>>ชายหนุ่มรูปร่างสูง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาคนนี้ ยังศึกษาอยู่ปี 3 คณะดิจิตอลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ ซึ่งเป็นคณะวิชาใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขามีชื่อเล่นว่า “ข้าวเม่า-ม.ล.อธิฉัตร ฉัตรชัย” บุตรชายคนสุดท้องของ หม่อมราชวงศ์มณฑิรฉัตร ฉัตรชัย และมีศักดิ์เป็นหลานของ “หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย”
“ผมชอบถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอมาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย” เขาบอกถึงเหตุผลที่เลือกเรียนด้านภาพยนตร์ และเหตุผลที่เลือกมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เนื่องจากทางสถาบันมีอุปกรณ์การเรียนการสอนพรั่งพร้อม
ในช่วงที่เรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ข้าวเม่าเคยมีผลงานหนังสารคดีส่งเข้าประกวดโครงการกบจูเนียร์ ของรายการ กบนอกกะลา ซึ่งเปิดรับผลงานของเด็กนักเรียนจากทั่วประเทศ
“ผมกับกลุ่มเพื่อนๆ เคยทำส่งประกวด 2 เรื่อง ตอนเรียนชั้น ม.5 ทำเรื่องเกาะสีชัง ได้รางวัลที่ 2 ของประเทศ อีกเรื่องหนึ่งทำตอนเรียนชั้น ม.6 ทำเรื่องสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เรื่องนี้ได้ 2 รางวัล คือถ่ายภาพยอดเยี่ยม กับตัดต่อยอดเยี่ยม” อุปกรณ์ที่ข้าวเม่าใช้คือ กล้อง DSLR เขาบอกว่า “ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ผมถ่ายภาพค่อนข้างจะเรื่อยเปื่อย ผมชอบถ่ายเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ”
พูดถึงเรื่องเที่ยว ข้าวเม่าเล่าว่าสถานที่ที่เขาชอบคือ ภูกระดึง “ไปแล้วรู้สึกประทับใจครับ ธรรมชาติสวย คุ้มค่ากับการที่เราต้องเหนื่อยกับการเดินขึ้นไป ผมเคยไปครั้งแรกตอน ม.4 ตอนนั้นยังไม่ได้ถ่ายรูป คิดว่าจะกลับไปอีกครั้งเพื่อจะถ่าย” อีกแห่งคือ เชียงใหม่ “เป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ทุกอย่าง สีสันก็มี ธรรมชาติก็มี อากาศเย็นสบายอีกด้วย”
เรื่องเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เคยเป็นคล้ายประเด็นแหกกรอบในครอบครัวเหมือนกัน เขาสารภาพ “บางครั้งไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็เป็นห่วง หลังๆ เวลาไปไหนผมจะบอกคุณแม่ ซึ่งท่านก็อนุญาตให้ไปอยู่แล้ว”
ข้าวเม่ายอมรับว่าบุพการีทั้งสองค่อนข้างดุ และเลี้ยงดูแบบไม่สปอยล์เท่าไหร่นัก “ท่านจะปล่อยให้คิดเอง เห็นอะไรไม่ดีก็จะคอยเตือน แต่ไม่บังคับว่าเราจะต้องทำอะไรหรือเลือกเรียนอะไร ขอให้เราเลือกตามใจตัวเอง” ส่วนเรื่องที่เข้มงวด หลักๆ เป็นเรื่องระเบียบวินัย และการตรงต่อเวลา “ผมก็ดื้อบ้างละครับ แต่ไม่ถึงกับเกเร” เขาสารภาพพร้อมเสียงหัวเราะ
ข้าวเม่ามีคุณแม่ (ปิยะพร ฉัตรชัย ณ อยุธยา) เป็นต้นแบบ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต และความตั้งใจในการทำงาน “แต่ก็ทั้งคุณพ่อคุณแม่ล่ะครับ ท่านตั้งใจทำงาน ผมจะสนิทกับคุณแม่มากกว่า ไม่ใช่เพราะดุน้อยกว่านะครับ จริงๆ แล้วดุพอๆ กัน” ว่าแล้วก็หัวเราะสนุก
