>>เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในสังคม จนทุกคนสนใจแต่การสื่อสารออนไลน์จากสมาร์ทโฟนของตัวเอง ที่เรียกว่า “สังคมก้มหน้า” โดยเฉพาะ คนรุ่นใหม่ที่ต้องเล่นเฟสบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม จนผู้ใหญ่หลายคนตามไม่ทัน วันนี้ลองมาฟังหลากหลายความคิดเห็นของเหล่าเซเลบริตีรุ่นใหญ่กันว่า คิดอย่างไรต่อพฤติกรรมของเซเลบรุ่นเด็ก กับกรณีการออกงานสังคมในสมัยนี้

เริ่มที่ เซเลบสาวที่ยังสวยไม่สร่าง “วี มาร์” ผู้ที่ได้รับเชิญให้ออกงานสังคมอย่างสม่ำเสมอ กล่าวว่า “อย่ามองว่าผู้อาวุโสที่ไม่สนใจไอทีนั้นล้าสมัย สอนยาก เผลอๆ บางคนถึงกับคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่น อวดตัวว่าเก่ง คิดว่าไอทีเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เซเลบรุ่นเดอะตามไม่ทัน ดูถูกคนรุ่นเก่าที่เล่นไม่เป็นว่าด้อยปัญญา
เด็กรุ่นใหม่บางคนก็ไม่น่ารัก ไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ อะไรที่ควรหลีกเลี่ยงแล้วจะดีก็ไม่หลีกเลี่ยง จึงอยากที่จะชี้แนะเด็กรุ่นใหม่ยุคไอทีให้มีสัมมาคารวะ สมัยก่อนรุ่นเด็กจะเคารพรุ่นใหญ่มากกว่านี้
เวลาออกงานสังคมบางทีก็จะไม่รู้จักมารยาททางสังคม ไม่สนใจว่าการออกงานต้องแต่งตัวตามธีมงานเพื่อให้เกียรติเจ้าของงาน และระหว่างที่อยู่ในงานก็ไม่สนใจว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ เช่น ในงานสัมมนาก็ไม่สนใจฟังมัวแต่ห่วงเล่นมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นมารยาทที่แย่มาก”

จากนั้นเจ้าของทรงผมซอยสั้นแสนเก๋ “ยาจิตร ยุวบูรณ์” แสดงความเห็นว่า “รู้สึกว่าอยู่คนละโซนกับคนรุ่นใหม่ไปโดยปริยาย เพราะเขาเห็นว่าเราเป็นผู้สูงวัยต้องโลว์เทค ซึ่งจริงๆ แล้วอิทธิพลของไอทีไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่การที่คนมัวแต่สนใจจนอาจหลงลืมวัฒนธรรมเดิมๆ ของไทยไป อย่างเช่น การไหว้ การพูดคุยกับคนรอบข้าง จนทำให้มิตรสัมพันธ์ขาดหายไป ขาดความอบอุ่น สังคมไม่น่าอยู่ รู้สึกสิ่งที่ตนเองได้รับมาตอนเป็นวัยรุ่นนั้นน่ารักกว่านี้ อยากให้ทุกคนคงความเป็นคนไทยไว้ เพราะเป็นเอกลักษณ์ที่ลบเลือนไม่ได้
เคยครั้งหนึ่งเพื่อนแนะนำหลานให้รู้จัก ตนจึงเตรียมรับไหว้แต่ก็เก้อเพราะเด็กแค่ผงกหัวทักทาย เพราะคิดว่าเป็นกิริยาสากล ตนจึงเหมือนยกมือไหว้เด็ก แต่ก็รู้สึกดีใจที่ลูกหลานตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าจะกล่าวถึงสุภาษิตที่ว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าให้แน่ๆ ต้องดูไปถึงยาย” นั้นใช้ได้เลยทีเดียว
บางทียังเคยคิดเล่นๆ ว่า เราควรถอยหลังเข้าสู่มุมของเรามากว่าที่จะเข้าไปรับสิ่งใหม่ๆ แต่เมื่อเรายังอยู่ในสังคมที่มีคนหลายรุ่น จึงอยากให้ช่วยกันตักเตือนเด็กรุ่นใหม่ และเมื่อนั่งโต๊ะรับประทานอาหารให้พึงระลึกถึงมารยาทบนโต๊ะอาหารกันบ้าง เพราะการที่เราวุ่นวายกับการถ่ายภาพอาหารเพื่อนำไปโพสอวดกันนั้นดูไม่งาม อีกทั้งในงานประชุมสัมมนา บางคนจะไม่สนใจฟัง ถ้าไม่คุยกันก็จะเล่นแต่โทรศัพท์มือถือ ดังนั้น ควรให้ความเคารพกับผู้ที่ร่วมในกิจกรรมของคุณด้วย”

