>>แทบจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วสำหรับเรื่อง “ศัลยกรรม” เพราะยุคนี้ที่เรื่องของความสวยความงามคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิง และการศัลยกรรมก็คือตัวช่วยที่ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงจะได้ความสวยที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งครั้งนี้คอลัมน์ Interview ของเราคือ คุณหมอศัลยกรรมที่มีความโดดเด่นของปี 2016 นี้ “นพ.พลเดช สุวรรณอาภา” หรือ “หมอหลุยส์” ผู้ก่อตั้ง “จาเรม คลินิก” (Jarem Clinic) ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าชาวออนไลน์หรือชาวเน็ตที่สนใจเรื่องศัลยกรรมความงาม น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อคุณหมอหลุยส์และจาเรม คลินิก
แม้ภายนอกคุณหมอหลุยส์จะดูเป็นคุณหมออายุไม่มาก แต่ด้วยฝีมือและประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้ลูกค้าต่างบอกต่อและไว้วางใจในฝีมือการศัลยกรรมคุณหมอเป็นที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการศัลยกรรมเสริมจมูกและหน้าอก
คุณหมอหลุยส์จบแพทยศาสตรบัณฑิตที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อีกทั้งยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจนได้วุฒิบัตรแพทยสภาเฉพาะทางศัลยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และได้หาความรู้เพิ่มเติมด้วยการไปศึกษาต่อทางด้านศัลยกรรมความงามทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีและสหรัฐอเมริกา ด้วยคุณสมบัติมากมายเหล่านี้คงการันตีฝีมือคุณหมอหลุยส์ได้อย่างดี
แม้ว่าในระยะแรกจะไม่ได้มีความสนใจทางด้านศัลยกรรมมากนัก เพราะสิ่งที่ทำคือการดูแลเรื่องการผ่าตัดทั่วไป เป็นศัลยแพทย์ แต่พอทำมาสักระยะหนึ่ง เริ่มสนใจเกี่ยวกับความงามประกอบกับความเป็นคนที่ชอบเรื่องของศิลปะและช่างสังเกต จึงทำให้เริ่มมองเห็นภาพของการแต่งเสริม เติมแต่งให้ดูดีขึ้น ทั้งเรื่องของมุม องศา รูปร่าง หน้าตา รูปทรง สัดส่วน จากประสบการณ์ที่เห็นมาเยอะจึงนำมาปรับใช้กับการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม
“หลังจากเรียนจบก็ศึกษาต่อเกี่ยวกับแผนกศัลยกรรมที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แล้วก็เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยบูรพา โดยระหว่างนั้นมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องความงามทั้งหลาย จึงไปศึกษาต่อต่างประเทศทั้งประเทศเกาหลี และสหรัฐอเมริกา แล้วก็มาพัฒนาฝีมือเป็นสไตล์ของตัวเอง ซึ่งเราได้นำเทคนิคกับวิธีการผ่าตัด เทรนด์จากต่างประเทศมาใช้ แต่เรื่องดีไซน์ใบหน้าของลูกค้าเราต้องเป็นคนคิดเอง ผ่านมุมมองเรา ประยุกต์จากศาสตร์ทางตะวันตกและตะวันออกมาเป็นสไตล์เรา
...จนมาเปิดคลินิกส่วนตัวของตัวเองในชื่อ “จาเรม คลินิก” เป็นคลินิกศัลยกรรมความงาม อยู่ที่ RCA พระราม 9 เน้นทำตาสองชั้น ทำจมูก ทำปาก ทำหน้าอก สิ่งเด่นๆ ที่คนรู้จักจาเรม คลินิก ก็คือทำจมูกและเสริมหน้าอก”
นอกจากจะเป็นคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการทำศัลยกรรมทั้งผ่าตัดเสริมจมูก เสริมความงามบนใบหน้า และศัลยกรรมหน้าอกจนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าหลายๆ คน คุณหมอหลุยส์ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับคลินิกผ่าตัดเสริมความงามชั้นนำหลายแห่ง แต่ถ้าสะดวกที่สุดก็ต้องเป็นที่จาเรม คลินิก
