อาจเรียกได้ว่าเป็นตำนานบทใหม่แห่งซอยราชครู ที่ ก้อง-กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ตั้งใจทำตามฝันโชว์ผลงานสวนทางกับอดีตนักการเมืองชื่อดัง กร ทัพพะรังสี ผู้เป็นบิดา ด้วยการปลุกปั้นสร้างและบริหารงานธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ มูเกนได (MUGENDAI), ร้านมูเทกิ (Muteki) รวมถึงการนำเข้า มาการอง แบรนด์ “ปิแอร์ แอร์เม่ ปารีส” ขนมหวานแฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศส โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ก็ทำให้ร้านของเขาก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยได้อย่างงดงาม
ย้อนกลับไปประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ก้อง-กมลสุทธิ์ ตัดสินใจเบนเข็มชีวิตตัวเอง เปลี่ยนอาชีพจากงานด้านวิศวกรรมตามที่ร่ำเรียนมา ไปสู่การทำงานด้านการเงินที่บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ซึ่งที่นั่นแม้จะเป็นงานที่ทำให้มีความสุข แต่เมื่อเขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนอิ่มตัว ก้องก็ต้องตัดสินใจลาออก เพื่อเดินตามฝันทำธุรกิจอาหารตามที่ชื่นชอบ “จริงอยู่ที่ผมถูกปลูกฝังเรื่องการเมืองมาตั้งแต่เด็กนะครับ แต่ผมไม่อิน ไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมืองเลย อาจเป็นเพราะผมมีสิ่งที่รักแล้ว คือใจรักเรื่องอาหาร อยากทำเป็นอาชีพมากกว่า”
หนุ่มหล่ออมยิ้มพร้อมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพูดต่ออย่างอารมณ์ดี ว่าชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กแล้ว แต่สมัยนั้นเมืองไทยยังไม่นิยมอาหารญี่ปุ่นมากนัก จนเมื่อไปเรียนต่อที่บอสตัน ที่นั่นเขาได้พบร้านอาหารญี่ปุ่นมากมาย เมื่อได้เข้าไปกิน ไปสัมผัสวัฒนธรรมการกินที่ล้ำหน้า มีการนำอาหารแนวฟิวชั่นเกิดเป็นเมนูใหม่ๆ ก็สนใจและคิดอยากมีร้านสไตล์นี้
“ตอนกลับเมืองไทยก็อยากทำร้านอาหารครับ แต่ไม่ใช่แค่มีเงินแต่งร้าน หาเชฟมา ก็เปิดร้านได้ มันมีรายละเอียดมากกว่านั้นเยอะ ซึ่งผมเองยังไม่มีประสบการณ์เลยได้แค่คิด ต้องพับโครงการไว้ก่อน”
ระหว่างที่ทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์นั้น ก้องบอกว่าเขาโชคดีที่ได้รู้จักกับเหล่ากูรูในวงการ ไม่ว่าจะเป็นเชฟหรือเจ้าของร้านอาหารดังๆ ได้คำแนะนำมากมาย และเมื่อมั่นใจแล้ว จึงตัดสินใจร่วมหุ้นกับญาติและเพื่อนๆ เปิดร้านมูเกนได สาขาแรกที่ซอยทองหล่อ 12 ซึ่งเพียงไม่นาน “มูเกนได” ก็กลายเป็นร้านอาหารสุดฮอตแห่งยุค มีเหล่าคนดังมากมายแวะเวียนไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ
“ปกติร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปจะอยู่ชั้นล่างหรือชั้นใต้ดินใช่มั้ยครับ แต่อันนี้ผมเอาขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเลย จำได้ว่าตอนนั้นมีแต่คนค้าน บอกว่าร้านก็ใหม่ยังไม่มีคนรู้จัก แล้วขึ้นไปอยู่บนนั้น ใครจะไปกิน แต่ผมมั่นใจว่าถ้าของเราดีจริง คนจะมาเอง วัตถุดิบของผมทุกชิ้นคัดสิ่งที่ดีที่สุดมา อย่าง ปลาดิบ ก็ใช้แหล่งเดียวกับร้านมิชลินสตาร์ที่ญี่ปุ่น คำว่าแหล่งเดียวกันของผมคือ ไม่ใช่แค่ว่ามาจากตลาดปลาทซึกิจิเหมือนกันนะครับ แต่คือส่งมาจากร้านเดียวกันเลย นั่นคือ ความตั้งใจของผม ที่อยากให้คนไทยได้กินของอร่อย โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงญี่ปุ่น ผมมองตรงนี้มากกว่าเรื่องกำไรหรือเงินทองเสียอีก”
ความสนใจเรื่องการทำธุรกิจของ “ก้อง” ทำให้เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้ร้านอาหารของเขา โดยในช่วง 3 ปีแรก ชายหนุ่มคนนี้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำเองทุกอย่าง “ผมดูแลเองคนเดียวเลย ตั้งแต่ซื้อของ สั่งวัตถุดิบ วิ่งหาร้านส่งปลาที่ส่งสดทุกวัน ดูฮวงจุ้ย หาฤกษ์เปิดร้าน วันแรกลุ้นมาก ซึ่งโชคดีที่เรามาในจังหวะที่โซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังเติบโต ทุกคนมาที่ร้านก็เช็กอิน โพสต์อินสตาแกรม ก็เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ร้านเราแบบปากต่อปาก จนกลายเป็นที่รู้จัก”
ความสำเร็จที่มีในวันนี้ ก้องยอมรับว่ากว่าจะได้มาก็เหนื่อยแสนสาหัสพอควร เพราะทุกการทำงานก็ย่อมมีปัญหาและอุปสรรคทั้งสิ้น เพียงแต่เขาโชคดีที่พนักงานของเขาเป็นทีมทำงานที่ดี มีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน คิดบวก สามารถรับมือได้ในทุกสถานการณ์
“ตอนเปิดร้านได้ยังไม่ถึงปี ก็มีเหตุการณ์สึนามิใหญ่ที่ญี่ปุ่น ที่ทำเอาคนกลัวเลิกกินปลาดิบไปหลายเดือน จากที่กราฟของร้านกำลังพุ่งๆ กลายเป็นดิ่งลงเหวเลย ร้านเงียบมากช่วงนั้น ขาดทุนทุกวัน ช่วงนั้นเครียดนะ ผมไปซื้อเครื่องวัดกัมมันตภาพรังสี เอามาวัดวัตถุดิบที่ร้านโชว์ให้ลูกค้าเห็นเลยว่า เราเลือกปลามาจากแหล่งที่ไม่มีปัญหา ลูกค้าเริ่มมั่นใจก็ผ่านวิกฤติตรงนั้นมาได้ผ่านมาไม่ถึงเดือน เจอน้ำท่วมใหญ่ของเมืองไทยอีก ตอนนั้นลูกค้าน้อยลงมาก แต่ผมก็ไม่เคยท้อ ไม่เคยคิดจะเลิกทำร้าน คิดแต่ว่าอย่างไรก็สู้ ผมว่าถ้าเราใจสู้ มันจะเป็นแรงผลักให้เราหาทางออกไปได้ในที่สุด”
จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปีแล้ว มูเกนไดเติบโตขึ้นและย้ายร้านมาในทองหล่อซอย 10 และบนชั้น 9 ของเอ็มควอเทียร์ ที่ทำในธีมเพนต์เฮาส์ “พอมูเกนไดอยู่ตัว ผมก็มาเปิดร้านมูเทกิ (Muteki) เป็นอาหารญี่ปุ่นแนวลำลอง ราคารองลงมา คนก็ชอบนะ ตอนนี้มี 4 สาขาแล้ว ส่วนอีกร้านที่เพิ่งเปิดไปเมื่อเดือนก่อนคือ ร้าน Munch เป็นสไตล์ All day café เน้นอาหารสไตล์ยุโรปและอเมริกันครับ ทั้ง 2 ร้านใหม่ก็โอเคนะครับ”
ก้อง ปิดท้ายด้วยความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต จากแนวโน้มการลงทุนทั้งจาก “เป้าหมายการเติบโตของเราไม่มีลิมิต ในอนาคตก็จะมีการต่อยอดธุรกิจอื่นเพิ่มเติมแต่จะเป็นอะไรก็ต้องดูอีกครั้งครับ”