ลองฟังทัศนคติจาก “ดร.ศิรินา โชควัฒนา ปวโรฬารวิทยา” ที่มีต่อเซเลบรุ่นใหม่ดูบ้างว่า “ส่วนตัวแล้วรับได้กับพฤติกรรมที่ดูเหมือนว่าจะไม่เรียบร้อย แต่ก็เพราะเขามีความเป็นตัวของตัวเอง สวย ใจกล้ากว่ารุ่นเก่าเยอะ ห่วงแต่รุ่นเด็กๆ ที่ปัจจุบันจะสมัยใหม่เกินไป ความน่ารักและวัฒนธรรมไทยเลยดูจะหมดไป อย่างไรก็ตาม ควรจิตใจดี มีคุณธรรม เพราะความใจกล้ากับจิตใจที่ดี เมื่อทำอะไรแล้วก็จะประสบความสำเร็จได้เร็ว นับว่าเป็นจุดดี
คิดว่าเซเลบรุ่นใหม่น่ารัก ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนที่ไปลามาไหว้ กล้าพูดกล้าแสดงออกและมีโอกาสในการทำงานมากกว่า เนื่องจากสังคมเปิดกว้างขึ้น ความเป็นเซเลบจริงๆ แล้วต้องมีมารยาท มีการศึกษา มีกาลเทศะ แต่ผู้ใหญ่ก็ควรที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย เป็นห่วงว่าต่อไปอีกสัก 20-30 ปี ความเป็นไทยจะหมดไป เพราะเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นอินเตอร์เนชันแนลกันหมด เรียนก็เรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ”

มาถึงเซเลบสาวเปรี้ยวในอดีต “ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา” หรือ ดร.ปาริเซียง (ปาริชาติ) คุณแม่ของ “โอบอุ้ม-รัสรินทร์” มองว่า เซเลบรุ่นใหม่จะเต็มที่กับการแต่งตัวมากๆ แบบเว้าหน้าเว้าหลัง แต่สมัยเป็นวัยรุ่นตัวเองก็เป็นแบบนี้ ชอบแต่งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้าเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดมากๆ ตอนนี้จึงได้แต่ค้อนเล็กๆ
เพราะความที่เคยเป็นเธอจึงคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ชอบโชว์ของ โชว์ออฟว่าตัวเองมีอะไรดีกว่า เด่นกว่า ก็เอาออกมาโชว์ อย่าง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าราคาแพง มาถึงสมัยนี้อายุมากขึ้นตนเองก็หันมาใช้ของไทยมากขึ้น อย่างกระเป๋าก็ใช้ของ จิม ทอมป์สัน ใช้ของมูลนิธิสายใจไทย เสื้อผ้าก็เปลี่ยนจากเดรสสุดหรูมาเป็นผ้าซิ่นแทน
พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “เซเลบสมัยนี้มีจริตใส่กันเยอะกว่าสมัยก่อน แถมยังไหว้กันไม่ค่อยเป็น ไม่ค่อยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่”

ด้านเซเลบสาวที่ห่างหายจากแวดวงสังคม “นงนุช นามวงศ์” กล่าวว่า “เซเลบรุ่นใหม่ๆ หลายคนที่เคยร่วมงานด้วยจะหน้าตาสวย บุคลิกดี มีความรู้ดี เรียกว่าไม่มีที่ติ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้รับการสอนจากเจ้าป้า (เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวสังคมตัวจริง คือการแต่งตัวให้เหมาะกับงานที่เราจะไป เป็นการให้เกียรติเจ้าของงาน ทุกวันนี้พี่นุชเองยังถือเรื่องนี้ปฏิบัติ ส่วนเรื่องมารยาทและการแสดงออก ด้วยสังคมที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เด็กรุ่นใหม่มองข้ามสิ่งนี้ไปบ้าง หากหันมาให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น ก็น่าจะทำให้สิ่งที่ดูดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ”

