xs
xsm
sm
md
lg

ฐิติพัฒน์ ศุภภัทรานนท์ ปั้น Thann แบรนด์สัญชาติไทย ดังไกลระดับโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>Thann เริ่มต้นเปิดตัวเป็นแบรนด์สัญชาติไทยเมื่อ 14 ปีก่อน ที่งาน BIG ด้วยผลิตภัณฑ์ประมาณ 10 กว่าตัว ในจำนวนนั้นมีแชมพู คอนดิชันเนอร์ ชาวเวอร์เจล บอดี้โลชั่น ซอลต์สครับ และเทียนหอม กระทั่งมีใบสั่งซื้อจากเครือบริษัทของต่างประเทศ ธุรกิจที่ท้าทายจึงเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง

“Thann เป็นธุรกิจแรกที่ผมทำ” โอ๋-ฐิติพัฒน์ ศุภภัทรานนท์” นักธุรกิจวัย 46 ปี ผู้จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “ผมไม่เคยเป็นวิศวกรเลยนะ ผมไปเรียนต่อด้าน MBA ที่ออสเตรเลีย และได้ทำงานอยู่ต่ออีก 5 ปีในแวดวงสายอาหาร ได้เป็นถึง International Marketing Manager ก่อนตัดสินใจกลับมาทำแบรนด์เครื่องหอมของตัวเอง

“Thann มาจากคำว่า ธัญ หรือธัญพืช เพราะเรานำวัตถุดิบจากธรรมชาติ พวกสมุนไพรต่างๆ ที่มีคุณค่ามาใช้ ผมอยากให้มันเป็นคำอธิบายสิ่งที่เราทำ และทำให้มันสั้นไว้ ให้ทุกชาติทุกภาษาสามารถจำได้ แต่ที่ผมไม่ได้ใช้ภาษาไทยบนแพกเกจจิ้ง เพราะว่าสต๊อกเดียวกันเราส่งออกไปทั่วโลก”

โอ๋เล่าย้อนถึงความท้าทายในช่วงต้นของการบุกเบิกธุรกิจ “แต่ก่อนคนไทยเองยังมีความเข้าใจเรื่องของธรรมชาติไม่เยอะมาก อย่างคำว่า น้ำมันหอมระเหย คนไทยไม่ค่อยรู้สึกหรอก ยังสงสัยว่าทำไมมันแพง ต้องอธิบายให้เข้าใจว่า กว่าจะได้น้ำมันมะลิกิโลกรัมหนึ่ง ต้องใช้มะลิ 6 ล้านดอก ต้นทุนของผมถึงกิโลละแสนกว่า หรือน้ำมันตะไคร้ ใช้ตะไคร้สด 1 กิโลนำมาสกัด 8 ชั่วโมง จะได้น้ำมันแค่ 6-8 มิลลิกรัมเอง

ดังนั้นของที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติแท้ๆ จึงมีต้นทุนสูงและราคาแพง แต่เขาจะมีคุณสมบัติในการบำบัด ทำให้ร่างกายและจิตใจของเรามีความรู้สึกดี ตามชนิดของสมุนไพร อย่างลาเวนเดอร์ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย กลุ่มส้มหรือมะนาวทำให้รู้สึกสดชื่น มีความสุข เป็นต้น”

หลังประสบความสำเร็จทางด้านตัวผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับไปทั่วโลก เขาก็เริ่มสานต่อความสำเร็จ โดยการเปิดสปา “ที่แรกคือสยามดิสคัฟเวอรี่ ปีถัดมาก็ไปเปิดชอปที่ปารีส จากนั้นก็ขยายไปเรื่อยๆ แต่ละเดือนเราจะมีช็อปหรือสปาเปิดใหม่ที่ใดที่หนึ่งในโลก ตอนนี้เรามีรวมแล้ว 100 กว่าสาขา

แถมผลิตภัณฑ์ของเรายังมีอยู่ในโรงแรมอีกกว่า 6-7 ร้อยแห่งทั่วโลก เฉพาะเครือแมริออทก็ 400 กว่าแห่งแล้ว เราส่งให้แมริออท 3 ทวีป คือ เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกา นอกจากนี้คุณยังพบ Thann wfh.o ชั้นธุรกิจของการบินไทย อีวาแอร์ และสายการบินซาอุ”

ความสำเร็จในระดับสากลทุกวันนี้ โอ๋เผยว่า “สิ่งสำคัญมันต้องเริ่มจาก Brand Positioning ที่ถูกต้อง หลายคนที่ทำธุรกิจคล้ายๆ กับผม แต่เขาอาจจะมองว่า อยากนำเสนอความเป็นไทย ตัวผมเองก็ภูมิใจในความเป็นไทยนะครับ แต่การที่จะนำความเป็นไทยมาขายกันตรงๆ บางครั้งมันทำให้ทำธุรกิจรีเทลในต่างประเทศได้ยาก สมมติเราไปเปิดช็อปที่ฮ่องกง โตเกียว ปารีส นิวยอร์ก ความเป็นไทยเกินไปมันอาจทำให้คนมองแล้วคิดว่าไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร

ของที่ผมทำ มันมีความเป็นไทยอยู่ในตัว อย่างวัตถุดิบหลักเราใช้ของไทย แต่ออกแบบหน้าตาสินค้าให้มีความเป็นสากล ฉะนั้นไม่ว่าสินค้าจะไปอยู่บนสายการบินในตะวันออกกลาง หรือไปอยู่ในโรงแรมห้าดาวในอเมริกา สินค้านั้นก็จะดูกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมตรงนั้น”

