>>ติดตามมานานกับสไตล์ของแฟชั่นนิสต้าคนนี้ “ยุ้ย-อรวรรณ อิงคสิทธิ์” ไม่ว่าจะเป็นชุดไปงาน ชุดอยู่บ้าน ปาร์ตี้แฮงเอาต์กับเพื่อนๆ เธอมักจะมี “แนว” ที่เป็นตัวของเธอเองชนิดที่เรียกว่าเป็นไปตามอารมณ์ ซึ่งแต่ละชุดผ่านการมิกซ์แอนด์แมตช์ในแบบฉบับของคนทำงานดีไซน์ตัวจริง ซึ่งวันนี้เราได้เข้ามาในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ของเธอ
เพราะทำงานอยู่กับด้านการดีไซน์ “ยุ้ย-อรวรรณ อิงคสิทธิ์” เจ้าของและผู้ก่อตั้งแบรนด์ “โอลิเวีย ไดมอนด์ส” แบรนด์คุ้นหูของเหล่าเซเลบริตี้ทั้งเมืองไทยและต่างประเทศมากว่า 10 ปี ด้วยสีสันที่สวยงามและดีไซน์ของ Fine Jewelry จึงออกมาเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่จะเรียกว่ามีชิ้นเดียวในโลกก็ว่าได้
“ยุ้ยเป็นคนชอบออกแบบเครื่องประดับชิ้นใหญ่ๆ แต่ละแบบ แต่ละดีไซน์ แทบจะเรียกได้ว่ามีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เพชรที่ใช้ก็เป็น Black Diamond จนแทบจะเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ค่ะ ซึ่งเราเองทำแบรนด์นี้มากว่า 13 ปีแล้ว ตอนนี้ก็มีเพิ่มเติมในส่วนอื่น เช่น ไม้เท้า มงกุฎ กระเป๋า กลุ่มลูกค้าจะเป็นเซเลบริตี้ที่ชอบแฟชั่น ชอบความเยอะ ความแปลก ความอลังการ ซึ่งเราก็พัฒนางานดีไซน์ของเราไปเรื่อยๆ ทั้งแบบที่ตัวเองชอบและตามเทรนด์แฟชั่น”
ความเยอะ ความแปลก ความอลังการนี่เองที่เป็นจุดสนใจให้เซเลบริตี้คนดังทั้งหลาย ชอบที่จะหยิบเครื่องประดับของโอลิเวียร์ ไดมอนด์ส มาใส่ในเวลาที่ต้องเฉิดฉายในงานสังคม ซึ่งไม่ใช่แค่ในเมืองไทย เพราะตอนนี้โอลิเวียร์ ไดมอนด์ส ยังเป็นที่นิยมในหมู่เซเลบริตี้ระดับเอเชีย และมีร้านอีกสาขาอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์
“ตอนนี้มีอีกสาขาที่สิงคโปร์ มีพาร์ตเนอร์ที่เขาชอบผลงานของเรามาติดต่อขอไปขาย ที่สิงคโปร์ โดยโอลิเวียร์ ไดมอนด์ส เป็นช็อปที่อยู่ในร้านเสริมสวยของช่างทำผมชื่อดังที่เซเลบริตี้มักจะมาเสริมสวยกันที่สิงคโปร์ โดยเราเป็นโซนไพรเวตจิวเวลรีสำหรับเซเลบริตี้โดยเฉพาะ มีดาราหลายๆ คนที่ชอบผลงานของเรา เช่น จางซิยี่ กงลี่ บลิงบลิง เฟย์หว่อง”
แม้ว่าตอนนี้เวลากว่า 80% ของเธอจะอยู่กับการดูแลลูก แต่สำหรับงานดีไซน์ก็ยังพัฒนาแบบใหม่ๆ อยู่และหันมาทำเครื่องประดับเฉพาะลูกค้าแต่ละคนมากขึ้น
“หลังๆ แบ่งเวลาดูแลลูกเล็กสองคน เลยไม่ได้อยู่ที่ร้านตลอดเหมือนแต่ก่อนค่ะ ใช้วิธีแบ่งงานกับพี่สาวและหลานสาว นอกจากนั้นเราก็มาทำงานดีไซน์สำหรับลูกค้าเฉพาะบุคคลมากขึ้น ซึ่ง ฐานลูกค้าเรากว้างมาก มีตั้งแต่อายุ 15-80 แบบที่เราทำสามารถใส่ได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่”
แต่หากจะพูดถึงสไตล์ของสาวผู้หลงใหลงานดีไซน์คนนี้ เธอบอกว่าเป็นคนรักสวยรักงามแต่เด็ก นวดหน้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง นวดตัว 2-3 ครั้ง ดูแลตัวเองหนักขึ้นเพราะอายุมากขึ้น ส่วนเรื่องของการแต่งตัวน่ะเหรอ? บอกเลยว่าแน่นตู้!!