ปิดท้ายที่หนุ่มคนเดียวที่พูดคุยถึงประเด็นนี้ “พอล-วสวัตติ์ วัฒนาศิริสมบัติ” แม้เขาจะอยู่ในยุคกลางๆ ที่คอมพิวเตอร์และไอทีมีส่วนสำคัญในชีวิตแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นห่วงเด็กรุ่นหลัง
“การเป็นเซเลบจะอิงกับสื่อออนไลน์มากๆ และใช้สื่อสารกับคนทั่วไปก็ไม่ใช่ความผิด แต่ต้องดูว่าถูกกาลเทศะหรือป่าว อย่ามองว่าใครไม่ใช้การสื่อสารทางไอทีถือว่าตกยุค นอกจากนี้ เซเลบรุ่นเด็กต้องให้เกียรติรุ่นพี่ๆ และควรมีมารยาทในสังคมมากกว่านี้
การแต่งตัวออกงานก็ควรจะให้ความสำคัญกับธีมงาน ให้เกียรติเจ้าภาพ สนใจทักทายคนรู้จัก รู้สึกรับไม่ได้กับคนที่ให้ความสำคัญกับเฟสบุ๊ก จนไม่สนใจงานที่มาร่วม อย่างเช่น พอเจอกันก็วิ่งเข้ามาขอถ่ายรูปเพื่อนำไปอัปในไอจีหรือเฟสบุ๊ก เพื่ออวดในโลกของโซเชียล โดยที่ไม่สนใจว่าเป็นงานอะไร ส่วนตัวคิดว่าตลกดี”
จึงอยากฝากข้อคิดมาถึงคนรุ่นใหม่ไว้ว่า หากคุณเป็นคนที่สังคมให้ความสำคัญ คุณควรใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ควรคิดหรือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างเช่น ถ้าเป็นงานแชริตี้ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ควรให้ความร่วมมือ ช่วยกันกระจายข่าว ใช้ไอทีที่ตนเองสนใจให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้สังคมโดยรวมน่าอยู่ยิ่งขึ้น
เริ่มที่ เซเลบสาวที่ยังสวยไม่สร่าง “วี มาร์” ผู้ที่ได้รับเชิญให้ออกงานสังคมอย่างสม่ำเสมอ กล่าวว่า “อย่ามองว่าผู้อาวุโสที่ไม่สนใจไอทีนั้นล้าสมัย สอนยาก เผลอๆ บางคนถึงกับคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่น อวดตัวว่าเก่ง คิดว่าไอทีเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เซเลบรุ่นเดอะตามไม่ทัน ดูถูกคนรุ่นเก่าที่เล่นไม่เป็นว่าด้อยปัญญา
เด็กรุ่นใหม่บางคนก็ไม่น่ารัก ไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ อะไรที่ควรหลีกเลี่ยงแล้วจะดีก็ไม่หลีกเลี่ยง จึงอยากที่จะชี้แนะเด็กรุ่นใหม่ยุคไอทีให้มีสัมมาคารวะ สมัยก่อนรุ่นเด็กจะเคารพรุ่นใหญ่มากกว่านี้
เวลาออกงานสังคมบางทีก็จะไม่รู้จักมารยาททางสังคม ไม่สนใจว่าการออกงานต้องแต่งตัวตามธีมงานเพื่อให้เกียรติเจ้าของงาน และระหว่างที่อยู่ในงานก็ไม่สนใจว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ เช่น ในงานสัมมนาก็ไม่สนใจฟังมัวแต่ห่วงเล่นมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นมารยาทที่แย่มาก”
