xs
xsm
sm
md
lg

ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล เลือดใหม่แห่งกลุ่มบริษัทเกษมกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>ผู้หญิงมากความสามารถคนนี้ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศนียบัตร Art History and Appreciation จาก Southeby’s Institute of Art และปริญญาโท ภาควิชาการจัดการ Imperial College ประเทศอังกฤษ ก่อนกลับมาเรียนรู้งานด้านการตลาดและประสบการณ์การทำงานจากองค์กรใหญ่ของยูนิลีเวอร์ จากนั้นจึงเข้าไปสานต่อธุรกิจของครอบครัว ในบริษัท เกษมกิจ จำกัด เจ้าของเครือโรงแรมเคป กรุ๊ป แคนทารี กรุ๊ป และคามิโอ กรุ๊ป

“แวว-ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล” เป็นบุตรสาวคนโตในครอบครัวพี่น้อง 3 คนของ “ธีระพงศ์ กับวัลลิยา ปังศรีวงศ์” ซึ่งแต่เดิมคุณปู่ของเธอเริ่มต้นธุรกิจจากการทำยา ขายยา และโรงงานทำยา รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายและทำการตลาดยาต่างประเทศ “คุณปู่เป็นคนสร้างอาคารสำนักงาน” เธอเล่า “หลังจากนั้นคุณพ่อก็เริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจากสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่า อยู่ที่ซอยนายเลิศ เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ คุณพ่อเริ่มทำตั้งแต่อายุ 24” และยอมรับว่าตอนเธออายุ 24 ยังไปไม่ถึงไหนเลย

“สิ่งที่ครอบครัวของแววสร้างมา แววไม่แปลกใจนะคะ เพราะเห็นคุณพ่อทำงานหนัก แต่ภูมิใจและคิดว่าเคารพคุณพ่อ ที่คุณพ่อเป็นคนมีการตัดสินใจเก่ง ถูกต้อง มีวิสัยทัศน์ และทำมาได้จนถึงขณะนี้ คุณพ่อสร้างทุกอย่างขึ้นมา”

เธอกล่าวถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองในเกษมกิจ บริษัทซึ่งไม่เพียงแต่จะมีธุรกิจที่เป็นเซอร์วิสเท่านั้น หากยังมีธุรกิจด้านที่เป็น Non-Service ด้วย เช่น โรงงานและอาคารออฟฟิศให้เช่า “แต่แววจะดูในส่วนของเซอร์วิสทั้งหมด ซึ่งมีคาเฟ่ โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ แววจะดูเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ เป็นบางโปรเจกต์ และช่วยในเรื่องของการตลาด รวมทั้งซื้อที่ ค่อนข้างเยอะค่ะ” แววสารภาพ “ยิ่งโปรเจกต์ขึ้นเยอะ แววก็เริ่มไม่ค่อยไหว ทำงานไม่ทัน”

โปรเจกต์ที่ว่า นับตั้งแต่ เคปกูดู ที่เกาะยาว ซึ่งจะเปิดประมาณปลายปีนี้ และที่พัทยากำลังจะมาอีก 3 โปรเจกต์ สมุยอีกหนึ่งโปรเจกต์ อีกทั้งปลายปีนี้เกษมกิจยังจะมีเปิดที่บางปะกง และโคราชด้วย ที่โคราชเป็นโปรเจกต์ใหญ่

“แววจุกจิกกับรายละเอียดบางอย่างค่ะ แต่บางอย่างก็หละหลวมเกินไป ยังต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้น และต้องปรับตัว บางอย่างควรละเอียดกับมันแต่กลับไม่ละเอียด ก็ต้องมาโมโหทีหลัง หรือบางอย่างก็ละเอียดเกินไป จนกระทั่งถูกคุณพ่อดุ เพราะทำให้งานคนอื่นเขาช้า คือจู้จี้มากจนงานไม่เดิน” เธอเล่าพลางหัวเราะ

