>>แรกรู้จัก “ไผ่-พงศ์วรุฒน์ ปังศรีวงศ์” ทายาทหนุ่มหล่อแห่งเครือเกษมกิจ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง รวมทั้งโรงแรมในเครือเคปและแคนทารี่ผ่านหน้ากระดาษ ก็ชวนให้คิดไปไกลว่าเขาต้องเป็นหนุ่มสุดเนิร์ดที่เข้าถึงยาก เพราะด้วยโปรไฟล์การศึกษาที่สุดจะเพอร์เฟกต์ จบมัธยมจากรั้วโรงเรียนอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนชั้นนำของโลก ก่อนจะลัดฟ้าไปคว้าปริญญาตรีจากพรินซ์ตัน (Princeton) มหาวิทยาลัยระดับไอวี่ลีกของสหรัฐอเมริกามาครอง
ทว่าหลังจากได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาผ่านการพูดคุย กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่าเป็นหนุ่มเนิร์ดจริงๆ แถมยังเป็นพวกเพอร์เฟกชันนิสต์อีกต่างหาก แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าลืมที่จะนิยามตัวเองไปคือ เขาคือชายหนุ่มที่ทรงเสน่ห์ และชวนให้ค้นหาสุดๆ
หลังจากคว้าปริญญาตรีด้านการเมือง เศรษฐกิจและประวัติศาสตร์ มาครองได้สมใจ เขาตัดสินใจเดินทางกลับมาประเทศไทยทันทีที่เรียนจบ และเริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานอย่างไม่รอช้า โดยเจ้าตัวอัปเดตว่าเพิ่งไปเริ่มงานในฐานะ Business Strategy Analyst ที่บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เพียง 2 เดือน
“ผมตั้งใจไปลองหาประสบการณ์การทำงานนอกบ้านก่อน ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนเป็นไปตามธรรมเนียมครอบครัวเรานะครับ ที่ลูกๆ ทุกคนต้องไปลองเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงาน เรียนรู้งานจากบริษัทอื่นก่อนที่จะกลับมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน อย่างพี่แวว (ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล) ก่อนจะมาทำงานของครอบครัวก็ไปทำงานที่ยูนิลีเวอร์ ตัวผมเองโชคดีมากที่ได้มาทำงานนี้ เพราะงานนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ได้เห็นภาพกว้างของการทำธุรกิจ ผมตั้งใจว่าจะหาความรู้จากการทำงานนอกบ้านสัก 1-2 ปีก่อนจะเข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้านอย่างเต็มตัว”
อย่างไรก็ตาม ถึงช่วงนี้จะอยู่ในช่วงเก็บชั่วโมงบินจากการทำงานนอกบ้าน แต่เพราะเติบโตมากับธุรกิจครอบครัว บวกกับคุ้นตากับภาพของคุณพ่อและพี่สาวที่ทำงานหนักมาตลอด ทำให้ไผ่บอกตัวเองเสมอว่าวันหนึ่งเขาจะต้องนำความรู้ที่มีกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งงานด้านที่เขาสนใจที่สุดคือ งานโรงแรม โดยเฉพาะด้านอาหารและเครื่องดื่ม
“ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวผมชอบเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมของชาติต่างๆ ถ้ามีเวลาผมชอบไปตระเวนหาร้านอาหารใหม่ๆ ไปแล้วไม่ใช่แค่ไปลองชิมอาหารอร่อยๆ แต่ผมจะสังเกตตั้งแต่คอนเซ็ปต์ของร้าน อินทีเรีย ดีเทลการแต่งร้าน บรรยากาศโดยรอบ ตลอดจนศึกษาถึงกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ เท่าที่ผมสังเกตดูผมว่าลูกค้าคนไทยสมัยนี้เปิดใจรับกับสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น กล้าที่จะลองชิมอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ซึ่งผมว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ตัวผมเองถึงจะยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่บ้านเต็มตัว แต่ก็มีส่วนร่วมในหลายโปรเจกต์ ผมพยายามนำประสบการณ์ที่ได้มาจากการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ การอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องอาหารและไวน์ที่ผมสนใจ มาช่วยแชร์ไอเดียเพื่อใช้กับโรงแรมในเครือ”
