>>ย้อนหลังไปประมาน 15 ปี ห้างสุดหรูที่ทุกคนยกให้เป็นสถานที่อัปเดตแฟชั่นที่ทันสมัยที่สุดและหรูหราที่สุดคงต้องยกให้ “ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ชอปปิ้ง คอมเพล็กซ์” ที่ซึ่งทุกคนจะต้องแต่งเต็มที่เพื่อมาเฉิดฉายอัปเดตเทรนด์แฟชั่น ต่อมาก็ผุดศูนย์การค้าสุดหรูใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “สยามพารากอน” หรือ “ดิ เอ็มควอเทียร์” ที่ล้วนแล้วแต่ฉาบไปด้วยความทันสมัยของแฟชั่น ที่ซึ่ง “คุณวิกกี้-อรธิรา ภาคสุวรรณ” เจ้าของ Celeb Style ในวันนี้มีความผูกพันขนาดว่าทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นคือการหล่อหลอมสไตล์ของเธอ
ตลอดระยะเวลาการทำงาน “คุณวิกกี้” อยู่ในสายงาน PR Marketing มาตลอด ตั้งแต่สมัยบุกเบิกเอ็มโพเรียม จนกระทั่งถึงสยามพารากอนก็ยังไปช่วยงานในช่วงแรก เมื่อมาถึงจุดที่คุณแอ๊ว (ศุภลักษณ์ อัมพุช) คิดจะทำโปรเจกต์ใหม่คือ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ คุณวิกกี้จึงย้ายมาทำด้านพัฒนาธุรกิจและฝ่ายขาย เรียกได้ว่าเริ่มลุยตั้งแต่สร้างโปรเจกต์
“สำหรับ ดิ เอ็มควอเทียร์ นี่เรียกได้ว่าคลุกคลีมากจริงๆ เพราะมาช่วยคุณแอ๊วตั้งแต่เริ่มวาดแปลน เข้าไซส์งาน ตรวจงานขายทั้งหมด การได้ทำงานจุดนั้นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เราก็ชอบเพราะเห็นตั้งแต่เป็นแผ่นกระดาษ พื้นที่ยังไม่ถูกรื้อ จนสร้างเสร็จและเปิดมาได้ครบ 1 ปี จึงคิดว่าถึงเวลาที่จะกลับมาทำงานสายเดิม ดูแลต่อเพื่อให้ปังมากขึ้น คือ กลับมาเน้นเรื่อง Marketing และ PR ในส่วนของกลุ่มแฟชั่น ลักชูรี ทั้งศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์”
การทำงานอยู่กับธุรกิจรีเทลและแฟชั่นที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ประกอบกับการที่ต้องพบปะผู้คนทำให้เธอต้องรักษาภาพลักษณ์และดูแลตัวเองมากขึ้นด้วย “อาจเป็นเพราะเราคุ้นเคยกับแฟชั่นมามาก เราเห็นร้านค้า เราเห็นงานอีเวนต์ ก็เลยทำให้เราชอบไปโดยปริยาย แต่พื้นฐานก็เป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว รู้สึกว่าต้องแต่งตัวดี การดูแลภาพลักษณ์เป็นสิ่งจำเป็นต่อหน้าที่การงาน เช่น เป็นผู้บริหารต้องพบปะกับลูกค้ามามาย การแต่งตัวเป็นการแสดงออกถึงกาลเทศะ ความสุภาพ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำงานด้านไหน อย่างตัวเองทำงานด้านรีเทล ซึ่งเน้นหนักไปทางแฟชั่นก็เลยต้องดูความเหมาะสม”
ถ้าถามถึงการจำกัดความสไตล์ของเธอนั้น เธอบอกว่า จะเรียกเธอว่าเป็น “คุณนายวิกกี้” ก็ได้...เพราะสไตล์ของเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ซึ่งน่าจะได้อิทธิพลมาจากคุณแม่ของเธอที่ทุกวันนี้ก็ยังสวยเป๊ะไม่แพ้ลูก!