เมื่อถามถึงผลงานที่เป็นความภูมิใจของเธอ แววตอบแบบไม่ลังเล “เคปนิทรา ที่หัวหินค่ะ เพราะได้เสียงตอบรับที่ดีมากกว่าที่คิด และเป็นงานแรกที่ทำ คุณพ่อให้ทำตั้งแต่ไปยื่นใบขอรังวัดที่ ไปขอไฟฟ้า คือนั่งไล่ทำตั้งแต่ต้น แม้จะมีผู้ใหญ่คอยประกบสอนอยู่ก็ตาม แต่ก็ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงาน ทำตั้งแต่ขีดต้นไม้เองว่าต้นไหนจะเก็บหรือไม่เก็บ จนกระทั่งเลือกตะเกียบ ชุดยูนิฟอร์ม จนมันสำเร็จออกมาก็รู้สึกภูมิใจ แล้วยังมีคาเฟ่ แคนทารี ที่ตอนนี้มีอยู่ 7 สาขา นี่ก็เรียกว่าเป็นความภูมิใจของแววเหมือนกัน เพราะปั้นมาเองกับมือ”

ควบคู่กันนี้ เธอยังมีธุรกิจร้านอาหารซึ่งร่วมทำกับญาติพี่น้องฝ่ายมารดาตระกูลสารสิน อย่างร้าน “เนื้อคู่” และร้าน “Camp Curry” ที่สยามพารากอน เป็นร้านเชนแกงกะหรี่ของญี่ปุ่น รวมถึง “Kakigoya” ที่ทองหล่อ เป็นร้านปิ้งย่างอาหารทะเลของญี่ปุ่น “เราลงมือทำจริงๆ กันอยู่ 2 คน คือแววกับแก๊บ (สุรภาพ ลิ่มอติบูลย์) ซึ่งเขาจะดูแลด้านอาหารและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ส่วนแววก็จะดูแลด้านตัวเลขและโอเปอเรชัน”

งานนอกเหนือจากนั้น แววพูดเสริมว่า เธอยังให้ความช่วยเหลือผู้เป็นบิดาในกิจกรรมเพื่อสังคมด้วย ก่อนหน้านี้พ่อของเธอมีส่วนผลักดัน พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณสัตว์ ยามนี้กำลังรณรงค์เรื่องใหม่ด้วยแคมเปญ “ปล่อยนก บุญหรือบาป” เป็นการสร้างจิตสำนึกให้คนในสังคมช่วยกันขบคิด ว่าการปล่อยนกเป็นการทำบุญจริงหรือเป็นบาป เพราะกว่านกเหล่านั้นจะมาถึงมือผู้ปล่อย พวกมันถูกจับออกมาจากป่า ถูกพรากมาจากครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอยู่แล้ว รวมถึงการบริจาคเงินให้กับเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับอาจารย์คณะเภสัชกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

อีกทั้งยังมีธุรกิจยาอีกอย่างที่พ่อของเธอดึงเข้าไปช่วย “แต่แววยังไม่ได้ช่วยอะไรมาก แค่ไปนั่งฟังเฉยๆ และเพิ่งค้นพบว่า การทำยานี่ยากกว่าทำโรงแรมเยอะมาก เพราะมันเป็นเรื่องชีวิตคน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นเรื่องเซนซิทีฟ แววไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ เพราะคุณพ่อยังไหว แววหวังว่าคงมีน้องสักคนหนึ่งที่จะมาช่วย และแววสัญญากับคุณพ่อแล้วว่าจะไม่ทำให้ธุรกิจยาของเราหายไป”

พูดถึงน้องสองคนฝาแฝด “พร้าว-พงศ์ศิษฏ์ ปังศรีวงศ์” ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เลือกไปทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ส่วน “ไผ่-พงศ์วรุตม์ ปังศรีวงศ์” ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สหรัฐอเมริกา กำลังจะไปเริ่มงานกับคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งเบียร์ช้าง คล้ายเดินตามรอยพี่สาว

“ความจริงการไปทำงานข้างนอก มันไม่ใช่แค่เรียนรู้งาน แต่มันเป็นการเรียนรู้เรื่องวินัยมากกว่า ถ้ามาทำงานของที่บ้านมาถึงปุ๊บก็เป็นนายเลย ก็จะไม่เข้าใจว่าเวลาทำงานกับคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร หรือว่าต้องตื่นเช้าเข้างานก่อนและเลิกงานเป็นเวลา หรือการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานต้องทำอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจแต่ปฏิบัติจริงได้ยาก ถ้าไม่ถูกบังคับมันก็จะนอกลู่นอกทางได้ง่าย

