>>เห็นหล่อล่ำกล้ามโตอย่างนี้ เขาไม่ใช่นักกีฬา แต่เขาเป็น “เชฟ” ผู้ชอบสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ และที่สำคัญอาหารของเขาแซ่บไม่แพ้ความหล่อเหลาของ “เชฟฟาง-ณัฐพงศ์ หน่อชูเวช” เจ้าของร้านอาหาร Pain Perdu แน่นอน ไม่เชื่อต้องลองชิมดูหรือลองติดตามเขาจากอินสตาแกรม @Fang_nattapong
ผ่านการค้นหาตัวเองมาเยอะ จนวันหนึ่งชายหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตคนนี้ก็คนพบตัวเอง ว่าสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดก็คือการทำอาหารที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาอยู่ในสายเลือดของเขาโดยที่เข้าก็ยังงงๆ ว่า ทำไมการทำอาหารจึงกลายเป็นกิจกรรมที่เขาทำแล้วมีความสุขและเขาทำได้ดีซะด้วย“บ้านผมเป็นตระกูลคนจีนอยู่กันเยอะ ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ ผมจำได้ว่าผมมักจะได้กินของอร่อยๆ อยู่เสมอและด้วยความเป็นเด็กเราก็มีความสงสัยว่าเขาทำกับข้าวให้อร่อยกันได้อย่างไร ก็เลยลองทำตาม ซึ่งพอทำออกมาก็คล้ายๆ นะ (หัวเราะ) ตอนแรกผมไม่รู้ว่าผมชอบทำอาหาร ใช้ชีวิตเป็นเด็กคนนึงที่เรียนตามหลักสูตรมาเรื่อยๆ หลังจากผมจบสาขาการตลาดที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ก็ไปทำงานทางการตลาดแล้วรู้สึกว่าไม่รอด เพราะเป็นงานนั่งโต๊ะซึ่งรู้สึกไม่ใช่ ผมชอบการปฎิบัติมากกว่าทฤษฎี
พอถึงจุดจุดนึงเริ่มก็ถามตัวเองว่าอยากทำอะไร? ตอนแรกสับสนอยู่แต่ป๊ากับม๊า ที่เขาสังเกตลูก เขาได้ไกด์เราว่าเราชอบด้านการทำอาหารหรือเปล่า เพราะเขาสังเกตเราตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนผมเรียน ป.4 มีชั่วโมงทำอาหาร ผมชอบมากได้ออกไปข้างนอก ได้หั่นผัก ได้ผัด ได้ทอด ได้โดนไฟจากเตา จำได้แม่นเลยว่าครั้งแรกที่ทำคือแกงจืดหางหงส์ ทำเสร็จแล้วเอากลับไปให้ป๊ากับม๊ากินแล้วเขาชมว่าอร่อย!! ความรู้สึกนั้นติดมาเพราะว่าเป็นความสุขของคนทำอาหารที่เห็นคนได้กินอาหารอร่อยแล้วมีความสุข”
เรียกว่าเป็นการค้นหาตัวเองอย่างหนักหน่วงเลยก็ว่าได้ เพราะเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ความสุขของชีวิตคืออะไร? แต่หลังจากค้นหาตัวเองอยู่พักเขาก็เริ่มมีคำตอบให้ตัวเอง
“ระยะแรกๆ ผมสับสนเหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่รู้จะทำอะไร ถึงขนาดไปบวชเลยนะ เพราะช่วงนั้นผมรู้สึกว่าไปทำงานแล้วไม่มีความสุข จะว่าติสต์แตกก็ได้นะ (หัวเราะ) คือรู้สึกว่าฉันจะทำอะไรต้องมีความสุข ต้องรักมัน ฉันต้องอยากจะพัฒนาก้าวหน้าในสายงาน สุดท้ายป๊าที่เป็นผู้ที่สังเกตเสมอว่าเราชอบอะไร เขาก็จับผมส่งไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา โดยตอนแรกผมไปเรียนคหกรรมที่ เซาวน์เวอร์จิเนีย แต่ก็ยังรู้สึกไม่เข้มข้นพอผมเลยไปหาเพื่อนที่นิวยอร์ก ซึ่งเพื่อนได้แนะนำโรงเรียนทำอาหารแห่งหนึ่งให้ผม ผมก็พยายามสมัครเข้าไปเรียน จนเขารับเข้าเรียน
ความรู้สึกของวันแรกที่ไปเข้าเรียนคือประทับใจมาก รู้สึกมันใช่!! เปิดประตูเข้าไปได้กลิ่นอาหารทุกคนใส่ชุดพ่อครัวสีขาว นึกถึงตอนนั้นผมยังขนลุกอยู่เลย ผมอินกับบรรยากาศมาก และข้างในโรงเรียนก็มีแต่เรื่องอาหาร ในห้องสมุดมีแต่หนังสือเกี่ยวกับอาหาร เป็นประสบการณ์ที่สนุกมากและเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิต ผมคิดว่าความฝันตรงนั้นได้เติมเต็มแล้ว!!”