หากจะถามว่าคุณหมอมีชื่อเสียงขนาดไหนในเรื่องของการทำศัลยกรรมความงาม คงจะวัดได้จากความประทับใจของลูกค้า ที่ลงความเห็นว่าเพราะคุณหมอใส่ใจในรายละเอียดทุกเคส พิถีพิถันในการผ่าตัดเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด และถูกใจลูกค้าที่สุด โดยหมอหลุยส์จะจริงจังตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการให้คำปรึกษาก่อนผ่าตัด เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ แล้วจะอธิบายว่าการผ่าตัดทำแล้วผลจะออกมาได้ในรูปแบบไหน สามารถทำได้ตามที่ลูกค้าต้องการได้จริงๆ หรือไม่ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ลูกค้าประทับใจก็คือที่นี่ราคาไม่แพงมากนัก แต่สามารถทำให้ทุกคนสวยได้
“ทุกวันนี้ที่คลินิกมีลูกค้ามาเสริมหน้าอกทุกวัน ส่วนใหญ่มาจากการบอกต่อ ลูกค้าส่วนใหญ่เห็นเพื่อนทำแล้วสวยและดี ราคาไม่แพงก็จึงมาปรึกษาผม ผมมีความสุขกับการได้แนะนำลูกค้าให้ได้รับรู้ถึงปัญหาที่เขามี และสามารถแก้ไขให้เขาได้
ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาปรึกษาจะมาหลายลักษณะ แต่สไตล์การทำงานของผมคือให้เขาเล่ามาให้หมดว่าอยากได้แบบไหน ทรงจมูกหรือทรงหน้าอก จากนั้นผมก็จะแนะนำว่าเหมาะหรือเปล่า ส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะเอารูปดารามาให้ดูแล้วอยากจะทำตามแบบนั้น ซึ่งถ้าดูจริงๆ เมื่อทำมาแล้วอาจจะไม่ได้แบบนั้นก็ได้ ทั้งร่างกาย สรีระ โครงกระดูก บางทีอาจจะไม่เข้ากับเขา ซึ่งผมจะเน้นออกแบบให้เข้ากับลูกค้ามากกว่า
เทรนด์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย ในอดีตจะเป็นทรงจมูกแบบนึง ปัจจุบันก็เปลี่ยนไปแล้วตามเทรนด์ เป็นแบบโด่งไม่มาก เสริมเหมือนไม่เสริม ต้องมีการศึกษาแฟชั่นอยู่บ้าง แต่บางครั้งก็เป็นผู้นำแฟชั่นเอง ออกแบบทรงเอง”
เห็นเป็นหมอผ่าตัดศัลยกรรมมือหนึ่งอย่างนี้ แต่ครั้งหนึ่งใครเลยจะรู้ว่า เขาเคยเกือบจะทิ้งมีดหมอ ถอนตัวจากวงการแพทย์ ไปเอาดีทางด้านอื่นซะแล้ว!!
“โดยส่วนตัวชอบศิลปะ ชอบถ่ายภาพ สมัยเรียนผมเป็นช่างภาพประจำคณะ ช่วงที่เป็นนักศึกษาแพทย์ อยู่สักปี 4 ปี 5 อยากจะลาออกเพื่อไปเรียนถ่ายรูปเลยนะ!! ช่วงนั้นชอบมากไปเทกคอร์ส เรียนกับสมาคมถ่ายภาพ กับนิตยสารต่างๆ ที่เขามีเปิดอบรม เพราะเราชอบมององศาหน้า ชอบถ่ายแบบคนอยู่แล้ว แต่คิดไปคิดมาว่าทางช่างภาพจะไม่รอด อยู่สายหมอดีกว่า (หัวเราะ) ปล่อยให้งานถ่ายภาพเหมือนเป็นงานอดิเรก ซึ่งงานอดิเรกนั้นก็นำมาใช้กับงานเราในปัจจุบันได้เพราะเราจะมองออกว่ามุมไหนสวย จะปรับตา ปรับจมูกอย่างไรให้สวย เหมือนเรามองผ่านเลนส์
เพราะงานด้านศัลยกรรมเป็นการสร้างสรรค์งานทางด้านศิลปะรวมกับศาสตร์ความรู้ด้านการแพทย์ จะขาดหรือด้อยทางด้านใดไม่ได้ ต้องใช้ความรู้ทั้งสองอย่างร่วมกัน ในการดูแลลูกค้าแต่ละเคส การฝึกฝน และการศึกษาความรู้ใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สำคัญ ประสบการณ์กับผลงานจึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างยิ่ง”
ส่วนในด้านครอบครัวของหมอศัลยกรรมมือหนึ่งนั้น ก็มีอีกหนึ่งหมอศัลยกรรมที่ทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด นั่นก็คือ “หมอยุ้ย-ณัฎฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล” ภรรยาของคุณหมอหลุยส์ ที่ตอนนี้มีพยานรักด้วยกันแล้ว 1 คนและกำลังอยู่ในท้องอีก 1 คน
