>>หลังจากคว้าปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์และการเงินจาก University of Colorad จากสหรัฐอเมริกามาให้ “คุณพ่อ-อภิชาต หวั่งหลี” และคุณแม่ “อัญชลิกา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ชื่นใจได้สำเร็จ “โตโต้-อภิชาต สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ก็รีบกลับมาเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ในโลกของการทำงาน โดยตอนนี้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ครั้งสำคัญ ในการร่วมงานกับองค์กรใหญ่ระดับประเทศ อย่าง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในฐานะฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ
เขาเริ่มต้นเปิดโลกแห่งการงานด้วยการเข้ามาชิมลางสานต่อธุรกิจร้านอาหารลิตเติล โฮม (Little Home) ของครอบครัว โดยดูแลในส่วนของ Operation และ Marketing “ผมเลือกที่จะเข้ามาดูแลด้านนี้เอง เพราะอยากมองเห็นภาพกว้างของธุรกิจ พร้อมลงมาสัมผัสกับหน้างานจริงๆ ด้วยการลงพื้นที่ไปสำรวจตามสาขาต่างๆ
สำหรับผมธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่สนุกไม่น้อย ถึงผมจะสามารถนำความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ที่เรียนมาปรับใช้ในหลายอย่างๆ เช่น เอาข้อมูลที่มีมาประมาณจำนวนลูกค้าในแต่ละวัน เพื่อให้สามารถจัดเตรียมวัตถุดิบได้พอเหมาะ ลดของเสียที่ต้องเหลือทิ้ง เนื่องจากร้านเราชูจุดเด่นเรื่องความสดใหม่ อาหารปรุงแบบวันต่อวัน แต่อย่างที่รู้ว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่ไม่อยู่นิ่ง ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าถ้าวันนี้มีลูกค้ามาเท่านี้ พรุ่งนี้จะมีลูกค้ามาเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และศึกษาไปเรื่อยๆ ครับ”
อย่างไรก็ตาม แม้จะสนุกกับธุรกิจของครอบครัวไม่น้อย แต่เพราะมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าหลังจากเรียนจบ อยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานนอกบ้านก่อน เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ ที่สิงห์ คอร์เปอเรชั่น โตโต้จึงไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดมือ
“ถึงจะเพิ่งเริ่มงานได้ 2 เดือน แต่ผมเชื่อว่าการทำงานที่นี่จะช่วยให้ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ผมไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะทำงานที่นี่นานแค่ไหน เพราะถ้ามีความสุขและสามารถต่อยอดความรู้ของตัวเองได้ ผมก็ยินดีที่จะทำไปเรื่อยๆ แต่แน่นอนว่าวันหนึ่งผมก็ต้องกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว พร้อมทำความฝันที่อยากมีธุรกิจของตัวเองให้เป็นจริง ถามว่าจะทำอะไร ผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่ที่เล็งๆ ไว้อาจจะเป็นร้านขนม ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่คิดไกล ขอตั้งใจทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุดก่อน”
สำหรับหน้าที่การงานที่เขารับผิดชอบอยู่ในขณะนี้ โตโต้บอกว่าด้วยความที่ยังอยู่ช่วงเริ่มต้น โปรเจกต์ใหม่ที่เกี่ยวกับการประสานงานกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นงานหลักของเขาอาจยังไม่มี ในช่วงนี้เขาจึงได้รับมอบหมายให้มาช่วยปลุกปั้นสิงห์ ปาร์ก ที่เชียงราย ให้กลายเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่ห้ามพลาดของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ซึ่งเจ้าตัวออกปากว่าเป็นงานที่สนุกและกำลังอินมากๆ เพราะนอกจากจะได้มีโอกาสเดินทางมาเชียงรายบ่อยกว่าที่เคยแล้ว เขายังได้ทำกิจกรรมใหม่อย่างการขี่จักรยาน ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของแถมอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์สุดโปรดด้วย
“ปกติผมชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว แต่ช่วงหลังๆ เล่นน้อยลง เหลือแค่ปั่นจักรยาน กับเล่นเวตเทรนนิ่ง สำหรับจักรยานต้องบอกก่อนว่าเป็นกีฬาที่ผมไม่เคยคิดจะเล่นเลย จนเข้าร่วมทำโปรเจกต์ที่สิงห์ ปาร์ก ซึ่งมีหนึ่งในไฮไลต์คือ เป็นพื้นที่สำหรับนักปั่น มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง พอมาทำ ผมก็อินเลยได้เริ่มปั่นจริงจัง และรู้สึกหลงรักการปั่นจักรยานแบบไม่รู้ตัว เพราะเป็นกีฬาที่ทั้งสนุก ได้ออกกำลังกายไปในตัว แถมได้เพื่อนใหม่ๆ”
ขณะที่เวตเทรนนิ่ง หนุ่มหล่อหน้าใสเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ตั้งแต่กลับมาน้ำหนักก็พุ่งปรี๊ดไปเฉียด 5 กิโลกรัม เพราะด้วยความที่ที่บ้านทำธุรกิจร้านอาหารก็ต้องช่วยชิม บางครั้งไปกินอาหารกับครอบครัว และญาติๆ ก็มักตกอยู่ในอาการปฏิเสธไม่ออก เมื่อผู้ใหญ่ให้ช่วยเคลียร์อาหารบนโต๊ะให้หมด
“ผมอาศัยเวตเทรนนิ่ง ควบคู่กับการคุมอาหารนี่แหละครับ ตอนนี้ก็รีดน้ำหนักออกไปได้พอสมควรใกล้ๆ กับตอนที่กลับมาใหม่ๆ แล้ว (หัวเราะ) ผมโชคดีที่ถ้าเวลาคิดจะลดน้ำหนัก ผมจะค่อนข้างจริงจัง เลยประสบความสำเร็จในการดูแลรูปร่างให้ดูดีได้เป็นอย่างดี”
นอกจากไลฟ์สไตล์วันว่างที่แสนเฮลตี้ ใครจะคิดว่า ในอีกมุมหนึ่ง หนุ่มหน้าใสจะแพ้ทางให้กับยานพาหนะคู่ใจของคนรักความเร็วอย่างมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเจ้าตัวออกปากว่า แอบรักมานาน แต่เพิ่งมีโอกาสมาขี่จริงจังหลังคุณแม่ไฟเขียวเมื่อไม่นานมานี้
“ตอนนี้ผมกำลังชื่นชอบมอเตอร์ไซค์มาก ผมชอบมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน รู้แต่ว่าผมชอบรูปโฉมที่สวยงาม และเสียงของเครื่องที่ฟังแล้วรู้สึกไพเราะเหลือเกิน ถึงจะชอบตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส เพราะสำหรับผู้ใหญ่ท่านมองว่าการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นเรื่องที่อันตราย จนเมื่อ 2 ปีที่แล้วคุณแม่ท่านใจอ่อน ยอมให้ไปเรียน และอนุญาตให้ผมซื้อมอเตอร์ไซค์ไว้ใช้ตอนเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ กระทั่งกลับมาเมืองไทย ผมก็ยังชอบมอเตอร์ไซค์ ตอนนี้ผมมีมอเตอร์ไซค์คู่ใจ 2 คัน คันหนึ่งเป็นคันโปรด BMW ไว้ใช้ออกทริปกับเพื่อนๆ ส่วนอีกคันของฮอนด้าคันเล็กลงมา สะดวกกับการใช้ในเมือง”
โตโต้ สารภาพตามตรงว่า ด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ เขาเลือกมอเตอร์ไซค์เป็นคำตอบสุดท้ายของการสัญจรไปมา ยกเว้นวันที่ต้องมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย เขาถึงเลือกที่จะใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะแทน
“ถึงจะมีคนรู้ใจแล้ว แต่รถมอเตอร์ไซค์ของผมยังไม่เคยมีสาวซ้อนท้ายนะครับ (หัวเราะ) เพราะผมรู้สึกว่า เวลาที่ต้องมีคนซ้อน ผมจะขับขี่ด้วยความกังวล กลัวว่าเราจะขับเร็วไปมั้ย เบรกแรงไปหรือเปล่า พอต้องขับด้วยความกังวลแบบนี้ ผมรู้สึกไม่แฮปปี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะต้องมีเพื่อนร่วมทางไปไหน ผมเลือกที่จะขับรถยนต์มากกว่า ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่ผมรัก ถึงวันไหนจะไม่ได้ขี่ออกไปกินลม ก็ต้องไปดู มาวอร์มเครื่องทุกวัน ถ้ามีเวลาว่างก็ต้องล้างเช็ดอย่างดี”
พอชวนคุยมาจนสบโอกาสที่ไบเกอร์หนุ่มแย้มหัวใจ เอ่ยถึงสาวรู้ใจ เลยถือโอกาสนี้ถามเผื่อสาวๆ ถึงสเปกสาวในฝันของหนุ่มหล่อโปรไฟล์เริ่ดซะเลย งานนี้ โตโต้เฉลยว่า ไม่เน้นหน้าตา แต่ขอให้เป็นผู้หญิงที่วางตัวดี รู้กาลเทศะ เข้ากับคุณพ่อคุณแม่ได้ ชอบผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง ดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอด” โตโต้กล่าวทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดี :: Text by FLASH