>>หลายครั้งหลายหน ณ ขณะที่เรากำลังพูดคุยกับ “ม.ล.เอวิตา ยุคล” หรือชะเอม ให้รู้สึกอดไม่ได้ที่จะต้องทักว่า “เหมือนกำลังคุยอยู่กับวิยะดา อุมารินทร์ ไม่มีผิด” ทำให้หลานสาวคนโตของคุณย่าวิยะดาอดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน
“พวกเราหน้าเหมือนกันทั้งบ้าน ไล่มาตั้งแต่คุณย่า คุณพ่อ แล้วก็เอม” จริงอย่างที่เธอว่า เพราะเมื่อนึกถึง “คุณชายเอี่ยว-ม.ร.ว.มงคลชาย ยุคล” ผู้เป็นพ่อแล้ว ยิ่งชัดเจนในความเหมือน ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและคุณสมบัติภายใน โดยเฉพาะ เมื่อชะเอมเลือกเรียนภาพยนตร์ในระดับมหาวิทยาลัย ยิ่งตอกย้ำถึงคำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอย่างแท้จริง
อย่างที่หลายคนทราบดีว่า สมาชิกเกินครึ่งของราชสกุลยุคล ล้วนเป็นบุคลากรผู้คร่ำหวอดในวงการภาพยนตร์ทั้งสิ้น โดยมี “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” หรือท่านมุ้ย (ท่านปู่ของชะเอม) เป็นดั่งต้นธารสำคัญ ก่อนที่ลูกหลานจะร่วมมือกันต่อยอด และสร้างสรรค์วงการภาพยนตร์ไทยตามความสามารถที่แต่ละคนถนัด ซึ่งสำหรับชะเอมนั้น แม้จะออกตัวว่ายังไม่ได้มีความสนใจงานด้านภาพยนตร์เหมือนคุณพ่อหรือท่านปู่ แต่อย่างน้อยๆ การได้คลุกคลีอยู่กับศาสตร์ด้านนี้ในรั้วมหาวิทยาลัย น่าจะช่วยบ่มเพาะความชอบให้เธอได้ในที่สุด
“เหตุผลที่เอมเลือกเรียนสาขาภาพยนตร์ เพราะตัวเองไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แม้จะเคยตามคุณย่าหรือคุณพ่อไปในกองถ่ายมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ตอนนั้นเอมก็แค่เล่นซนตามประสา ยังไม่ได้เริ่มสังเกตสิ่งรอบตัว หรือรู้สึกว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งของการทำภาพยนตร์ ดังนั้น เมื่อโตขึ้น เลยขอลองศึกษาในศาสตร์ที่ตัวเองพอจะมีต้นทุนแต่ยังไม่มีความรู้ เพื่อจะได้รู้จักโลกของภาพยนตร์ให้มากขึ้นกว่านี้”
ในบรรดาแขนงแยกย่อยของการสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาหนึ่งเรื่อง งานเกี่ยวกับการทำของประกอบฉาก หรือที่เรียกกันว่า ทำพร็อพ ดูจะเข้ากับความชอบของหญิงสาวผู้รักในศิลปะและข้าวของสวยๆ งามๆ คนนี้ที่สุด เมื่อประกอบกับการเลือกเรียนด้านวิจารณ์ภาพยนตร์ ยิ่งทำให้หลักการด้านทฤษฎีกับงานภาคปฏิบัติดูจะมาบรรจบกันได้ลงตัวยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งความรักความชอบที่หากเป็นไปได้ ชะเอมสนใจศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ ด้วยความที่เธอรักการแต่งตัว จึงน่าจะนำประสบการณ์เลือกสรรเสื้อผ้าและแอกเซสซอรีเก๋ๆ มาแปรเปลี่ยนเป็นความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบได้ดี แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ชะเอมกับเพื่อนสนิทกำลังวางแผนร่วมกันว่าอาจจะทดลองเลือกซื้อเสื้อผ้ามาขายแบบออนไลน์ดูก่อน เพื่อทดสอบตัวเองเบื้องต้นว่ามีความรัก ความถนัด และความขยันอดทนในสัดส่วนที่พอดีกันรึเปล่า
