“การที่จะดูว่าใครสุขภาพดี ไม่ได้ดูจากน้ำหนักตัวว่าอ้วนหรือผอม และก็ไม่ได้ดูมวลกล้ามเนื้อ แต่จะต้องพิจารณาองค์รวมทั้งหมด โดยเกณฑ์หนึ่งที่สามารถบอกได้ว่าสุขภาพร่างกายดีหรือไม่ คือ สมรรถภาพทางกายกับสุขภาพ เนื่องจากร่างกายที่สามารถใช้งานกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมสะท้อนถึงลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันที่สัมพันธ์กับอารมณ์ความรู้สึกด้วย ดังนั้นการมีสมรรถภาพทางกายที่ดีจึงส่งผลให้มีสุขภาพดี”
สมรรถภาพทางกายกับสุขภาพ (Health-Related Physical Fitness) มีองค์ประกอบ 5 อย่าง
1. ความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิต (Cardiovascular endurance) คือ สมรรถภาพของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ การทำงานของหัวใจและปอดที่สอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลำเลียงออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขณะที่ร่างกายใช้งานอย่างต่อเนื่องได้อย่างเพียงพอ
สังเกตจากการใช้ชีวิตประจำวันง่ายๆ เช่น เดินขึ้นบันไดรถไฟฟ้าแล้วหอบหรือเปล่า ตอนปั่นจักรยานที่สนามเขียว (ซึ่งมีระยะทาง 23.5 กิโลเมตร) ต้องแวะจุดพักเพื่อหายใจกี่ครั้ง หัวใจจะระเบิดออกมานอกซี่โครงหรือยัง เป็นต้น
ถ้าความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิตดี ร่างกายลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปสู่ส่วนต่างๆ ได้ดีระบบเผาผลาญมีประสิทธิภาพ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และความเครียดจะลดลง
2. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscular strength) คือ กำลังสูงสุดหรือแรงต้านของกล้ามเนื้อขณะใช้งานรูปแบบต่างๆ ในความพยายามครั้งหนึ่ง เช่น การยกน้ำหนัก การผลักประตูบานใหญ่ การยกเก้าอี้ เป็นต้น
นอกจากจะใช้แรงในการผลัก ยก หรือดึงสิ่งของต่างๆ แล้ว เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงจะช่วยพยุงข้อต่อและเส้นเอ็นต่างๆ ขณะเคลื่อนไหวจึงไม่บาดเจ็บง่าย ถือเป็นการป้องกันความปวดเมื่อยและการเจ็บปวดเรื้อรังสุดฮิตอย่างออฟฟิศซินโดรมเป็นอย่างดี
ถ้ากล้ามเนื้อแข็งแรง จะช่วยทำให้ความสามารถและประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตัวเองดีขึ้น การบาดเจ็บหรือปวดเรื้อรังบริเวณกล้ามเนื้อจะลดลง บุคลิกภาพและการจัดวางท่าทางและตำแหน่งของร่างกายจะดีขึ้น
3. ความทนทานของกล้ามเนื้อ (Muscular endurance) คือ ขีดความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อเป็นระยะเวลาหนึ่งโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้า ทั้งการใช้อยู่กับที่และการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ลองนึกถึงเวลายกของหนักค้างไว้ การขึ้นบันไดหลายชั้น การปั่นจักรยานระยะไกล เป็นต้น
ถ้ากล้ามเนื้อทนทาน เราจะมีความสามารถในการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายต่อเนื่องโดยไม่บาดเจ็บ และยังช่วยเสริมความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิตอีกด้วย
4. ความยืดหยุ่น (Flexibility) คือ ขีดความสามารถของการขยับข้อต่อหรือกลุ่มข้อต่อขณะเคลื่อนไหว ร่างกายที่มีความยืดหยุ่นสูงจะสามารถเคลื่อนไหวผ่านข้อต่อในมุมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงเคยเห็นนักยิมนาสติกหรือนักบัลเลต์ที่มีความยืดหยุ่นตัวมากๆ กันมาแล้ว สำหรับคนทั่วไปที่ไม่คิดว่าจะเตะขาสูงหรือฉีกขาอะไรขนาดนั้น แต่การยืดหยุ่นก็ช่วยให้เราเส้นไม่ยึดตอนก้าวขาข้ามน้ำขังหรือเอี้ยวตัวหลบมอเตอร์ไซค์บนบาทวิถี แถมไม่เป็นตะคริวเวลาวิ่งออกกำลังอีกต่างหาก
บางคนอาจจะตัวอ่อนตามธรรมชาติ บางคนต้องหมั่นพัฒนาตัวเองจนตัวอ่อนในที่สุด ดังนั้นความยืดหยุ่นจึงไม่เกี่ยวกับรูปร่างและอายุ บ่อยครั้งเราถึงเห็นว่า สาวๆ พลัสไซส์ตัวอ่อนและยืดหยุ่นได้ดีกว่าพ่อรูปหล่อกล้ามใหญ่บางคนก็ได้
ถ้าร่างกายยืดหยุ่น จะเพิ่มขีดความสามารถในการเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหว ร่างกายมีความสมดุล รักษาสภาพการทำงานของข้อต่อ และลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
5. องค์ประกอบร่างกาย (Body Composition) คือ อัตราส่วนของน้ำ มวลกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน ในร่างกายเมื่อเทียบกับส่วนสูงและน้ำหนักตัว คำนวณเบื้องต้นจากดัชนีมวลกาย(BMI: Body Mass Index)
องค์ประกอบร่างกายไม่ได้วัดกันแค่น้ำหนักเท่านั้น เพราะบางคนมีรูปร่างและส่วนสูงใกล้เคียงกัน อีกคนน้ำหนักน้อยกว่าเพราะไม่ค่อยมีมวลกล้ามเนื้อ ขณะที่อีกคนมีน้ำหนักมากกว่าเพราะมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า น้ำหนักจึงไม่ได้บอกว่าใครมีสุขภาพดีกว่ากัน เพราะมวลกล้ามเนื้อมีน้ำหนักมากกว่ามวลไขมันอยู่แล้ว
ถ้าองค์ประกอบร่างกายดี จะมีสัดส่วนรูปร่างเหมาะสม กระบวนการทำงานของอวัยวะมีประสิทธิภาพ สุขภาพโดยรวมดี ลดความเสี่ยงของโรค เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
รู้อย่างนี้แล้ว จะได้สำรวจตัวเองและค่อยๆ ปรับไลฟ์สไตล์และการออกกำลังกายเพื่อเป็นคนสุขภาพดีอย่างแท้จริง