xs
xsm
sm
md
lg

เซเลบฮิตฮุบสโมสรทีมลูกหนังระดับโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>นับว่าเป็นแฟชั่นของมหาเศรษฐีนักลงทุนไทยก็ว่าได้ ที่หันมาจับธุรกิจเกี่ยวกับกีฬากันยกใหญ่ ไม่ว่าจะไปเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอล หรือลงทุนเป็นหุ้นส่วนในทีมสโมสรฟุตบอล ซึ่งดูเหมือนจะเป็นของเล่นของคนรวยอย่างหนึ่ง และคาดว่าอาจจะมีเศรษฐีไทยอีกหลายรายที่กำลังเล็งหาทางไปลงทุนในสโมสรฟุตบอล ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศอีกมากมาย

นับตั้งแต่การเข้าซื้อทีมเรือใบสีฟ้า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เมื่อปี 2550 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยเงิน 81.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,700 ล้านบาท) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเข้าซื้อเพื่อหวังกินกำไรซะมากกว่า เพราะหนึ่งปีหลังจากนั้นเขาก็เทขายให้กับ ชีค มันซูร์ มหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยมูลค่ากว่า 150 ล้านปอนด์ ฟันกำไรไปเหนาะๆ

ต่อมามหาเศรษฐีอันดับ 9 ของโลก เจ้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” เข้าซื้อทีมสโมสรจิ้งจอกสีน้ำเงิน “เลสเตอร์ ซิตี้” เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 แม้ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย แต่คาดว่าจะราวๆ 2,000 ล้านบาท โดยวิชัยถือหุ้น 100% นั่งตำแหน่งประธานสโมสรฯ เลสเตอร์ ซิตี้เต็มตัว ซึ่งเขาไม่ได้มาเล่นๆ เพราะหากดูผลงานของเขาตั้งแต่ที่เข้ามาดูทีม จากที่เป็นสโมสรในแชมเปียนส์ลีก ขณะนี้ไต่ขึ้นมาอยู่ระดับพรีเมียร์ลีกแล้ว และยังรักษาฟอร์มของทีมได้อย่างดีเยี่ยม จากการดูแลอย่างใกล้ชิดของลูกชายคนเก่ง ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้

นอกจากนี้ ยังมีอีกสองทีมที่นักลงทุนไทยเป็นเจ้าของคือ ทีมฟุตบอลในระดับแชมเปียนส์ลีกคือทีม “เรดดิง“ ที่มี นรินทร์ นิรุตตินานนท์ ถือหุ้นอยู่ 50% คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ และสัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุทธิ์ ถือหุ้นกันคนละ 25% จนเรียกได้ว่าเป็นทีมฟุตบอลของนักลงทุนไทย 100% ซึ่งราคาซื้อขายของเรดดิงในตอนนั้นคาดว่าอยู่ที่ราว 1,300 ล้านบาท










กำลังโหลดความคิดเห็น