มากไปกว่านั้น เธอได้เริ่มชิมลางบทบาทการเป็นแม่ค้ามาแล้ว และดูท่าจะติดใจอยู่ไม่น้อย “ด้วยความที่เอมชอบซื้อเสื้อผ้ามาก ทำให้มีชุดที่ใส่ไม่กี่ครั้งแล้วเบื่อ หรือใส่ไม่ได้แล้วจำนวนหนึ่ง จึงคัดเพื่อนำไปบริจาคส่วนหนึ่ง กับอีกส่วนที่เหลือเอมก็ลองรวบรวมแล้วไปเปิดแผงขายเสื้อผ้ามือสองที่ตลาดนัดรถไฟ ด้วยความที่ไม่เคยขายของมาก่อน เลยคิดว่าเราเอาเสื่อไปผืนเดียวก็พอ ปรากฏว่าพอถึงเวลาต้องไปขอยืมไฟ และข้าวของจำเป็นอื่นๆ จากพ่อค้าแม่ค้าแผงใกล้ๆ กัน” ชะเอมเล่าอย่างอารมณ์ดี
“เอมรู้สึกว่าอาชีพขายของเป็นอาชีพที่สนุกดี เหมือนเป็นการจูนกันระหว่างความต้องการของผู้ขายกับผู้ซื้อ คนขายมีของแบบนี้ถ้าคนซื้อต้องการก็ตกลงราคากัน พอใจก็จ่ายเงิน มีความสุขทั้งสองฝ่าย ตอนที่เอมเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปขายก็ขายแค่ตัวละ 120 บาท เพราะอยากให้คนมาซื้อเยอะๆ ซึ่งก็ขายหมดตามระเบียบ แต่ไม่ได้กำไร เพราะเราเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ตั้งใจมาขายของเพื่อทดสอบความชอบของตัวเองแบบสนุกๆ มากกว่า”
ส่วนหนึ่งของความเป็นนักขายในตัว น่าจะเพราะเอมเห็นคุณแม่ขายกับข้าวโฮมเมดแบบออนไลน์ จึงสั่งสมความชอบนี้ไปด้วย พอๆ กับที่หลงใหลในรสมือคุณแม่ และยกเป็นที่หนึ่งในใจชนิดไม่มีใครโค่นลง
“คุณแม่ขายอาหารโฮมเมดที่เน้นเมนูสุขภาพ อย่างสปาเกตตี กะหล่ำตุ๋น หลนกุ้ง ฯลฯ ซึ่งเอมติดอาหารคุณแม่ โดยเฉพาะ สปาเกตตีที่คุณแม่ทำให้กินมาตั้งแต่เด็ก ขณะที่คุณย่าไม่ทำอาหารเลย แต่เป็นฝ่ายเลี้ยงดูและเอนเตอร์เทนหลานๆ แทน ซึ่งทำให้เอมสนิทกับคุณย่ามาก สนิทกันมากกว่าพ่อแม่เสียอีก เอมต้องหอมแก้มต้องกอดคุณย่าทุกวัน ทั้งก่อนนอนและทุกเช้าก่อนออกไปเรียนหนังสือ คุณย่าเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท เพราะมีอะไรก็สามารถคุยและปรึกษาคุณย่าได้ทุกเรื่อง”
ดังนั้น เราคงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย หากในอนาคตอันใกล้จะมีโอกาสเห็น ม.ล.เอวิตา ยุคล ในฐานะนักแสดงที่เจริญรอยตามคุณย่า หรือแม้กระทั่งการก้าวมาเป็นคนเบื้องหลังวงการภาพยนตร์เช่นเดียวกับคุณพ่อ เป็นดีไซเนอร์รสนิยมดี หรือนักขายฝีมือฉกาจ ตามความสนใจของตัวเอง เพราะทุกอาชีพล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น สำหรับหญิงสาวอนาคตไกล ผู้ไม่เคยเบื่อกับการค้นหาความถนัดของตัวเอง
This is Avita!
1. เป็นพี่สาวคนโตของน้องๆ อีก 3 คน น้องชายคนรองห่างจากเธอ 4 ปี และน้องสาวคนเล็กห่างจากเธอถึง 16 ปี ชะเอมสนิทและเล่นซนกับน้องๆ ทุกคนในแบบเพื่อนมากกว่าจะเป็นพี่สาว
2. ตอน ป.2 ครูจับได้ว่าเธอเอาไส้ดินสอกดของเพื่อนไป ด้วยความกลัวครูทำโทษ ด.ญ.เอวิตาจึงทำลายหลักฐานด้วยการกลืนไส้ดินสอทั้งหมด
3. ชอบเล่นกีฬาทุกประเภท และชอบบาสเกตบอลมากที่สุด
4. รักการแต่งตัวมากถึงขั้นที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น 7 วัน แต่แพ็กเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปเกิน 20 ชุด