กับพี่ชาย (หม่อมหลวงฑวิฉัตร ฉัตรชัย) ที่วัยห่างกัน 3 ปี ข้าวเม่ายอมรับว่าไม่ค่อยสนิทกันนัก เนื่องจากไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันสักเท่าไหร่ “ก่อนหน้านี้ผมเรียนอยู่ที่ชลบุรี ส่วนพี่ชายเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ พอจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ผมเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พี่ชายก็กลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา และตอนนี้เขาก็ไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียแล้ว”
ชีวิตประจำวันของน้องข้าวเม่า แทบไม่ต่างจากวัยรุ่นทั่วไป เว้นว่างจากการเรียนแล้ว เขามักใช้เวลาหมดไปกับการออกกำลังกาย “เวลาว่างผมชอบไปเล่นฟิตเนสครับ นอกจากได้ออกกำลังกายแล้ว ยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วย ผมชอบเล่นเวตครับ อยากให้ตัวใหญ่กว่านี้ ผมเคยผอมมาก่อน ผอมมาก ตอนนี้เล่นฟิตเนสมาแล้วประมาณ 5-6 เดือน ก็ดูดีขึ้นมาบ้าง ไม่ขี้ก้างเหมือนแต่ก่อน”
ข้าวเม่าเล่าพลางหัวเราะ “ส่วนเรื่องอาหารผมไม่ค่อยได้คุมสักเท่าไหร่ เพราะเป็นคนที่น้ำหนักขึ้นยาก ผมเน้นกินให้มากขึ้นด้วย จะได้ตัวใหญ่ขึ้น คนส่วนใหญ่คิดว่าควรเล่นฟิตเนสอย่างเดียว แต่ผมว่าการกินเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน ต้องกินให้ครบให้พอ”
วัยรุ่นกับโซเซียลเน็ตเวิร์ก เป็นอีกคำถามหนึ่งที่ข้าวเม่าแสดงทัศนะตอบ “วัยรุ่นสมัยนี้ บางครั้งเวลาถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปแล้วไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อนโพสต์ลงโซเซียล หรือแชร์กัน ซึ่งบางทีก็ทำให้คนอื่นเสียหาย ผมเองก็เล่น แต่ส่วนใหญ่แล้วเอาไว้คุยกับเพื่อน โพสต์รูปลงให้ดูกัน ไม่ได้ถึงกับยึดติดกับมันมาก”
ส่วนเรื่องข่าวสารออนไลน์ ข้าวเม่าสนใจติดตามเช่นกัน “ยกเว้นเรื่องการเมือง” เขาบอก “เพราะผมไม่ค่อยรู้เรื่องการเมืองสักเท่าไหร่ ปกติผมอ่านข่าวสารในกระแสทั่วไปมากกว่า หรือเรื่องที่เกี่ยวกับงานภาพยนตร์ เรื่องกล้อง เรื่องการตัดต่อ เราติดตามเพื่อให้ทันเขา”
อนาคตข้างหน้า เมื่อข้าวเม่าเรียนจบ เขาคาดหวังอยากทำโปรดักชันภาพยนตร์กับเพื่อนๆ “ไม่ก็เรียนต่อ” เขาว่า “แต่ถ้าเรียนต่อก็คงเรียนต่อในเมืองไทยนี่ล่ะครับ เพราะว่าเป็นคนติดเพื่อน” ตามด้วยเสียงหัวเราะ
นอกจากเป็นคนเบื้องหลังแล้ว งานอาชีพคนเบื้องหน้าเขาเองก็สนใจ “ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ผมได้งานเดินแบบเสียมากกว่า เพราะผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ผมก็สนุกที่จะทำนะครับ มันให้ความรู้สึกคนละแบบกับการเป็นช่างภาพ” ในอีกไม่ช้าต่อจากนี้ เชื่อว่าหนุ่มข้าวเม่าจะมีบทบาทมากขึ้นในวงการ ไม่ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังหรือเบื้องหน้าก็ตาม :: Text by FLASH