จากนั้นเจ้าของทรงผมซอยสั้นแสนเก๋ “ยาจิตร ยุวบูรณ์” แสดงความเห็นว่า “รู้สึกว่าอยู่คนละโซนกับคนรุ่นใหม่ไปโดยปริยาย เพราะเขาเห็นว่าเราเป็นผู้สูงวัยต้องโลว์เทค ซึ่งจริงๆ แล้วอิทธิพลของไอทีไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่การที่คนมัวแต่สนใจจนอาจหลงลืมวัฒนธรรมเดิมๆ ของไทยไป อย่างเช่น การไหว้ การพูดคุยกับคนรอบข้าง จนทำให้มิตรสัมพันธ์ขาดหายไป ขาดความอบอุ่น สังคมไม่น่าอยู่ รู้สึกสิ่งที่ตนเองได้รับมาตอนเป็นวัยรุ่นนั้นน่ารักกว่านี้ อยากให้ทุกคนคงความเป็นคนไทยไว้ เพราะเป็นเอกลักษณ์ที่ลบเลือนไม่ได้
เคยครั้งหนึ่งเพื่อนแนะนำหลานให้รู้จัก ตนจึงเตรียมรับไหว้แต่ก็เก้อเพราะเด็กแค่ผงกหัวทักทาย เพราะคิดว่าเป็นกิริยาสากล ตนจึงเหมือนยกมือไหว้เด็ก แต่ก็รู้สึกดีใจที่ลูกหลานตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าจะกล่าวถึงสุภาษิตที่ว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าให้แน่ๆ ต้องดูไปถึงยาย” นั้นใช้ได้เลยทีเดียว
บางทียังเคยคิดเล่นๆ ว่า เราควรถอยหลังเข้าสู่มุมของเรามากว่าที่จะเข้าไปรับสิ่งใหม่ๆ แต่เมื่อเรายังอยู่ในสังคมที่มีคนหลายรุ่น จึงอยากให้ช่วยกันตักเตือนเด็กรุ่นใหม่ และเมื่อนั่งโต๊ะรับประทานอาหารให้พึงระลึกถึงมารยาทบนโต๊ะอาหารกันบ้าง เพราะการที่เราวุ่นวายกับการถ่ายภาพอาหารเพื่อนำไปโพสอวดกันนั้นดูไม่งาม อีกทั้งในงานประชุมสัมมนา บางคนจะไม่สนใจฟัง ถ้าไม่คุยกันก็จะเล่นแต่โทรศัพท์มือถือ ดังนั้น ควรให้ความเคารพกับผู้ที่ร่วมในกิจกรรมของคุณด้วย”
ลองฟังทัศนคติจาก “ดร.ศิรินา โชควัฒนา ปวโรฬารวิทยา” ที่มีต่อเซเลบรุ่นใหม่ดูบ้างว่า “ส่วนตัวแล้วรับได้กับพฤติกรรมที่ดูเหมือนว่าจะไม่เรียบร้อย แต่ก็เพราะเขามีความเป็นตัวของตัวเอง สวย ใจกล้ากว่ารุ่นเก่าเยอะ ห่วงแต่รุ่นเด็กๆ ที่ปัจจุบันจะสมัยใหม่เกินไป ความน่ารักและวัฒนธรรมไทยเลยดูจะหมดไป อย่างไรก็ตาม ควรจิตใจดี มีคุณธรรม เพราะความใจกล้ากับจิตใจที่ดี เมื่อทำอะไรแล้วก็จะประสบความสำเร็จได้เร็ว นับว่าเป็นจุดดี
คิดว่าเซเลบรุ่นใหม่น่ารัก ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนที่ไปลามาไหว้ กล้าพูดกล้าแสดงออกและมีโอกาสในการทำงานมากกว่า เนื่องจากสังคมเปิดกว้างขึ้น ความเป็นเซเลบจริงๆ แล้วต้องมีมารยาท มีการศึกษา มีกาลเทศะ แต่ผู้ใหญ่ก็ควรที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย เป็นห่วงว่าต่อไปอีกสัก 20-30 ปี ความเป็นไทยจะหมดไป เพราะเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นอินเตอร์เนชันแนลกันหมด เรียนก็เรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ”
มาถึงเซเลบสาวเปรี้ยวในอดีต “ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา” หรือ ดร.ปาริเซียง (ปาริชาติ) คุณแม่ของ “โอบอุ้ม-รัสรินทร์” มองว่า เซเลบรุ่นใหม่จะเต็มที่กับการแต่งตัวมากๆ แบบเว้าหน้าเว้าหลัง แต่สมัยเป็นวัยรุ่นตัวเองก็เป็นแบบนี้ ชอบแต่งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้าเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดมากๆ ตอนนี้จึงได้แต่ค้อนเล็กๆ
