>>สาวน้อยเจ้าของบุคลิกดูโฉบเฉี่ยว ปรากฏตัวในชุดดำชวนให้ค้นหา “เค้ก- ปริญา กิ่งรุ้งเพชร์” ผู้นี้ในวันจันทร์ถึงศุกร์ก็สนุกสนานกับการรับหน้าที่แบบสาวออฟฟิศในฝ่ายการตลาดของเอ็มโพเรียม เธอยังมีไฟแรงล้นเหลือมาสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยแท็กทีมกับเพื่อนรุ่นน้องสุดซี้ ปอนด์- หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา ทำแบรนด์เสื้อผ้า “HAATIYA” ไปด้วย
“ธุรกิจเสื้อผ้าไม่ใช่สิ่งที่คิดมาก่อนเลยนะคะว่าจะได้มีโอกาสมาทำ เพราะเค้กเองเรียนจบด้านไฟแนนซ์มา งานแรกที่ทำ คือ Corporate Finance แต่พอทำไปได้ 2 ปี เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเครียดมาก ทำงานกลับบ้านดึกตลอด สุดท้ายเลยลาออกแม้ว่าตอนนั้นจะได้รับโอกาสดีๆจากที่ทำงานให้สอบชิงทุนไปเรียนต่อ ทั้งที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกมาได้ครึ่งทางแล้วนะ แต่หลังจากทบทวนและถามตัวเองจนแน่ใจ คิดว่าเส้นทางที่จะไปต่อ ไม่ใช่ตัวเรา เลยตัดสินใจหักเหเส้นทางชีวิต”
หลังจากลาออกจากงานประจำ เค้กเลือกเดินทางไปเรียนต่อด้าน International Management ที่มหาวิทยาลัยบาธ ประเทศอังกฤษ และการมาเรียนที่นี่ ทำให้เธอได้ปอนด์ ที่วันนี้กลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคนสำคัญ
“ความจริงเขาเป็นรุ่นน้องที่คณะบัญชี จุฬาฯ แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกัน มาสนิทกันที่นี่แทน เพราะนอกจากจะเรียนด้วยกันแล้ว ไลฟ์สไตล์เรายังคล้ายกันมาก เราชอบเข้าคาเฟ่เหมือนกัน เวลาว่างเราจะนัดกันไปจิบชายามบ่าย ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นอาจจะไม่อิน และที่เหมือนกันมากอีกอย่าง จนเพื่อนๆชอบแซวว่าเราเป็นฝาแฝดคือ รสนิยมการแต่งตัว เราชอบแต่งตัวคุมโทนสีดำ ขาว เทา เบจ เหมือนกัน เสื้อผ้าก็ชอบแนวคล้ายๆกัน บางทีแต่งตัวคล้ายๆกันไม่พอ ซื้อเสื้อผ้ามาแบบเดียวกันแล้วใส่มาชนเลยก็มี”
หลังเรียนจบปริญญาโท กลับมาเมืองไทยเธอก็ได้ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน “เริ่มจากเค้กเห็นประกาศรับสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการด้านอาหารของเครือเดอะมอลล์ทางเว็บไซต์ เลยลองสมัครดู ปรากฏว่าเขากลับเรียกสัมภาษณ์เราในตำแหน่งด้านการตลาดของอ็มควอเทียร์แทน เค้กเดาว่า เขาคงดูจากเรซูเม่แล้วไม่ใช่กับตำแหน่งที่สมัคร (หัวเราะ) แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีค่ะ เพราะทำให้เค้กได้ลองมาสัมภาษณ์และเข้ามาทำงานที่เอ็มโพเรียมตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้”
หลังจากเริ่มงานประจำได้ไม่นาน เพื่อนรุ่นน้องคนสนิทก็เดินทางกลับมาเมืองไทย ทั้งคู่นัดเจอกันตามประสาเพื่อนสาว แต่ใครจะคิดว่า จากการนัดเจอกันธรรมดาจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมลงขันทำแบรนด์เสื้อผ้า
“วันนั้นเรานั่งคุยกันอยู่ ปอนด์จะเอ่ยปากชวนให้มาทำแบรนด์เสื้อผ้าด้วยกัน อย่างที่บอกว่าด้วยความที่เราค่อนข้างคอเดียวกันในหลายเรื่องๆพอเขาชวนแบบนี้เราก็ไม่คิดมาก คิดว่าน่าสนใจก็ตอบตกลงทันที จำได้ว่าหลังจากวันนั้นเราก็ไปชวนเพื่อนอีกคนที่เรียนที่อังกฤษด้วยกันมาร่วมหุ้น และใช้ชื่อเราสามคนเป็นชื่อแบรนด์ แต่พอตอนหลังเพื่อนคนนั้นไปเรียนต่อเลยถอนหุ้นออกไป”
ผ่านมา 3 ปีแล้ว กับบทบาทการทำงานประจำควบคู่กับการเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ เค้กบอกเล่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า สนุกกับทั้งสองทางที่เลือกเดิน