“น้องไผ่คงจะกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาสนุกกับงานแค่ไหน ส่วนน้องพร้าวบอกว่าอย่างน้อยๆ เขาขอทำงานจนได้ไปประจำอยู่ต่างประเทศก่อนละกัน เพราะเขามีความฝันว่าถ้าได้ทำงานเป็นข้าราชการกระทรวงแล้ว เขาก็อยากจะออกประจำที่ประเทศไหนก่อน ซึ่งนั่นก็แล้วแต่เขา คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บังคับ ส่วนตัวแววเองคิดว่าน่าภูมิใจดีนะคะ กับการมีใครสักคนในครอบครัวรับราชการ เหมือนทำงานให้บ้านเมืองสักคน”

ย้อนกลับมาที่ครอบครัวของแวว ซึ่งมีสามี “เบน เตชะอุบล” และ “น้องเตซ-วรัตถ์ เตชะอุบล” ลูกชายวัย 4 ขวบ เธอสารภาพว่าหลังจากมีลูกชายแล้ว เธอรู้สึกว่าเวลาในชีวิตค่อนข้างแน่นมาก มีเวลาส่วนตัวน้อย เพราะเธอทำงานเต็มเวลา และสามีก็ทำงานเช่นกัน

“งานพี่เบน แววช่วยน้อยมาก ยกเว้นเวลามีอีเวนต์ใหญ่แววจะช่วยไปเชิญแขกที่เคารพให้ หรือออกความคิดเห็นบ้างเวลาพี่เบนถาม แต่เราแยกกันเรื่องงานค่อนข้างชัดเจน เขาทำงานของเขา แววก็ทำงานของแวว ถ้าแววต้องการความช่วยเหลือแววก็จะถามเขา หรือถ้าเขามีอะไรอยากจะให้แววช่วยก็จะบอก เราเกื้อกูลกันแบบสามี-ภรรยาปกติมากกว่า ไม่พยายามไปก้าวก่ายกันมาก เดี๋ยวตีกัน” เธอเล่าพลางหัวเราะ

“แววเป็นคนค่อนข้างมั่นใจเวลาทำงาน พี่เบนก็เหมือนกัน ฉะนั้นเราต่างคนต่างทำแยกกันดีกว่า แววคิดว่าเราต่างแฮปปี้กับสิ่งที่ตัวเองทำ เวลาต้องการความช่วยเหลือก็จะบอกกันมากกว่า แต่ทีมงานพี่เบนส่วนใหญ่เป็นมืออาชีพ แววก็เลยไม่มีอะไรต้องช่วยสักเท่าไหร่”

สำหรับการเลี้ยงดูบุตรชาย แววบอกว่า “เราพยายามสอนให้เขาเป็นคนดี ให้เขาช่วยเหลือคนอื่น และสอนให้เขาติดดิน ด้วยความที่เขาเป็นหลานคนเดียวของที่บ้านแวว ทุกคนจะมารุมน้องเตซ ค่อนข้างสปอยล์ เราต้องพยายามเข้าไปทดแทนตรงนั้นด้วยการดุบ้าง เพื่อให้เขาอยู่ในระบบระเบียบ ซึ่งค่อนข้างยาก เพราะผู้สนับสนุนเยอะ น้องเตซชอบสัตว์ ชอบไดโนเสาร์ บ้าไดโนเสาร์มาก และชอบอ่านหนังสือ กีฬาไม่ค่อยเก่ง ท่าทางจะได้เป็นหนอนหนังสืออีกคนหนึ่ง”

ใน 1 วัน แวว-ธีรวัลคุ์ สามารถทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน เรื่องส่วนตัว และครอบครัว ต้องสวมหลายบทบาท ดูน่าจะเหนื่อย “แต่ถามว่ามีความสุขไหม แววมีความสุขดีค่ะ” เธอยืนยันเป็นข้อสรุป :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น