถ้าจะจองโรงแรมผ่านอินเทอร์เน็ตแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าหน่อย ไม่อย่างนั้นจะพบกับเหตุการณ์ห้องเต็ม เนื่องจากประเทศคิวบาปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก บรรยากาศภายนอกโรงแรมดูดี แต่ภายในค่อนข้างเก่าและเยินเล็กน้อยไม่สมกับชื่อโรงแรมเลย คืนแรกจึงขอนอนพักที่นี่ก่อน เพราะยังไม่เคยมาฮาวานามาก่อนจึงยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน จึงขอตั้งหลักที่โรงแรมนี้ไปก่อน
หลายคนที่มากรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ครั้งแรกเชื่อว่าจะต้องพะว้าพะวงกับเรื่องที่พักว่าจะสามารถมีรองรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างเราหรือไม่ เมื่อมาดามมอนทัวร์มาเดินเล่นจนเกือบทั่วเมืองแล้ว ทำให้มั่นใจว่าเมื่อเดินทางมาที่นี่ ไม่จำเป็นต้องพักในโรงแรมใหญ่ๆ ก็ได้ เพราะราคาแพงมาก ตั้งแต่ 2,000-30,000 บาท แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแบบ Budget สามารถมองหาสัญลักษณ์สมอเรือแล้วก็เดินเข้าไปถามได้เลยว่ามีห้องว่างให้พักหรือเปล่า หรือจะเลือกแบบ Home Stay ที่พักและอยู่กินกับเจ้าของบ้านเลยก็มี ซึ่งสัญลักษณ์สมอเรือนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วเมือง ไม่ต้องกังวล
จาก Hostal ที่พักบนถนนซา ลาซาโร่ (San Lazaro Street) มาดามมอนทัวร์เดินออกมาสูดอากาศบนถนนมาเลคอน (Malecon) เรียบชายฝั่งทะเลแคริบเบียน ซึ่งตรงแยกนี้เอง มาดามเพิ่งรู้ว่าอยู่ในฉากหนึ่งของหนังเรื่อง “The Fast and Furious 8″ ด้วย
ประติมากรรมตั้งอยู่อย่างโดดเด่น เยื้องกับโรงแรมเวเลบูเอ เดียอูบิลเล (Bellevue Deauville Hotel) สีฟ้าครามโดดเด่นราวกับสีของท้องทะเลแคริบเบียน
ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็จะพบกับสภาพตัวอาคารหลังเก่าที่มีรถยนต์คลาสสิกมาอิงแอบหรือวิ่งผ่านอยู่เสมอ ยิ่งเป็นถนนเลียบฝั่งทะเลแคริบเบียนด้วยแล้ว คลาสสิกไม่น้อย