“เค้กโชคดีที่งานทั้งสองอย่างที่เราทำเกื้อหนุนกันมากๆ อย่างงานประจำของเค้ก ด้วยความที่เราทำงานห้าง ทำให้เราได้อยู่กับแฟชั่นตลอด ได้อัพเดตข้อมูลใหม่ๆ ได้เจอคนในวงการแฟชั่นมากมาย เราก็สามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจหรือปรับใช้ในการทำแบรนด์ได้ ในส่วนของแบรนด์ ด้วยความที่คอนเซ็ปเราคือ ทำเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงที่จะใส่ออกงานก็ดูดี ใส่ในชีวิตประจำวันก็ไม่รู้สึกเยอะไป ที่สำคัญแพทเทิร์น และคัตติ้งเนี๊ยบไม่แพ้ใคร แต่อยู่ในราคาที่จับต้องได้ ทำให้เวลาที่เค้กหรือปอนด์ต้องออกงาน เราไม่ต้องปวดหัวเรื่องการหาชุด แถมยังได้โปรโมตแบรนด์ไปในตัวด้วย เพราะเวลาใส่ออกงาน เพื่อนๆหรือคนรู้จักก็ชอบทักว่าใส่แบรนด์อะไร เราก็จะตอบด้วยความภูมิใจว่า ของแบรนด์“HAATIYA”ซึ่งเป็นแบรนด์เราเอง”
เค้กเล่าถึงเบื้องหลังการทำงานอย่างออกรสว่า แรงบันดาลใจในการออกแบบทุกคอลเลกชั่นว่า ล้วนมาจากไอเดียของเค้ก และปอนด์ สองสาวนักบัญชีที่วาดรูปไม่เป็นสักนิด อาศัยว่าเคยเทกคอร์สวาดรูปช่วงสั้นๆ พอติดอาวุธความรู้ให้มีไอเดียไปคุยกับช่างได้ “เราพยายามใส่ความชอบและคาแร็กเตอร์ของแบรนด์เราซึ่งมาจากเค้กและปอนด์ลงไปให้ชัด การทำธุรกิจของคู่เราอาจจะสวนทางกับคนอื่นๆ ตรงที่เราไม่มีพื้นฐานด้านแฟชั่นมาก่อนแล้ว ทำเพราะใจรัก ขณะที่บางแบรนด์มาจากสายอาร์ต สายแฟชั่น แต่ปวดหัวกับเรื่องตัวเลข บัญชี ขณะที่คู่เราคลุกคลีกับตัวเลขมาจนชิน เพราะฉะนั้นเรื่องตัวเลขสบายมาก แค่เปิดโปรแกรมexcel มาก็จัดการได้แบบสบายๆ เลยค่ะ”
กับการเติบโตของแบรนด์ เค้กมองว่า นับตั้งแต่เปิดตัวมาแบรนด์ได้รับการตอบรับค่อนข้างน่าพอใจ เริ่มต้นแบบค่อยๆโต จากแบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์โนเนมที่มาในยุคบุกเบิกจนถึงวันนี้กลายเป็นแบรนด์ที่เป็นลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ถึงขั้นไปออกร้านที่ต่างประเทศมาแล้ว
ส่วนการรับมือกับปัญหายอดฮิต เวลาเจอขโมยไอเดีย เจ้าของแบรนด์คนเก่งตอบอย่างน่าสนใจว่า ไม่ซีเรียสเลย เพราะเธอเชื่อว่า กลุ่มลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน ที่สำคัญของเลียนแบบ อาจจะทำแพทเทิร์นให้เหมือนหรือคล้ายได้ แต่เรื่องคุณภาพ และคัตติ้งที่พิถีพิถันนั้นเลียนแบบกันไม่ได้แน่นอน
“เค้กเฉยๆนะคะเวลาเห็นของก็อปแบรนด์เรา เค้กว่าเราไม่จำเป็นต้องไปปวดหัวหรือเก็บมาใส่ใจ เพราะโลกแฟชั่นหมุนไว รอไม่นานคอลเลกชั่นใหม่ก็มาอีกแล้ว ที่สำคัญเรามั่นใจเรื่องคุณภาพตั้งแต่เนื้อผ้า การตัดเย็บที่ดีเยี่ยมของแบรนด์เรา ทุกคอลเลกชั่นที่ออกมา ทั้งปอนด์และเค้กต้องลองใส่เองก่อน เมื่อไหร่ที่เราใส่แล้วรู้สึกมั่นใจและรู้สึกสวยถึงจะเรียกว่าผ่าน”
เธอบอกว่า ด้วยความที่ทุกคอลเลกชั่นของแบรนด์มีดีเอ็นเอที่สะท้อนจากคาแร็กเตอร์ของเจ้าของแบรนด์จริงๆ ทำให้พื้นที่เกือบทั้งหมดในตู้เสื้อผ้าของสองสาวทุกวันนี้แทบจะอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าของแบรนด์ตัวเอง
“หยิบมาใส่แทบจะทุกวัน ยกเว้นวันที่ต้องการลุคแบบแคชชวลจริงๆ อย่างเสื้อยืดซึ่งแบรนด์เราไม่มี (หัวเราะ) ถึงจะได้ใส่ชุดที่ไม่ใช่ของแบรนด์ตัวเอง” เค้กบอกเล่าอย่างอารมณ์ดีพร้อมเผยถึงแฟนการในอนาคตที่เธอวางไว้ว่า “ณ ตอนนี้ เค้กยังไม่เคยคิดจะเลิกทำงานประจำ แล้วมาลุยธุรกิจอย่างเดียวค่ะ เพราะเค้กมองว่าในขณะที่ธุรกิจนี้เป็นงานอดิเรกที่เรารัก ช่วยเติมเต็มแพชชั่นที่เรามี ส่วนงานประจำที่ทำอยู่ เค้กมองว่าเป็นการพาตัวเองไปเปิดประสบการณ์และการเรียนรู้ใหม่ๆ เหมือนกำลังเรียนปริญญาเอกอีกใบ ที่เค้กต้องเรียนให้จบ” สาวเก่งเจ้าของมุมมองความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เกินวัยกล่าวทิ้งท้าย