“ผมแต่งงานมาได้ 3 ปีแล้ว โดยหมอยุ้ย (ภรรยา) สมัยก่อนเราก็รู้จักกันเป็นพี่น้องสายรหัสกันที่มหาวิทยาลัย รู้จักกันแล้วก็หายกันไปช่วงหนึ่งเพราะต่างคนต่างไปเรียนต่อ ไปทำงานแล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง จนตอนนี้มีลูกสาวแล้ว 1 คน แล้วในท้องอีก 1 คน
ทุกวันนี้ก็ทำงานคลินิกด้วยกัน โดยหมอยุ้ยจะเป็นผู้ที่ทำตาสองชั้น เก็บหนังตา เพราะเขาเรียนมาทางจักษุแพทย์ก็สามารถทำส่วนนี้ได้ ไม่ใช่แค่ดูแลสุขภาพดวงตา” การทำงานด้วยกันในครอบครัวหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยกับเรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยการฟังในสิ่งที่แต่ละคนเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ในเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้ง
“นอกจากดูเรื่องผ่าตัดแล้ว ผมยังดูเรื่องการตลาดด้วย เพราะว่ามีความสนใจเรื่องของการบริหารงานอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีผู้ช่วยแต่ถ้ามีเวลาว่างผมก็จะไปประชุมเรื่องการบริหารการจัดการด้วย การบริหารคลินิกต้องบอกก่อนว่าไม่เหมือนการทำการตลาดสินค้าอื่นๆ เพราะคลินิกมีข้อจำกัดเยอะ ต้องมีการตรวจ คัดกรองให้ถูกต้องที่สุด ส่วนเรื่องบัญชีจะให้หมอยุ้ยช่วยดูด้วย
ทำงานด้วยกันต้องคุยเรื่องธุรกิจด้วย มีบ้างที่ความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ช่วยกันรับฟังความเห็นของแต่ละฝ่ายว่าแบบไหนดีกว่า อาจลองทำตามแบบที่คนหนึ่งเสนอดูถ้าทำแล้วไม่ดีก็เปลี่ยนมาเป็นของอีกฝ่าย เวลาเขาตัดสินใจอะไรก็ยกเครดิตให้เขาดูแลส่วนนั้นเป็นหลัก ถ้าขัดแย้งก็จะจบที่ทำงาน แต่กลับมาบ้านก็จะไม่คุยเรื่องนั้นอีก”
นอกจากเรื่องงานที่ทำการผ่าตัดวันละหลายเคสแล้ว คุณหมอหลุยส์ก็ยังไม่ทิ้งความชอบเดิมด้านการถ่ายภาพเพราะถ้ามีเวลาเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเลนส์มาปัดฝุ่น จับลูกและภรรยามาเป็นนางแบบให้รัวชัตเตอร์เก็บภาพความน่ารักอบอุ่นของครอบครัว
“ตอนที่เพิ่งเปิดคลินิกใหม่ๆ ทำงานค่อนข้างหนัก เช้ายันเย็น ทำจนเสร็จหมดทุกเคส แต่ถ้ามีวันไหนที่ลูกค้ารีเควสต์ก็อาจจะเพิ่มให้ในบางจุด ช่วงหนึ่งเคยทำงาน 7 วันเลย บางครั้งคิดว่าเหนื่อยไป เราควรใช้ชีวิตให้สมดุล จึงเริ่มมีกฎว่าใน 1 สัปดาห์ต้องมีวันหยุด 1 วัน ถ้ามีเวลาว่างจะพาครอบครัวไปเที่ยว ไปต่างจังหวัดไปต่างประเทศบ้างดูว่าที่ไหนน่าสนใจเราก็จะไปกันเลย
เมื่อก่อนจากที่เคยเที่ยวกันเองลุยๆ แต่ตอนนี้ไปเที่ยวไหนก็ต้องนึกถึงลูก มักจะไปสวนสัตว์ สวนสนุกที่เหมาะกับเด็กมากกว่าแต่เราก็สนุกไปกับลูกได้ แถมเรายังหยิบความชอบเรื่องศิลปะเรามาใช้เพื่อพักผ่อน ชอบถ่ายรูปเวลาไปเที่ยวกับครอบครัว ถ่ายรูปลูกเก็บไว้ บางทีก็ไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน เรื่องอาหารเราชอบคล้ายกัน คือชอบทานซูชิ อาหารญี่ปุ่น
แต่ถ้าถามถึงเวลาว่างส่วนตั๊วส่วนตัวของคุณหมอหลุยส์แล้วนั้น เขามักจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือธุรกิจเป็นการหาความรู้ให้ตัวเอง เพราะเร็วๆ นี้เขากำลังจะมีธุรกิจใหม่ เป็นการทำแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ทิ้งงานผ่าตัดศัลยกรรมความงามเพราะหน้าที่ของเขาก็คือการสนับสนุนให้ผู้หญิงสวยขึ้นในแบบฉบับของตัวเอง :: Text by FLASH
Special Thanks : โรงแรม Pullman Bangkok Grand สุขุมวิท โทรศัพท์ 0-2204-4000 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