xs
xsm
sm
md
lg

“ตีรภัสร์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา” นักจัดการรุ่นใหม่ หัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>ภาพที่ชัดเจนภาพหนึ่งเมื่อเราได้นั่งคุยกับหนุ่มน้อยหน้าใหม่คนนี้ “ตีรภัสร์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา” เรารู้สึกถึงความเป็นชายหนุ่มที่มีความมุ่งมั่น ชอบการจัดการ และที่สำคัญเขายังยึดมั่นในเรื่องของความซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ธุรกิจ รวมไปถึงเรื่องความรัก ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สาวๆ น่าจะอยากรู้จักกับเขา

“ตีรภัสร์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา” หรือ เก้า ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “หม่อมหลวงธาดา เกษมสันต์” กับ “สุมาลี เกษมสันต์ ณ อยุธยา” จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาจะเคยบอกกับเราว่าอยากจะเรียนทางด้านนิติศาสตร์ เพราะพื้นฐานครอบครัวมาทางสายนี้กันหมด แต่เมื่อจับพลัดจับผลูมาเรียนด้านวารสารศาสตร์ก็ยังคงเป็นอีกสิ่งที่เขาชอบ

“ตอนแรกอยากเรียนนิติศาสตร์ เพราะที่บ้านเราก็เป็นสายกฎหมาย คุณพ่อ คุณลุง คุณน้าเป็นผู้พิพากษา เป็นทนายความกันหมด คลุกคลีมาจนผมชอบและยึดมั่นความยุติธรรม ถูกคือถูก ผิดคือผิด แต่พอดีสอบได้คณะวารสารฯ ก็เลยเรียน โดยเลือกเรียนสาขาโฆษณา ซึ่งสนุกดีเพราะต้องใช้ทั้งความคิดทางการจัดการและความคิดสร้างสรรค์ไปทั้งสองอย่าง”

ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่จบปริญญาตรีเขาก็ยังมีโอกาสเข้ามาช่วยกิจการของทางบ้าน ด้านสวนปาล์มทำให้เขาค้นพบอีกสิ่งที่เขาชอบนั่นคือการบริหารจัดการ และช่วงนี้เขายังอยู่ในวัยศึกษาหาความรู้ให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ โดยหลังจากจบปริญญาตรีเขาก็ไม่รอช้าสมัครเรียนปริญญาโท สาขาบริหารการจัดการระหว่างประเทศในทันที

“ความมุ่งมั่นตอนนี้คือการเรียนครับ กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่นิด้า ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ 2 อย่าง คือ ธุรกิจสวนปาล์มของครอบครัวที่จังหวัดกระบี่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณตา โดยผมช่วยดูเรื่องการจัดการ แต่เขาก็มีระบบค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้ผมเข้าไปศึกษาตั้งแต่ก่อนเรียนจบ

และตอนนี้เริ่มทำธุรกิจใหม่ร่วมกับเพื่อน (บอม-วรภพ คล้ายสังข์) เป็นผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์จอห์น เฮนรี (John Henry) และวาโก้ เข้าไปจำหน่ายที่ห้างเวียงจันทร์เซ็นเตอร์ ประเทศลาว ซึ่งทำให้รู้เลยว่าสิ่งที่เราเรียนมานั้นนำมาใช้ประโยชน์ได้ 100% เพราะวัดได้จากการที่เราไปทำธุรกิจที่มีเรื่องของมาร์เกตติ้ง ไฟแนนซ์ โอเปอเรชัน ยิ่งเป็นธุรกิจระหว่างประเทศด้วยยิ่งจำเป็น ถ้าเราไม่ได้เรียนมาอาจจะยาก เพราะประสบการณ์ของเราน้อย แต่เมื่อได้เรียนก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น”

แม้จะเห็นหน้าเด็กๆ แต่ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ให้ซัปพอร์ตเรื่องการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ โดยงานนี้หนุ่มเก้าบอกว่าใช้ความจริงใจและแสดงความมุ่งมั่นให้กับแบรนด์ได้เห็น

“ยอมรับเลยว่าเราเป็นมือใหม่ แต่เราก็แสดงความตั้งใจให้ทางแบรนด์เห็นว่าเรามีความตั้งใจอยากจะทำให้สำเร็จ และด้วยความที่เป็นเด็กเราก็มีความนอบน้อมที่จะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ และสอนงานให้เราด้วย พอเขาเห็นความตั้งใจที่จะเรียนรู้และลงมือทำก็เลยให้โอกาสเรา และประเทศลาวก็เหมือนบ้านพี่เมืองน้อง ภาษาก็ใกล้เคียงกัน ฉะนั้นการสื่อสารติดต่อก็ง่าย”

ส่วนเวลาว่างของหนุ่มนักจัดการคนนี้นั้นเขาก็จัดการหลายอย่างได้ลงตัวเช่นกัน เพราะเมื่อว่างเว้นจากการเรียนและธุรกิจแล้ว เขาก็ยังมีเวลาให้กับดนตรีและกีฬา

“ผมชอบเข้าฟิตเนสออกกำลังกายเพราะอยากให้สุขภาพแข็งแรง และมีบุคลิกภาพที่ดี บางทีก็เล่นดนตรีกับครอบครัว คุณพ่อชอบเล่นอิเล็กโทน มีเวลาก็จะแกะโน้ตเพลงมาเล่นกับลูก ผมเองก็เล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง อาทิ ไวโอลิน ขลุ่ย และซอ เวลาเล่นดนตรีรู้สึกว่าผ่อนคลาย”

สังเกตได้ว่าในการพูดคุยมีอยู่หลายครั้งที่เขามักจะเอ่ยถึงคุณพ่อ นั่นเพราะการเลี้ยงดูอย่างดีจากคุณพ่อ ทำให้เขานำคำสอนหลายๆ เรื่องของคุณพ่อมาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต

“ผมนำหลายๆ ส่วนจากคุณพ่อมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต เรียกได้ว่าตั้งแต่การอบรมของคุณย่าเลยดีกว่า เรื่องที่ทั้งคุณพ่อและคุณย่าสอนให้เรานึกถึงมากก็คือเรื่องของความยุติธรรม และไม่ใช่แค่เรื่องของความยุติธรรมเท่านั้น ยังรวมไปถึงเรื่องความซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติด้วย มีอยู่ประโยคหนึ่งที่คุณพ่อบอกก็คือ “กรวดเม็ดเดียวถ้าเป็นของชาติก็เอาไม่ได้” เพราะที่บ้านเคร่งครัดเรื่องของความซื่อสัตย์มาก เราไม่เอาเปรียบคนอื่น และต้องแสดงความจริงใจกับทุกคน”

จากพื้นฐานความเป็นคนซื่อสัตย์นี่เอง ทำให้ในเรื่องความรักเขาประกาศเลยว่า “เกลียดการนอกใจ” ฉะนั้นสาวคนไหนที่คบกับเขาไร้กังวลเรื่องความเจ้าชู้ได้เลย

“ผมเป็นคนซีเรียสเรื่องความรัก คบใครก็อยากจะคบไปนานๆ เพราะด้วยความที่ครอบครัวผมไม่เคยมีเรื่องชู้สาวให้เป็นปัญหาเลย จนวันที่คุณแม่เสียชีวิตกระทั่งทุกวันนี้คุณพ่อก็ยังอยู่ดูแลลูก ผมจึงยึดมั่นเรื่องของความซื่อสัตย์ และเกลียดมากคือการนอกใจ ผมไม่ได้มีสเปกสาวๆ แค่ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นคนน่ารัก คุยกันรู้เรื่องและรู้สึกว่าเขาจริงใจกับเราก็พอแล้วครับ”

ส่วนในตอนท้ายหนุ่มหน้าหวานคนนี้ก็ขอปิดท้ายด้วยการขายของเล็กๆ ว่า “สเตตัสตอนนี้โสดสนิทครับ” :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น