อีกส่วนสำคัญที่คุณโอ๋เน้นย้ำคือ “คุณภาพ” เพราะต่อให้ผลิตภัณฑ์ หรือช็อป สวยงามขนาดไหน แต่ถ้าคนซื้อไปใช้แล้วไม่ติดใจ เขาก็ไม่กลับมาอีก เราต้องทำให้ของเราดีพอที่จะทำให้รักแรกพบกลายเป็นรักถาวร นอกจากนี้ส่วนเสริมอีกอย่างคือ การบริการ ที่ผมว่าเราโชคดีที่เกิดมาในประเทศไทย เราคนไทยมีการต้อนรับขับสู้ที่ดี

และเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญอีกอย่างของแบรนด์คือ Thann Sanctuary Spa ซึ่งคนทั่วโลกต่างยอมรับว่าคนไทยนวดเก่งที่สุดแล้ว ทั้งเทคนิคการนวด การให้บริการ รวมทั้งความสามารถในการดูแลลูกค้าแบบที่ Holistic Spa ควรจะเป็น การมีสปาของตัวเองยิ่งทำให้เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นไปอีก เขาได้ทำทรีตเมนต์ต่างๆ ซึ่งเท่ากับได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเราไปด้วย ก็ยิ่งช่วยส่งเสริมธุรกิจรีเทลของเรา”

ทุกวันนี้ Thann เติบโตปีละราวๆ 20% มีการเปิดสาขาใหม่ในทุกๆ เดือนตามประเทศต่างๆ ตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงมองโกเลีย “การเปิดร้านมีทั้งที่ดิสทริบิวเตอร์เป็นคนลงทุน และแบบที่เราไปร่วมทุน โดยต่อจากนี้จะเห็นเรารุกหนักที่อเมริกามากขึ้น นี่ก็เพิ่งบินไปเปิดออฟฟิศที่นิวยอร์ก เพราะเราได้เป็นซัปพลายให้แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล แบรนด์อเมริกัน ซึ่งผมคิดว่าเรามีคนรู้จัก Thann จากการเข้าไปใช้บริการที่แมริออททั่วอเมริกามา 2 ปีแล้ว ก็ได้เวลาที่จะไปบุกตลาดแล้ว อีกไม่นานจะเห็นช็อปของ Thann ในเมืองสำคัญๆ 2-3 เมืองในอเมริกา”

แม้จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ เขาก็ยังสนุกกับการทำงานและทำอย่างเต็มที่ในทุกวัน “บริษัทก็ผ่านมา 14 ปีแล้ว พนักงานของเราหลายคนอยู่กันมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดกิจการเลย ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ เขาโตขึ้นมากับเรา และเขาจะสามารถบริหารแผนกที่เขาทำมาตลอด 14 ปีได้ดี

ส่วนตัวผมเอง เน้นการดูแลเรื่องคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ เพราะเรื่องนี้ ในช่วงปีแรกๆ ของการทำธุรกิจผมอาจจะให้ใครเป็นตัวแทนง่ายๆ ไปหน่อย ก็เลยพลาด ช่วงหลังๆ เราคัดเลือกอย่างระมัดระวังมากขึ้น อีกส่วนที่ดูเป็นหลักเช่นกัน คือ งานดีไซน์ เพราะดีไซน์เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์มาก รสนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศไม่เหมือนกันเลย เราก็จะเน้นเรื่องความสงบนิ่ง เรื่องจิตวิญญาณเป็นหลัก อย่างประเทศในเอเชียจะนิยมในเรื่องของความหรูหรา ความงาม ธรรมชาติต่างกัน ผมในฐานะที่เคยคลุกคลีกับหลายๆ ชาติ ก็จะเข้าไปช่วยลูกน้องตีความในการดีไซน์ได้ และสุดท้ายเรื่องของการเทรนพนักงานในระดับซีเนียร์ที่พนักงาน Thann ทุกคนในประเทศไทย ผมจะทำ orientation ให้เขาด้วยตัวเอง ส่วนที่เหลือลูกน้องเขาจัดการกันเองได้”

ครั้นถามว่ายังคิดถึงธุรกิจอาหารที่เขาคุ้นเคยในอดีตอยู่อีกบ้างไหม เขายิ้มก่อนตอบว่า “ผมเป็นคนชอบทำอาหารมาก แต่ว่ามันเป็น Hobby มากกว่า ผมว่ามันเป็นศิลปะนะ การปรุงอาหารกับการปรุงเครื่องสำอางเหมือนกัน แต่คิดว่าถ้าให้ทำอีกผมก็สนุกนะ จริงๆ เรามีสินค้าลิมิเต็ด อิดิชันเหมือนกัน ที่เป็นอาหาร ช่วงเทศกาลเราจะทำกิฟต์เซตเยอะ หลายคนก็เรียกร้องว่าอยากให้เรามีอย่างอื่นด้วยในกิฟต์เซต ปีแรกๆ เราก็ไปซื้อคุกกี้ของที่นั่นที่นี่มาใส่ปน หลังๆ เรามีชา น้ำผึ้งจากสวนลำไย สวนลิ้นจี่เพิ่มเข้าไปด้วย ส่วนที่เป็นอาหารถ้ามันฟิตกับตำแหน่งแบรนด์ของ Thann ทำก็นำมารวมกันได้ แต่มันจะมีแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น ไม่ได้ขายตลอดปี”

และนั่นก็เป็นกลิ่นและรสชาติในแบบฉบับของแบรนด์สัญชาติไทย ที่อบอวลไปด้วยความภาคภูมิใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น