เพราะความที่เคยเป็นเธอจึงคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ชอบโชว์ของ โชว์ออฟว่าตัวเองมีอะไรดีกว่า เด่นกว่า ก็เอาออกมาโชว์ อย่าง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าราคาแพง มาถึงสมัยนี้อายุมากขึ้นตนเองก็หันมาใช้ของไทยมากขึ้น อย่างกระเป๋าก็ใช้ของ จิม ทอมป์สัน ใช้ของมูลนิธิสายใจไทย เสื้อผ้าก็เปลี่ยนจากเดรสสุดหรูมาเป็นผ้าซิ่นแทน
พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “เซเลบสมัยนี้มีจริตใส่กันเยอะกว่าสมัยก่อน แถมยังไหว้กันไม่ค่อยเป็น ไม่ค่อยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่”
ด้านเซเลบสาวที่ห่างหายจากแวดวงสังคม “นงนุช นามวงศ์” กล่าวว่า “เซเลบรุ่นใหม่ๆ หลายคนที่เคยร่วมงานด้วยจะหน้าตาสวย บุคลิกดี มีความรู้ดี เรียกว่าไม่มีที่ติ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้รับการสอนจากเจ้าป้า (เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวสังคมตัวจริง คือการแต่งตัวให้เหมาะกับงานที่เราจะไป เป็นการให้เกียรติเจ้าของงาน ทุกวันนี้พี่นุชเองยังถือเรื่องนี้ปฏิบัติ ส่วนเรื่องมารยาทและการแสดงออก ด้วยสังคมที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เด็กรุ่นใหม่มองข้ามสิ่งนี้ไปบ้าง หากหันมาให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น ก็น่าจะทำให้สิ่งที่ดูดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ”
ปิดท้ายที่หนุ่มคนเดียวที่พูดคุยถึงประเด็นนี้ “พอล-วสวัตติ์ วัฒนาศิริสมบัติ” แม้เขาจะอยู่ในยุคกลางๆ ที่คอมพิวเตอร์และไอทีมีส่วนสำคัญในชีวิตแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นห่วงเด็กรุ่นหลัง
“การเป็นเซเลบจะอิงกับสื่อออนไลน์มากๆ และใช้สื่อสารกับคนทั่วไปก็ไม่ใช่ความผิด แต่ต้องดูว่าถูกกาลเทศะหรือป่าว อย่ามองว่าใครไม่ใช้การสื่อสารทางไอทีถือว่าตกยุค นอกจากนี้ เซเลบรุ่นเด็กต้องให้เกียรติรุ่นพี่ๆ และควรมีมารยาทในสังคมมากกว่านี้
การแต่งตัวออกงานก็ควรจะให้ความสำคัญกับธีมงาน ให้เกียรติเจ้าภาพ สนใจทักทายคนรู้จัก รู้สึกรับไม่ได้กับคนที่ให้ความสำคัญกับเฟสบุ๊ก จนไม่สนใจงานที่มาร่วม อย่างเช่น พอเจอกันก็วิ่งเข้ามาขอถ่ายรูปเพื่อนำไปอัปในไอจีหรือเฟสบุ๊ก เพื่ออวดในโลกของโซเชียล โดยที่ไม่สนใจว่าเป็นงานอะไร ส่วนตัวคิดว่าตลกดี”
จึงอยากฝากข้อคิดมาถึงคนรุ่นใหม่ไว้ว่า หากคุณเป็นคนที่สังคมให้ความสำคัญ คุณควรใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ควรคิดหรือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างเช่น ถ้าเป็นงานแชริตี้ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ควรให้ความร่วมมือ ช่วยกันกระจายข่าว ใช้ไอทีที่ตนเองสนใจให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้สังคมโดยรวมน่าอยู่ยิ่งขึ้น