แค่ได้ฟังเรื่องราวไลฟ์สไตล์ส่วนหนึ่งของหนุ่มหล่อตรงหน้า ก็พอสะท้อนถึงนิสัยที่ใฝ่รู้ในเรื่องที่สนใจแบบไม่ลดละของเขาได้เป็นอย่างดี งานนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เมื่อหนุ่มหล่อตรงหน้ายอมรับตรงๆ เมื่อถูกยิงคำถามว่า ดูจากโปรไฟล์แล้วสมัยเรียนเขาต้องเป็นหนุ่มเนิร์ดแน่ๆ
“เนิร์ดครับ จนถึงวันนี้ก็ยังเนิร์ดอยู่ แต่นิยามคำว่าเนิร์ดสำหรับผม คือ ถ้าชอบหรือสนใจอะไร จะศึกษาลงลึกในรายละเอียดของเรื่องนั้นมากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเด็กที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง โลกส่วนตัวสูงนะครับ ผมแค่สนุกกับการเรียนรู้ในสิ่งที่ผมสนใจ อย่างเรื่องไวน์ ผมเอนจอยมากที่จะศึกษา ความอยากรู้ของผม ทำให้ผมตั้งใจเรียนภาษาฝรั่งเศสและภาษา เพราะผมมองว่าภาษาเป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ อย่างแท้จริง”
นอกจากกิจกรรมสุดโปรดของไผ่ที่คนนอกฟังรวมๆ แล้วน่าจะเครียดมากกว่าสนุก ในอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคนนี้ เขาคือสปอร์ตแมนที่รักการออกกำลังกาย และหลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้งไม่น้อย กีฬาสุดโปรดของเขาคือ ขี่ม้า วอเตอร์สกี และดำน้ำ แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงวันหยุดพักผ่อน เขาเลือกอุทิศเวลาหลังเลิกงานแทบทุกวันให้กับการเข้ายิม
“ผมพยายามเข้ายิมให้ได้ทุกวัน สำหรับผมการบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้คือ ความสุข แต่ถ้าวันไหนที่เวลาไม่ลงตัวจริงๆ ก็ต้องยอมปล่อยไปบ้าง จะว่าไปผมค่อนข้างเป็นพวกเพอร์เฟกชันนิสต์นะครับ ตารางชีวิตในแต่ละวันของผมค่อนข้างแน่นอน เช้าตื่นมาผมจะอ่านหนังสือก่อนเลย หนังสือที่ผมอ่านจะเป็นพวก non-fiction เนื้อหาอาจจะเป็นเรื่องหนัก เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนคิดเยอะ เครียดง่าย เพราะฉะนั้นผมจะอาศัยทำสมาธิผ่านการอ่านหนังสือ ใช้ความคิดไปกับเรื่องที่อ่าน แทนที่จะหมกมุ่นกับเรื่องตัวเอง ส่วนหลังเลิกงาน ผมจะออกกำลังกาย และจัดเวลาสำหรับปาร์ตี้ สังสรรค์ ผมชอบไปแฮงเอาต์กับเพื่อน เรียนรู้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในสังคมไปพร้อมๆ กัน”
ผมได้เรียนรู้การทำงานจากคุณพ่อหลายอย่าง คุณพ่อท่านเป็นคนที่ใจกว้าง ให้โอกาสคนอื่นเสมอ อย่างลูกๆ เอง ท่านก็เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนเรื่องใหญ่ อย่างการตัดสินใจลงทุนหรือไม่ลงทุนในโครงการต่างๆ คุณพ่อเป็นตัวอย่างของคนที่ให้เกียรติคนอื่นเสมอ ท่านจะไม่ดูถูก หรือตัดสินคนอื่นว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี ผมเองอาจจะมีคาแรกเตอร์ต่างกับคุณพ่อ คุณพ่อจะค่อนข้างใจร้อน ส่วนผมค่อนข้างใจเย็น ใจดี จนบางครั้งดูเหมือนจะใจดีเกินไปด้วยซ้ำ ผมเป็นพวกชอบสปอยล์ ชอบเอาใจคนอื่น ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น” ไผ่บอกเล่าด้วยความภาคภูมิใจ
พอได้ยินหนุ่มหล่อตรงหน้าเผยตัวตนออกมาแบบไม่มีกั๊กแบบนี้ จึงขอใช้โอกาสนี้ยิงคำถามแทนสาวๆ หลายคน ”ผมไม่มีสเปกนะ ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงที่หน้าตาสวย หรือหุ่นดีแบบนางแบบ ผมขอแค่ผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเธอน่าสนใจ สำหรับผมเธอก็คือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกแล้ว ผมคิดว่าผู้หญิงทุกคนมีเสน่ห์ของตัวเอง อยู่ที่เราว่าจะมองเห็นมุมที่พิเศษของเธอไหม เธออาจจะไม่ต้องคุยแต่เรื่องมีสาระเสมอไปก็ได้ แต่แค่เป็นคนที่มีความน่าสนใจสำหรับผมก็พอแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มสดใสกล่าวทิ้งท้าย :: Text by FLASH