“ตอนเด็กๆ เป็นคนตามเทรนด์แฟชั่นมาก อะไรออกใหม่ต้องรีบหามา แต่พอเริ่มแก่ขึ้นก็รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เลยไม่ค่อยติดตามใกล้ชิดแบบแต่ก่อน จะแต่งตัวตามที่ตัวเองอยากแต่ง ยุ้ยเป็นคนชอบเสื้อผ้าที่มีดีเทลเยอะๆ ถ้าใส่เสื้อผ้าสีก็จะใส่สดๆ เยอะๆ ไปเลย แต่ถ้าเรียบก็เรียบมาก เป็นคนชอบการตัดเย็บที่ประณีตเพราะของดีจะอยู่และใช้ได้นาน
ของถูกของแพงใช้ได้หมด จะใหม่หรือวินเทจก็ชอบ ขึ้นอยู่กับว่าเหมาะกับเราหรือเปล่า แต่เราเป็นคนชอบมิกซ์แอนด์แมตช์ ฉะนั้นของเก่าของใหม่ก็ใส่ด้วยกันได้ เคยซื้อเสื้อลูกไม้สมัยวิกตอเรียนชนิดที่ว่าเริ่มขาด เหลืองแล้ว ซึ่งเราก็ชอบนะ มาใส่มิกซ์แอนด์แมตช์กับผ้าถุงเวลาไปงานแต่งงานซึ่งเราว่าก็เก๋ไปอีกแบบ (หัวเราะ)”
โดยการมิกซ์แอนด์แมตช์ของเธอนั้นจะเป็นการหยิบจับตามอารมณ์ ซึ่งขอบอกเลยว่าตู้เสื้อผ้าสำหรับการแต่งตัวตามอารมณ์ของเธอนั้นใบใหญ่มาก ขนาดเธอบอกว่าโละไปแล้วหลายรอบ ก็ยังเยอะอยู่ดี!!
“ยุ้ยเป็นคนแต่งตัวตามอารมณ์ เช่นวันนี้เราตื่นมารู้สึกอย่างไร ก็จะไปหยิบสไตล์นั้นมาแต่ง จะไม่มีการเลือกไว้ก่อน ไม่มีการแมตช์ล่วงหน้า เรียกได้ว่าหลากหลายสไตล์มาก แต่เวลาไปงานยุ้ยจะแต่งตัวตามธีมและพยายามให้ถูกกาลเทศะมากที่สุด
สิ่งที่ทำให้เสียเงินมากที่สุดแทบจะเรียกได้ว่าทุกอย่างเลย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของพวกนี้เราซื้อมานานแล้ว ชอบก็ซื้อมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโตก็เลยเหมือนของเยอะ แต่ส่วนใหญ่เรายังใส่อยู่ เพราะเราเลือกของที่ใช้ได้นาน แบรนด์ที่ใส่บ่อยๆ ถ้าเป็นแบรนด์ไทยก็จะใส่แบรนด์ของเพื่อนๆ เพราะคบกันก็ต้องชอบคล้ายกัน เช่น Kem Issara, Tutti, Sobasiz, Muchu's แต่เครื่องประดับแน่นอนสิคะว่าต้องใส่ของแบรนด์ตัวเอง”