“สไตล์เราจะเป็นแนวคุณนาย Elegance มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็น “คุณนายวิกกี้” ตั้งแต่มัธยม เพราะเป็นคนที่ชอบใส่เครื่องประดับ เช่น ต่างหูมุก สร้อยประดับ ซึ่งน่าจะติดมาจากคุณแม่ เพราะคุณแม่ชอบแต่งตัวสวยๆ และท่านเป็นคนที่ดูแลผิวพรรณ ผิวหน้า สวยเป๊ะตลอด คุณแม่ใช้เวลาอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตอนเช้าประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนนอนอีก 2 ชั่วโมง เราเองจึงติดเรื่องแต่งตัว การดูแลผิวพรรณมาจากคุณแม่ แต่คงไม่มีเวลาประโคมได้เยอะเท่าท่านเพราะเวลางานของเราเร่งรีบมาก”
แถมยังให้ข้อแนะนำสำหรับสาวๆ ที่เป็นสไตล์คุณนายเหมือนกันให้สนุกกับการแต่งตัวว่า “การแต่งตัวแบบคุณนายนั้น ถ้าในสมัยก่อนไม่ค่อยมีการมิกซ์แอนด์แมตช์ จะเป็นชุดสีเดียว โทนเดียวซะมากกว่า แต่สมัยนี้เป็นสไตล์แบบมิกซ์แอนด์แมตช์ อาจจะเป็นคนละสีไปเลย ซึ่งก็ทำให้ดูเด็กลง การแต่งตัวดูทันสมัยขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการตั้งใจแต่งตัวให้ดูว่าไม่ตั้งใจ นั่นแหละยากมาก (หัวเราะ) อย่างเช่น การหยิบเสื้อผ้าคนละสีมาใช้ เครื่องประดับคนละสีมาแมตช์ก็จะทำให้ดูสนุกขึ้น”
แม้ว่าซิกเนเจอร์ของคุณวิกกี้ คือการแต่งตัวสไตล์ “คุณนาย” แต่สิ่งหนึ่งที่เธอย้ำและบอกกับเราก็คือ ไม่มีคำว่า “เซ็กซี่” แน่นอน!! เพราะรู้สึกไม่มั่นใจและไม่ใช่ตัวเอง ฉะนั้นขอเลือกสิ่งที่เราใส่แล้วมั่นใจเหมาะกับรูปร่างตัวเองจะดีกว่า
และเมื่อทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น และชอบแฟชั่น ฉะนั้นเรื่องการอัปเดตแฟชั่นในกระแสโซเชียลมีเดียก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณวิกกี้ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นชีวิตประจำวันของเธอเลยทีเดียว
“แต่ละฤดูกาลมีอะไรแปลกใหม่ต้องมีการอัปเดตกันบ้าง เดี๋ยวนี้การสื่อสารทุกอย่าง Real Time หมด ส่วนตัวจะชอบตามบล็อกเกอร์บางคน และดูคลิปใน Youtube ก่อนนอนทุกวัน ส่วนใหญ่จะดูเรื่องของ Beauty Lifestyle มีบ้างที่นำมาปรับใช้ ชอปปิ้งตามความเหมาะสมของคาแรกเตอร์เรา แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นของแพงตลอด เพียงแค่เรามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เป็น ส่วนใหญ่จะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ ASAVA เยอะที่สุด เพราะเป็นแนวคลาสสิก เรียบ โก้ ส่วนถ้าจะเอาแบบสีสันปาร์ตี้หน่อยก็จะเป็นแบรนด์ลาบูทีกส์ ที่ดูฟรุ้งฟริ้งแนวเจ้าหญิง
ส่วนของในตู้ที่เยอะที่สุด คงจะเป็นเครื่องประดับจำพวกสร้อยมุก ต่างหูมุก กับรองเท้าสไตล์ส้นสูง แบรนด์ที่ชอบซื้อเช่นแบรนด์ Charlotte Olympia, Roger Vivier รู้สึกว่าถ้าเราแต่งตัวเรียบๆ แล้วใส่รองเท้าที่สวย ก็จะทำให้มั่นใจขึ้นมาได้” สาวช่างแต่งตัวกล่าวส่งท้ายอย่างอารมณ์ดี :: Text by FLASH