กระทั่งเขาเรียนจบและได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง และเริ่มลงมือทำอาหารจนกระทั่งเปิดร้านอาหารอย่างจริงจัง ซึ่งเขาเองก็มีแฟนคลับหลายคนติดตามเรื่องราวของเขาไม่ว่าจะเป็นการแนะนำการทำอาหารแบบง่ายๆ จนเขาเริ่มมีชื่อเสียงในโลกโซเชี่ยล
“หลังจากที่ผมไปเรียนเพิ่มเติมเรื่องการทำอาหารและมาทำร้านของตัวเอง มีโอกาสไปทำรายการเล่าเส้นเป็นเรื่อง ช่วงปรุงเส้นเป็นเรื่อง ทางช่อง ไทยรัฐทีวี ผมรู้สึกว่าการที่ผมทำรายการอาหารผมทำให้คนหมู่มากได้ความรู้ด้านนี้เยอะ ดีใจที่จุดที่ผมยืนอยู่มีประโยชน์ให้กับอาชีพนี้ได้ หลายคนมาคุยกับผมในเฟสบุ๊ค บางคนโทรมาหาหรือเดินมาบอกว่าผมเป็นไอดอลเขาเรื่องการทำอาหาร ผมดีใจนะถึงแม้เราจะไม่ได้เก่งมากมาย แต่อย่างน้อยก็เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้”
ผมทำงานด้านอาหารมาก็จะเข้าปีที่ 8 แล้ว จนถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคือทางของเรา เราเริ่มแข็งแรงแล้ว ผมอยากจะสอนคนทำอาหาร ทำอาหารในที่นี่คือสอนและผมก็ภูมิใจในศิลปะการทำอาหารของผมและผมก็อยากให้คนไทยรู้ว่าทุกคนมีความสามารถ ส่วนมากผมจะสอดแทรกเทคนิคการทำอาหารเข้าไปให้คนรู้เยอะๆ ถามว่าตอนนี้ผมเติมเต็มความฝันไหม? ผมว่าเติมเต็มนะ แต่ด้วยความที่เราเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ก็เริ่มมองอะไรที่กว้างและมั่นคงขึ้นด้วย”
แม้ว่าจะทั้งชอบทำอาหาร และชอบชิมอาหาร แต่เขาก็ยังมีรูปร่างที่ดี เขาบอกกับเราว่าเมื่อกินหนักแล้ว ก็ต้องเบิร์นหนักด้วยเช่นกัน!!
“ผมชอบเล่นเวทและวิ่ง ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายขั้นรุนแรง (หัวเราะ) จริงๆ แล้วผมฝึกตัวเองมากกว่า ตอนแรกๆ ผมก็ขี้เกียจแหละ แต่ถ้าคิดว่าขี้เกียจ สุดท้ายก็จะติดเป็นนิสัยของเรา เราต้องทำให้ตัวเองมีวินัย
ตอนนี้ผมเริ่มชัดเจนในการทำรายการอาหารแล้ว ด้วยความที่ผมบ้าออกกำลังกายและชอบทำอาหารก็จะพยายามไปในเส้นทางนั้น คือผมเป็นคนที่จะทำอาหารเพื่อสุขภาพที่อร่อย เพื่อที่กินแล้วจะได้หุ่นดี ตอนนี้ผมเริ่มพอใจกับหุ่นของตัวเองแล้ว ตั้งแต่ผมเดินทางสายอาหารมันเริ่มชัดเจนขึ้นขึ้นเรื่อยๆ ว่าผมเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายและชอบกินอาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ต้องมาด้วยกันได้แล้วเราก็จะกลายเป็นคนที่ดูดีและน่าประทับใจ หรืออาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน” เชฟหล่อล่ำ กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง