xs
xsm
sm
md
lg

ศุภกฤต มหาดำรงค์กุล สนุกกับงานบนความท้าทาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>“ความจริงตอนที่เข้าไปช่วยงานที่บ้านผมรู้สึกสนุกนะ แต่พอออกมาทำงานข้างนอก ได้เริ่มงานจริงจัง ผมแทบไม่อยากกลับไปทำงานที่บ้านเลย ตอนนี้ผมยังไม่คิดว่าจะทำงานที่ทำอยู่ตอนนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ แต่ยังอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองจะไปได้ถึงขนาดไหน ผมอยากรู้นะว่าถ้าเริ่มจากศูนย์แล้วเราจะไต่ขึ้นไปได้สูงขนาดไหน โดยที่เราใช้ฝีมือของเราเอง”

“โก้-ศุภกฤต มหาดำรงค์กุล” หนุ่มวัย 26 ปี เล่าความรู้สึกเกี่ยวกับงานที่เขาทำ ตำแหน่งปัจจุบันคือ Negotiator Advisory & Transaction Services Office ของบริษัท CBRE ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (ภาคภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระดับปริญญาโท ด้าน Hospitality & Tourism Management จากมหาวิทยาลัยโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ

“งานหลักที่ CBRE ผมจะดูอาคารออฟฟิศที่กรุงเทพฯ อย่างเดียว เป็นตึกออฟฟิศทั้งโปรเจกต์ที่กำลังขึ้นใหม่หรือกำลังจะขึ้น และอีกหลายโปรเจกต์ที่จะเข้ามาในเมือง รวมทั้งตึกเก่าก็ดู หน้าที่ผมทั้งดูแล หาลูกค้าให้ทางตึก เป็นที่ปรึกษา ทำเอกสารสัญญาต่างๆ รวมไปถึงการเจรจาต่อรองเรื่องราคาค่าเช่า ระยะเวลาเช่า และให้คำปรึกษาแนะนำอาคารที่จะทำออฟฟิศ”

เขาให้เหตุผลถึงการออกมาหาประสบการณ์นอกบ้าน ทั้งที่ยังมีธุรกิจของครอบครัวอย่าง “ศรีทองพาณิชย์” และ “โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ” รอให้ทายาทอย่างเขาสานต่อ “การออกมาทำงานที่อื่น ความจริงแล้วที่ผมเรียนมาได้สูงขนาดนี้ เพราะพ่อกับแม่ส่งให้เรียน ท่านก็หมดเงินไปเยอะนะครับ ผมก็เลยอยากจะตอบแทนท่านด้วยการออกไปหาประสบการณ์ ซึ่งมันดีกับตัวเราเองด้วย ไม่ใช่ว่าเรียนจบจากที่ไหนก็ได้ สุดท้ายแล้วกลับมาทำงานที่บ้าน ผมไม่อยากทำอย่างนั้น อยากจะออกมาเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่กับคนรอบข้าง เรียนรู้การทำงาน กับคนที่โตกว่าเรา มืออาชีพกว่าเรา เก่งกว่าเรา ตรงนี้มันเป็นประโยชน์มากกว่า”

โก้หมายถึงมุมมองและการทำงานกับคนกลุ่มเดียวกันในระดับล่าง ที่เขาจะทำงานกันจริงจังมากกว่าการเข้าไปทำที่บริษัทของตัวเอง แล้วนั่งทำงานโดยไม่มีประสบการณ์ ตนเองจะไม่ได้รับความไว้วางใจ ข้อนี้เขามองว่าสำคัญ

“อีกอย่างผมคิดว่างานที่ผมทำอยู่ตอนนี้ท้าทายดีนะ เพราะได้เจอคนเยอะ ทั้งลูกค้า เจ้าของธุรกิจ เจ้าของตึก Developer โชคดีตรงที่เราได้เห็นมุมมองของหลายคน ไม่ว่ามุมมองของคนไทยหรือต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทย แต่ละคนมีมุมมองไม่เหมือนกัน บางคนอาจมองว่าเศรษฐกิจเมืองไทยยังไม่ดี หรือมีการเมืองเข้ามา เขากลัวว่าจะกระทบกับการลงทุน ขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มที่เห็นว่ามันเป็นช่องทางที่เขาสามารถทำธุรกิจได้ แต่ละคนมีกลยุทธ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ดีสำหรับผมที่จะเรียนรู้

“สิ่งที่ท้าทายที่สุดน่าจะเป็นการทำงานกับผู้ใหญ่ ท้าทายที่จะทำยังไงให้เขาเชื่อใจว่าเด็กอย่างเราจะทำงานให้เขาได้ หรือดูแลโปรเจกต์ใหญ่ๆ ได้” โก้เป็นบุตรชายคนเดียว และเป็นคนกลางของครอบครัวพี่น้อง 3 คนของ “กฤษฎา” และ “วิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล” “ตอนนี้พี่สาว (ศรินญา) ยังทำงานข้างนอก แต่ก็ใกล้จะกลับไปช่วยงานที่บ้านแล้ว ส่วนน้องสาว (ภูริษา) ยังเล็กอยู่เลย อายุเพิ่ง 13 ห่างกับผมค่อนข้างเยอะ ก็เลยไม่ค่อยสนิทเหมือนผมกับพี่สาว”

ทั้งพ่อและแม่เลี้ยงดูลูกๆ โดยให้อิสระ โก้บอก “ท่านเลี้ยงแบบคนรุ่นใหม่ ความคิดไม่ค่อยเหมือนรุ่นคุณปู่คุณย่า เลี้ยงดูเราแบบตามใจมาก ท่านจะปล่อยให้เราทำเอง จะสอนให้เรียนรู้เอง ถ้าเกิดตัดสินใจผิด หรือถ้าจะเจ็บ เราก็ต้องเจ็บเอง ต้องยอมรับและก้าวเดินต่อไป จะไม่บอกว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่จะปล่อยให้ลองเองหมดเลย ซึ่งผมว่าก็ดีนะ พ่อแม่ถึงจะบอกในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายเราก็ต้องเรียนรู้เอง เจอเอง”

คำสอนของพ่อและแม่อีกอย่างที่เขาจำได้ขึ้นใจคือ “จะทำอะไรก็ตามถ้าเราไม่รัก ถึงทำไปก็เท่านั้น แต่ถ้าทำในสิ่งที่เรารัก ทำอะไรมันก็จะรุ่งเอง” สำหรับบุคคลต้นแบบ โก้ยกให้คุณปู่ (ดิลก มหาดำรงค์กุล) “ท่านเริ่มจากไม่มีอะไรเลย ตอนเด็กท่านเป็นช่างซ่อมนาฬิกา เก็บตะปูขาย เริ่มจากศูนย์ แต่เป็นคนขยันมาก เพราะเงินหายาก ไม่มีใครส่งเสียให้เรียนสูงๆ ท่านต้องเลี้ยงดูตัวเองด้วยการหางานทำ มาถึงยุคนี้ ผมถือว่าผมโชคดีเพราะคนรุ่นปู่รุ่นพ่อสร้างมาให้แล้ว ผมเลยมองว่า กว่าที่คุณปู่จะทำอะไรสำเร็จสักอย่าง ท่านต้องเหนื่อยมาก แต่สิ่งที่เราทำทุกวันนี้มันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่ท่านทำสมัยก่อนเลย

“ตอนผมอายุ 16-17 ผมชอบนอนตื่นสาย ปู่จะเดินมาเคาะประตู แล้วบอกว่าตื่นได้แล้ว อย่าขี้เกียจ ท่านว่าคนขี้เกียจทำอะไรก็ไม่เจริญ ตอนเด็กๆ ผมก็ฟังนะครับ จนถึงวันนี้ผมก็เชื่อว่าเป็นอย่างที่ปู่บอก”

เมื่อถามถึงอนาคต หลังจากที่เขาหวนกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เขาคิดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง โก้นิ่งคิดก่อนให้คำตอบ “ผมว่าธุรกิจแต่ละอย่างของที่บ้าน อย่างธุรกิจแรกคือธุรกิจนาฬิกา ทำมาตั้งแต่ยุคคุณปู่แล้ว ตอนนี้การขายนาฬิกามันก็ไม่ดีเหมือนสมัยก่อน เพราะเทรนด์มันเปลี่ยน ทำให้ธุรกิจนาฬิกาซบเซา ไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน แต่ธุรกิจมันอยู่ได้อยู่แล้ว มันอยู่ที่การปรับตัว ผมว่าถ้าจะเปลี่ยนแปลง มันก็จะเปลี่ยนแปลงโดยตัวของโปรดักต์เอง

“ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผมมองว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงคงจะเป็นเรื่องระบบของงานหรือของบริษัทมากกว่า เพราะตอนนี้พนักงานที่บริษัทมีผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ ถ้าผมเข้าไปผมก็อยากได้คนรุ่นใหม่ รุ่นผมเข้าไปช่วยมากขึ้น ผมว่าการบริหารคนท้าทายมากกว่างานที่ผมทำอยู่ตอนนี้ เพราะเราต้องเข้าใจเขา เราต้องเข้าใจความรู้สึกของเขา งานที่ผมทำอยู่ตอนนี้เหมือนการหาประสบการณ์ข้างนอกก่อน เพื่อที่ผมจะได้ไปบริหารงานของตัวเองในอนาคต”

ความสุขในชีวิตของโก้วันนี้ เป็นคำถามสุดท้ายที่เขาพูดตอบ “ผมมีความสุขกับครอบครัวนะ อาจเพราะผมเป็นคนติดครอบครัวด้วยมั้ง ผมติดคุณพ่อ รู้สึกว่าดี และโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ ด้านการงานก็มีความสุข ผมยังสนุกกับมัน ยิ่งทำก็ยิ่งเจออะไรที่มันท้าทายความสามารถของเรา มันเลยสนุก เป็นความสุขเล็กๆ ที่ผมว่าดี

“ทุกวันนี้ผมตื่นนอนแล้วรู้สึกว่าอยากไปทำงานมาก อยากไปทำอะไรให้มันเสร็จ เพื่อที่เราจะได้เปลี่ยนไปทำอีกโปรเจกต์หนึ่ง ยิ่งท้าทายเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากทำ” :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น